รีวิว The Hooligan (ฮูลิแกน) ซีรีส์แฟนบอลหวดกันจากโปแลนด์ เดินเรื่องช้า ดราม่าเข้มข้น แต่ไม่ค่อยมีอะไรน่าจดจำ บทความรีวิวนี้ ถูกเขียนขึ้นมาจากความรู้สึกส่วนตัวของผม หากผิดพลาดประการใด หรือไม่ถูกใจใครต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ แต่ก่อนจะมาเริ่มการรีวิวเรามาดูเรื่องย่อกันก่อนดีกว่า รับชมหนังซีรีส์ระดับพรีเมียม กดสมัคร TrueID+ ดูได้ทุกที่ 24ชม. คลิก!! เรื่องย่อ The Hooligan (ฮูลิแกน) ซีรีส์เรื่องนี้เป็นผลงานออริจินัลจาก Netflix โปแลนด์ ติดตามเรื่องราวของ Kuba (รับบทโดย Grzegorz Palkowski) เด็กหนุ่มเลือดร้อนผู้เป็นแฟนบอลตัวยงของทีมประจำเมือง แต่เขามักจะถูกพ่อกีดกันและห้ามไม่ให้ไปยุ่งกับเหล่าแฟนบอลหัวรุนแรง หรือ "ฮูลิแกน" เนื่องจากพ่อของเขาเคยเข้าไปพัวพันกับกลุ่มนี้จนทำให้ต้องติดคุกไปนานหลายปี จนกระทั่งวันหนึ่ง Kuba ได้ถูกแฟนบอลทีมตรงข้ามรุมทำร้าย อันเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เขาได้เข้าไปพัวพันกับกลุ่มแฟนบอลหัวรุนแรงเพื่อล้างแค้น โดยหารู้ไม่ว่ามันจะเป็นจุดเริ่มต้นของความวุ่นวายมากมายต่างๆ ที่จะตามมา The Hooligan (ฮูลิแกน) มีทั้งหมด 5 ตอน สามารถรับชมได้ทาง Netflix ตัวอย่าง The Hooligan (ฮูลิแกน) รีวิว The Hooligan (ฮูลิแกน) สำหรับซีรีส์เรื่องนี้นั้นผมเองได้เห็นมาก่อนที่จะเข้า Netflix ไม่นาน และก็ตั้งตาคอยอยู่พอสมควรเพราะเคยดูไตรภาค Green Street Hooligans มาก่อน ซึ่งจะบอกเล่าเรื่องความขัดแย้งระหว่างแฟนบอลเหมือนกัน ผมเลยแอบมีการตั้งความคาดหวังไว้นิดๆ ว่าเรื่องนี้คงจะสนุกเหมือนกัน แต่กลับกลายเป็นว่าซีรีส์เรื่องนี้นั้นแตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง เพราะเขาจะเน้นดราม่าเป็นหลัก ไม่ได้มีฉากแอ็กชันที่แฟนบอลยกพวกตีกันให้เราได้เห็นเท่าไหร่ ต่างจากฉบับหนังที่จะมีฉากแอ็กชันให้เราได้ดูค่อนข้างเยอะ ตัวซีรีส์เปิด 2 ตอนแรกมาด้วยการปูเรื่องให้เราได้ดูรู้ถึงจุดเริ่มต้นของพระเอกว่าเขาได้เข้าไปพัวพันกับกลุ่มแฟนบอลหัวรุนแรงได้อย่างไร เขาดำเนินไปแบบเรื่อยๆ ค่อนข้างช้าและแอบน่าเบื่อนิดหน่อย เชื่อว่าหลายคนอาจจะทนดูได้ไม่นานและปิดไปก่อน แต่หากเราทนดูต่อไปจนจบตอนที่ 