รีวิวหนัง "Escape หนี..ให้พ้นนรก" เต็มอรรถรสกับเส้นทางหนีของสหายทางเหนือ

เชื่อว่าประเด็นข่าวผู้แปรพักตร์จากแดนเหนือมายังแดนใต้ที่เกาหลี พวกเราน่าจะเคยได้ยินได้รู้เรื่องราวกันมาบ้าง และหนังที่ว่าถึงเคสเหล่านี้ก็ไม่น่าจะเป็นอะไรที่แปลกใหม่สักเท่าไหร่แล้ว แต่การมาของ "Escape หนี..ให้พ้นนรก" ก็นับว่าเป็นความท้าทายที่จะมาขยี้ปมเหล่านี้อีกครั้ง เพราะว่าหนังจะดำเนินเรื่องราวออกมาในทิศทางแบบไหน ให้แตกต่างและมอบอรรถรสให้กับผู้ชมแบบถึงใจ

เรื่องราวของ อิมกยูนัม เป็นนายทหารเกาหลีเหนือ ที่มีหัวคิดก้าวหน้า เฝ้าใฝ่ฝันที่จะเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่ฝั่งทางใต้ ดังนั้นเพื่อจะบรรลุความฝันนั้นเขาจึงคิดวางแผนหนีออกจากบ้านเกิน เพื่อมุ่งหน้าไปยังพื้นที่เขตปลอดทหาร (DMZ) แต่ก็จะเป็นจังหวะเดียวกันกับที่ รีฮยอนซาง เจ้าหน้าที่หน่วยปฏิบัติการจากกระทรวงความมั่นคงแห่งรัฐเกาหลีเหนือ ไล่ติดตามและดูพฤติกรรมของอิมกยูนัม การไล่ล่าพวกคนคิดแปรพักตร์จึงเริ่มต้นขึ้น

Escape หนี..ให้พ้นนรก เป็นผลงานล่าสุดของนักแสดงและผู้กำกับ "อีจงพิล" ที่เคยปังสุด ๆ จากหนังเรื่องก่อน Samjin Company English Class ที่กวาดรางวัลได้เป็นกอง ถือว่าเขากลายเป็นนักสร้างหนังที่กำลังเป็นที่จับตามอง ก่อนจะได้รับความไว้วางใจให้มาดูแลงานสร้างระดับบ็อกซ์บัสเตอร์เรื่องนี้ แน่นอนว่างานสร้างของเขายังคงรักษามาตรฐานได้เป็นอย่างดี กับสเกลงานที่ยิ่งใหญ่ขึ้น แต่งานไดเรกชันก็ยังคงเป๊ะ ๆ อยู่

ถึงแม้ว่าหนังจะเต็มไปด้วยสูตรสำเร็จแบบที่คุ้นเคยของหนังเกาหลีฟอร์มดี ซ้ำยังมากับพล็อตที่ค่อนข้างซ้ำซากตามสไตล์หนังหนีตายเอาชีวิตให้รอด ที่ลูกเล่นอะไรต่าง ๆ อาจจะไม่ได้สร้างความสดใหม่ได้มากนัก แต่กระนั้นบทหนังของ "ควอนซองฮวี" ก็สร้างอรรถรสให้กับหนังเป็นลำดับขึ้นได้เป็นอย่างดี ด้วยประสบการณ์ที่เคยได้มาจากหนัง The Spy Gone North เมื่อไม่กี่ปีที่แล้ว ก็ถือว่าเขาได้กลับมาขยี้ประเด็นเข้มข้นเกี่ยวกับดินแดนทางเหนืออีกครั้ง

การเล่าเรื่องของ Escape หนี..ให้พ้นนรก ดำเนินไปอย่างง่าย ๆ ไม่ได้หวือหวาอะไร เต็มไปด้วยกิมมิกที่พึงมีในหนังเกาหลีทั่วไป เป็นหนังฤดูร้อนที่เต็มไปด้วยความบันเทิงที่สามารถย่อยได้อย่างง่ายดาย สามารถดูได้อย่างเพลิดเพลิน มีจังหวะที่ต้องลุ้น อารมณ์ดรามาตามสูตร และความระทึกที่ทำได้ถึงใจดี แม้จะแอบเสียดายเล็กน้อยตรงที่หนังแทบจะไม่ได้ลงในรายละเอียดในวิถีชีวิตแดนเหนือสักเท่าไหร่นัก

