"The Flash" สาหัสหนัก! จ่อเป็นหนังตราบาปรายได้ของดีซี แทนที่ "Green Lantern"
ดูเหมือนว่านี่จะเป็นอีกหนึ่งความชอกช้ำของค่ายหนังดีซี ที่ต้องเผชิญหน้ากับความล้มเหลวทางด้านรายได้ในผลงานของตัวเองในฤดูร้อนปีนี้ "The Flash" กลายเป็นความน่าผิดหวังที่สวนทางกับกระแสและคำวิจารณ์ที่ไม่ได้ย่ำแย่อะไร แต่กลับไม่สามารถมีโจทย์ที่ดึงดูดใจผู้ชมและแฟน ๆ ได้ดีเพียงพอ และดูเหมือนว่าจะยังไม่สามารถยืนโรงฉายได้ยาวนานแล้ว
ตัวเลขรายได้ล่าสุดของ The Flash จาก TheNumbers ที่รายงานออกมาในสุดสัปดาห์ล่าสุดนั้น (14-16 กรกฎาคม 2023) พบว่าหนังหล่นไปอยู่ในอันดับที่ 13 ของตาราง ทำรายได้เพิ่มในสัปดาห์ที่ 5 ของการฉายไม่ถึงหลักล้านเหรียญแล้ว อยู่ที่ 720,000 เหรียญโดยประมาณ กับยอดรวมในอเมริกาที่เก็บไปได้ที่ 106.8 ล้านเหรียญ นับว่าเป็นสถานการณ์ย่ำแย่เป็นอย่างมาก เมื่อพิจารณาจากทุนสร้างของหนังที่มากกว่า 220 ล้านเหรียญ โดยที่ยังไม่รวมงบประมาณมี่ใช้ในการโปรโมตหนัง
เท่ากับว่า The Flash สามารถเปิดตัวฉายได้ในอันดับที่ 1 แต่กลับมีพื้นที่ยืนอยู่ใน Top 10 ของบ็อกซ์ออฟฟิศอเมริกาได้แค่เพียง 3 สัปดาห์เท่านั้น หนังทำรายได้ลดลงค่อนข้างรวดเร็ว โดยในสัปดาห์ที่ 2 ลดลงไป -72% จากนั้นเป็น -65% ตามด้วย -57% และ -68% จากการเก็บสถิติในสัปดาห์ล่าสุด ซึ่งขณะนี้หนังเตรียมจะขึ้นแท่นเป็นหนังอีกเรื่องที่ทำรายได้ในอเมริกาได้ย่ำแย่ที่สุดของบรรดาหนังค่ายดีซีที่ผ่านมา
หนึ่งในหนังที่เคยติดตราบาปนี้มาจนถึงวันนี้ก็คือ "Green Lantern" เมื่อปี 2011 ที่มี "ไรอัน เรย์โนลด์ส" แสดงนำ ที่มันยังเป็นผลงานที่เขามักจะนำมาล้อเลียนตัวเองอยู่เสมอ ๆ เพราะหนังเรื่องดังกล่าวก็ใช้ทุนสร้างถึง 200 ล้านเหรียญ แต่ทำเงินในอเมริกาไปได้เพียง 116.6 ล้านเหรียญ ซึ่งขณะนี้ The Flash ไล่ตามหลังรายได้ของ Green Lantern อยู่แค่สิบล้านเหรียญเท่านั้น
นักวิเคราะห์เชื่อว่า The Flash อาจจะยืนโรงฉายได้อีกแค่ 2-3 สัปดาห์เป็นอย่างต่ำ ก่อนจะลาโรงฉายไปอย่างเงียบ ๆ และค่ายหนังจะปล่อยฉายหนังในรูปแบบสตรีมมิ่งต่อไป โดยสถานการณ์ในขณะนี้แทบจะเป็นไปไม่ได้แล้วที่หนังจะกลับมาฮึดสู้ทำรายได้อีกสักสิบล้านเหรียญ ในท้ายที่สุดหนังอาจจะปิดโปรแกรมฉายด้วยรายได้ไม่ถึง 116 ล้านเหรียญ ที่ Green Lantern ทำเอาไว้ด้วยซ้ำ
แม้ว่าในขณะนี้ The Flash จะทำรายได้รวมทั่วโลกได้มากกว่า Green Lantern อยู่ที่ 263 ล้านเหรียญ ต่อ 219 ล้านเหรียญ แต่ก็ยังไม่ใช่ผลลัพธ์ที่น่าพอใจเท่าไหร่ เพราะเป้าหมายของหนังทั้ง 2 เรื่องนี้นั้น ต้องทำเงินทั่วโลกให้ได้ไม่ต่ำกว่า 600 ล้านเหรียญขึ้นไป ถึงจะพูดได้ว่าเป็นหนังที่ประสบความสำเร็จแบบเต็มปากเต็มคำ
ดังนั้น สถานการณ์น่าวิตกจึงตกไปอยู่ที่อีกหนัง 2 เรื่องที่เหลือของค่ายดีซีในปีนี้ อย่าง "Blue Beetle" และ "Aquaman and the Lost Kingdom" ที่ยังเป็นหนึ่งในมรดกตกทอดที่หลงเหลือจากจักรวาลหนังดีซีที่เคยปูทางเอาไว้ ยังไม่แน่ชัดว่าพวกเขาจะคาดหวังกับรายได้ได้มากน้อยแค่ไหน จนกว่าจะไปเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่กับการปูเส้นทางใหม่ของผู้บริหารค่ายชุดใหม่ใน "Superman: Legacy" ในปี 2025
-------------------------------------
>> ดูหนังออนไลน์ได้ที่ Movie.TrueID <<
หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับทรูไอดีสามารถเข้าไปได้ที่ TrueID Help Center เป็นช่องทางใหม่ที่ให้ข้อมูลและการแก้ไขปัญหาเบื้องต้นเกี่ยวกับทรูไอดี คลิกเลย >> https://bit.ly/3xEgdAa