2 เรื่องราวทุกอย่างก็จะเริ่มสนุกและน่าติดตามมากขึ้น แต่ก็แค่นิดเดียวเท่านั้น ไม่ได้น่าติดตามอะไรขนาดนั้น แม้ว่าตั้งแต่ตอนที่ 3 เป็นต้นไปเนื้อเรื่องจะมีความน่าติดตามมากขึ้น แต่ก็ต้องยอมรับว่าการดำเนินเรื่องยังเหมือนเดิม ดำเนินเรื่องไปแบบเนิบๆ เน้นดราม่าเข้มข้นยาวไปทั้งเรื่อง จุดนี้แหละที่อาจจะทำให้หลายคนรู้สึกเบื่อ เพราะเหมือนเราต้องดูแบบเครียดๆ จริงจังนั่งขมวดคิ้วตั้งแต่ต้นจนจบ ไม่มีจังหวะให้คนดูได้ผ่อนคลายเลย บวกกับพล็อตเรื่องที่ติดตามเรื่องราวของวัยรุ่นธรรมดาคนหนึ่งที่เข้าไปอยู่ในโลกใต้ดิน ซึ่งเป็นพล็อตที่คนดูเคยเห็นมาจนเบื่อแล้วและทุกคนก็รู้ว่าสุดท้ายจุดจบของตัวเอกที่เลือกชีวิตแบบนี้มักจบไม่สวย และพอผมดูจนจบมันก็เป็นแบบนั้นจริงๆ มันเลยค่อนข้างจำเจไปเสียหน่อย แถมตัวซีรีส์เองก็ไม่ได้มีอะไรที่โดดเด่นหรือน่าจดจำเป็นพิเศษด้วย หากให้เทียบกับหนังไทยมันก็ให้อารมณ์คล้ายๆ เรื่อง 4 Kings ที่จะเน้นไปที่เส้นเรื่องดราม่าของตัวเอกเป็นหลักมากกว่าฉากยกพวกตีกัน เพียงแต่ว่าซีรีส์เรื่องนี้ยังบิ้วฉากดราม่าได้ไม่ดีเท่าไหร่ บางซีนก็บิ้วมากำลังดีแล้วแต่เขาก็ดันตัดจบไปก่อน มันจึงทำให้ดูแล้วไม่ได้รู้สึกอินอะไรมากมาย มีแต่ความรู้สึกเฉยๆ เสียมากกว่า แม้ว่าผมจะรู้สึกเฉยๆ แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าตัวซีรีส์ไม่มีข้อดีอะไรเลย เพราะตัวบทยังเขียนมาได้ค่อนข้างดีและรุนแรงแบบถึงพริกถึงขิง ไดอะล็อคที่ตัวละครพูดคุยกันก็เขียนมาดี จุดเปลี่ยนต่างๆ ในเรื่องเองก็มีหลายครั้งที่หักมุมแบบเรานึกไม่ถึง โดยเฉพาะบทสรุปในตอนท้ายที่เขาพาเราไปได้สุดทางและปิดฉากได้อย่างสวยงาม แต่มันดันติดที่การนำเสนอเนี่ยแหละที่มาแบบโทนเดียวทั้งเรื่องจนทำให้ภาพรวมของซีรีส์มันดูดรอปไปเลย อีกอย่างที่เสียดายก็คือตัวซีรีส์เขาดันไปโฟกัสแต่เส้นเรื่องของตัวละครพระเอกมากจนเกินไป แทบไม่มีการโฟกัสไปที่เรื่องราวความขัดแย้งของเหล่าแฟนบอลเลย ฉากแอ็กชันยกพวกตีกันมันๆ ก็ไม่มีให้ดู แม้ว่าส่วนตัวผมเองจะไม่ได้เห็นด้วยกับการใช้ความรุนแรงของพวกแฟนบอลพวกนี้ แต่ผมก็ยังเห็นฉากพวกเขายกพวกตีกันอยู่ดี เพราะชื่อเรื่องก็บอกอยู่แล้วว่า The Hooligan แต่แทบไม่ได้โฟกัสเรื่องนี้เลย