แต่ก็สร้างเซอร์ไพรส์เบา ๆ กับข้อความย่อยของตัวหนังเรื่องนี้ที่มีการสอดแทรกประเด็นความหลากหลายทางเพศเข้าไปเป็นกลิ่นอายให้ชวนได้จิ้นเบา ๆ แต่นับว่าเป็นความกล้าและท้าทายที่ใส่เข้าไปในหนังเกาหลีที่ปัจจุบันสังคมที่นั่นค่อย ๆ เปิดกว้างมากขึ้น รวมทั้งยังมีบางข้อความที่กระแทกใจคนดูได้เป็นอย่างดีจากชีวิตแดนเหนือ แม้ว่าจะไม่ค่อยเน้นมาก เพราะไปโฟกัสที่การหนีตายของตัวละครหลักเสียมากกว่า

และแน่นอนว่า "อีเจฮุน" กับ "คูคโยฮวัน" ก็ถือตัวพ่อแพ็คคู่ที่เหมือนกับส่งลูกบอลตอบโต้กันไปมาได้อย่างมีชั้นเชิง การแสดงของ อีเจฮุน สามารถไว้วางใจได้เลย เพราะเขาคือดาราเจ้าบทบาทที่เล่นบทดรามาได้ถึงกึ๋นได้ดีอยู่แล้ว แค่ปรับสำเนียงภาษาพูดเป็นคนทางเหนือเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็ทำให้เขากลมกลืนกับการเป็นสหายแล้ว แม้ว่ารายละเอียดของตัวละครนี้จะใส่เข้ามาแบบไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษมากนัก

ถึงแม้ว่านี่จะเป็นอีกครั้งที่ คูคโยฮวัน มารับบทเป็นคนทางเหนือ(อีกแล้ว) แต่เขาก็ยังรับมือบทบาทนี้ได้อย่างอยู่หมัด เขาสามารถประคองบทที่อาจจะดูซ้ำซากกับสิ่งที่เขาเคยแสดงมาก่อน ออกมาได้ค่อนข้างแตกต่างได้ในระดับที่น่าพอใจ นับว่าโชคดีที่คาแรกเตอร์ของเขาได้รับการหยอดสิ่งพิเศษที่แอบซ่อนเข้ามาด้วย นั่นจึงทำให้เขาได้มีพื้นที่ในการปลดปล่อยอินเนอร์ทางการแสดงออกมาได้อย่างทรงพลังยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ยังมีนักแสดงรับเชิญโผล่เข้ามาเป็นสีสันด้วย ไม่ว่าจะเป็น "ฮงซาบิน", "ซงคัง", "อีซอม" หรือ "อีโฮจอง" ที่พวกเขาก็แค่เข้ามาเสริม ๆ แบบที่ตัวหนังไม่ได้ให้ความสำคัญในคาแรกเตอร์ของพวกเขามากสักเท่าไหร่นัก แต่ก็มาช่วยเสริมสีสันให้กับหนังเรื่องนี้ได้ระดับหนึ่ง ถึงจะยังไม่ถึงขั้นประทับใจอะไรขนาดนั้น

ดังนั้นโดยสรุปแล้ว Escape หนี..ให้พ้นนรก เป็นหนังเกาหลีประจำฤดูร้อนเรื่องหนึ่งที่เต็มไปด้วยสูตรสำเร็จทั่วไป เป็นหนังที่ดูได้ง่าย และย่อยได้ง่าย ถึงจะแอบผิดหวังเบา ๆ ตรงที่หนังไม่สามารถให้ความสดใหม่ในแง่คอนเทนท์ได้ เป็นแค่เพียงหนังหนีตายเอาชีวิตให้รอดแบบพื้นฐานทั่วไป ประเด็นของหนังมีการหยอดใส่ประเด็นที่น่าสนใจเข้ามาอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้รับการทรีเมนต์อย่างเข้มข้นเท่าที่ควร โชคดีที่พลังการแสดงของ 2 นักแสดงนำเป็นไฮไลต์ที่ช่วยพยุงหนังเรื่องนี้เอาไว้ได้อย่างมีประสิทธิภาพจริง ๆ