นับว่าเป็นเรื่องที่น่าเสียดายจริงๆ ส่วนต่อมาที่อยากจะชมอีกคือเรื่องการแสดง ส่วนนี้นี่เกินความคาดหมายมากๆ นักแสดงเล่นดีกันทุกคนตั้งแต่ตัวหลักไปจนถึงตัวสมทบ ในส่วนนี้คือไม่มีอะไรจะติจริงๆ ส่วนในด้านงานสร้างและงานโปรดักชั่นเองก็ทำออกมาได้ดีเยี่ยมเช่นกัน สรุปโดยรวมเลยก็คือซีรีส์เรื่องนี้นับเป็นซีรีส์ดราม่าอาชญากรรมอีกเรื่องที่พอดูได้เพลินๆ แต่ไม่ค่อยมีอะไรน่าจดจำเสียเท่าไหร่ เหมาะกับคนที่ชอบดูแนวดราม่าอยู่แล้วเนื่องจากซีรีส์ดำเนินเรื่องค่อนข้างช้า แต่หากใครที่คาดหวังว่าจะได้ดูฉากตีกันมันๆ เน้นความบันเทิง ซีรีส์เรื่องนี้ก็อาจจะยังไม่ตอบโจทย์เท่าไหร่ อย่างไรก็ตาม รีวิวนี้เป็นเพียงความรู้สึกส่วนตัวเท่านั้น อย่าเชื่อทั้งหมดที่ผมรีวิว ทุกคนควรไปดูและตัดสินมันด้วยตาตัวเองจะดีกว่า ท้ายสุดนี้ขอขอบคุณทุกคนที่อ่านจนจบครับ :) ฝากกดแชร์ และกดติดตามเพื่อจะได้เห็นบทความใหม่ๆ ของผมในอนาคตด้วยนะครับ ช่องทางอื่นๆ ในการติดตาม ละเลงหนัง กลุ่มสำหรับพูดคุยเรื่องหนัง : พูดคุยเรื่องหนังทุกเรื่องบนโลก บทความอื่นๆของ ละเลงหนัง : รีวิว The Trauma Codes: Heroes on Call (ชั่วโมงโกงความตาย) ซีรีส์ตีแผ่ชีวิตหมอห้องฉุกเฉินที่ดูโคตรเพลินแถมยังได้ความรู้ [มีพากย์ไทย] รีวิว The Wild Robot หุ่นยนต์ผจญภัยในป่ากว้าง หนังแอนิเมชั่นเข้าชิงออสการ์ ดูได้ที่ True ID รีวิว Late Night with the Devil (คืนนี้ผีมาคุย) สุดยอดงานคราฟชั้นดีที่แฟนหนังผีไม่ควรพลาด รีวิว The Substance สวยสลับร่าง ความสวยงามที่ไขว่คว้า อาจมีราคาที่ต้องจ่าย รีวิว Ad Vitam (ปฏิบัติการเพื่อชีวิต) หนังแอ็คชั่นที่เปิดเรื่องมาดี แต่ดันปูเรื่องยาวเหยียดจนชวนหลับ [มีพากย์ไทย] รีวิว ESCAPE (หนี ให้พ้นนรก) หนังทหารหนีทัพจากเกาหลีที่ดูได้เพลินๆ แต่ยังไปได้ไม่สุดทาง [มีพากย์ไทย] รีวิว Back in Action (สายลับกลับมาลุย) หนังแอ็คชั่นคอมเมดี้น้ำดีเรื่องใหม่จาก Netflix ที่ทุกคนไม่ควรพลาด ปั่น ฮา สนุก ครบรสทุกอารมณ์ [มีพากย์ไทย] แหล่งที่มาจาก NetflixPL ภาพปก: 1 ภาพประกอบ: 1 / 2 / 3 / 4 วิดีโอ: The Hooligan - Official Trailer จาก Youtube: Netflix Polska เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !