Movie ReviewSleep หลับลึกหลอน (2023)อึดอัดกดดันชวนสงสัยในความหวาดระแวงที่พาดทับระหว่างวิทยาศาสตร์กับเรื่องลี้ลับได้ดีจนแยกไม่ออกสำหรับหนังเรื่องนี้สารภาพเลยว่าถ้าเป็นเมื่อก่อนผู้เขียนไม่มีทางพลาดในวันที่ลงสตรีมวันแรกๆแน่นอนเพราะความชื่นชอบการแสดงของนักแสดงอีซอนคยุน ทว่าเมื่อเรื่องนี้ลงฉายผู้เขียนกลับลังเลเพราะการจากไปของอีซอนคยุนนักแสดงที่ชื่นชอบอย่างสุดช็อคเมื่อปลายปีที่ผ่านมาและความรู้สึกนั้นยังไม่หาย กระนั้นเมื่อคิดตรึกตรองอยู่นานก็ตัดสินใจดูเพราะเหตุหนึ่งคือการดูการแสดงของเขาเพื่อรำลึกถึงเขาที่ได้สร้างความประทับใจมากมายในงานแสดงที่ผ่านมา อีกเหตุหนึ่งคือหน้าหนังที่น่าสนใจเกินกว่าจะมองข้ามด้วยพล็อตเรื่องที่ค่อนข้างแหวกแนว แต่แล้วความลังเลก็มาเมื่อดูจบในการจะเขียนบทความนี้ที่จะว่ากันที่ผลงานของนักแสดงผู้ล่วงลับไปไม่นานการเขียนบางอย่างอาจหมิ่นเหม่ในการแสดงความคิดเห็นต่อผู้จากไป แถมคนที่จากไปก็ยังเป็นนักแสดงที่เป็นที่ชื่นชอบของผู้คนมากมายการเขียนอะไรจึงต้องคิดให้มากเพื่อไม่ให้กระทบความรู้สึกคนเหล่านั้น สุดท้ายเมื่อคิดแล้วคิดอีกและคนเหล่านั้นที่ชื่นชอบอีซอนคยุนก็มีผู้เขียนเองเป็นหนึ่งในนั้นจึงตัดสินใจเขียนบทความนี้ด้วยความเคารพในผลงานและรำลึกถึงเขาอย่างสุดใจซูจิน (จองยูมี) และฮยอนซู (อีซอนคยุน) สองสามีภรรยาที่ชีวิตดูมีความสุขตามประสาซูจินมีงานที่ดีและกำลังตั้งท้องส่วนฮยอนซูเป็นนักแสดงที่กำลังจะรุ่ง ทว่าชีวิตของพวกเขากลับเปลี่ยนไปเมื่อวันหนึ่งซูจินเริ่มระแคะระคายว่ามีเรื่องแปลกๆเกิดขึ้นในบ้านของพวกเธอ จนกระทั่งคืนหนึ่งเธอตื่นขึ้นมากลางดึกเพื่อพบว่าสามีของเธอมีอาการละเมอเดินแต่นั่นไม่น่าสะพรึงเท่าสิ่งที่เขาทำตอนละเมอแล้วที่น่าตกใจกว่านั้นคือเมื่อตื่นขึ้นมาเขาไม่รู้เรื่องอะไรเลยเหมือนกับหลับสนิทตลอดคืน เธอจึงพาสามีไปพบแพทย์ที่รักษาอาการละเมอเดินแต่ก็ยังไม่มีทีท่าว่าอาการของฮยอนซูจะดีขึ้นแต่ก็ต้องพยายามกันต่อไปแต่แม่ของซูจินกลับเชื่อว่าเกิดจากเรื่องลี้ลับแต่ซูจินไม่ยอมเชื่อและคิดว่างมงาย จนกระทั่งซูจินคลอดลูกเธอยิ่งหวาดระแวงหนักเพราะไม่แน่ใจว่าสามีของเธอจะละเมอมาทำอันตรายลูกของเธอหรือไม่เธอจึงยอมให้แม่ของเธอพาหมอผีมารักษาอาการของฮยอนซู และแล้วการวินิจฉัยของหมอผีก็บอกว่าฮยอนซูถูกผีที่หลงรักซูจินเข้าสิงและเหตุการณ์แวดล้อมก็เข้าเค้าว่าจะเป็นอย่างนั้นแล้วสิ่งที่เป็นมันคืออาการป่วยหรืออาการผีเข้าสิงกันแน่ แยกเล่าเป็นสามส่วนทำให้เรื่องมีเหตุมีผลแต่ก็ฉลาดพอที่จะไม่เทไปทางใดทางหนึ่ง สำหรับบทหนังของผู้กำกับพ่วงเขียนบทยูจาซอนและการเล่าเรื่องได้ถูกแบ่งเล่าเป็นสามส่วนสามบทในบทแรกคือจุดเริ่มต้นบทที่สองคือการร่วมมือกันฝ่าฟันปัญหาตามประสาครอบครัวและบทที่สามคือผลกระทบที่บานปลายและสรุปเฉลย นั่นคือทำให้เรื่องเดินไปแบบมีขั้นตอนโดยให้เห็นผลก่อนไปค้นหาเหตุและลงท้ายด้วยสิ่งที่บานปลายกลายเป็นคลายความสงสัย แต่ที่ฉลาดคือแม้จะเหมือนคลายความสงสัยแต่ก็เหมือนกับทิ้งไว้ให้สงสัยซ้อนเข้าไปอีกว่าแท้จริงแล้วบทสรุปที่เห็นมันเป็นจริงหรือการแสดงตบตาซึ่งสามารถคิดได้ทั้งสองทาง ที่เป็นแบบนั้นได้เพราะการวางตัวเหตุผลของสิ่งที่เกิดขึ้นให้พาดทับระหว่างวิทยาศาสตร์ก็คืออาการป่วยกับเรื่องลี้ลับเชิงไสยศาสตร์ที่ว่ากันที่ภูตผี แต่แม้จะวางสองเรื่องทับซ้อนกันกลับเหมือนไม่เทไปทางใดทางหนึ่งซึ่งเสี่ยงมากที่จะทำให้เรื่องประดักประเดิดแต่เรื่องนี้ไม่เพราะสามารถทำให้คิดได้สองทางขึ้นอยู่กับว่าจะเชื่อมุมไหน ซึ่งถ้าดูมาตั้งแต่ต้นที่แยกเล่าเป็นบทเป็นสามส่วนจะยิ่งคิดตามจนกระทั่งเมื่อถึงเวลาก็จะสงสัยหนักไปอีกว่าที่แท้แล้วเป็นเพราะเรื่องไหนกันแน่เพราะถ้าจะคิดก็สามารถเป็นได้ทั้งสองอย่างซึ่งมันเจ๋งดีวางตัวเป็นงานสยองขวัญที่ลึกลับชวนสงสัยที่ให้ความหวาดระแวงมากดอารมณ์จนอึดอัดหายใจเพียงแผ่วเบา เมื่อการเล่าเรื่องที่แยกส่วนแยกอารมณ์ออกมาก็ทำให้เวลาที่ผ่านไปสามารถเล่นกับสมองคนดูได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ เพราะเริ่มต้นด้วยความสงสัยว่าสิ่งที่เห็นคืออะไรโดยทิ้งชิ้นส่วนไว้ให้เก็บไปคิดที่ยังชัดเจนในความเป็นงานสยองขวัญที่ลึกลับชวนสงสัย จนเมื่อสร้างความสงสัยให้เต็มที่สิ่งที่ตามมาคือความหวาดระแวงที่เข้ามาเป็นตัวชี้นำสมองที่ส่งผลถึงอารมณ์เมื่อความระแวงพาให้ความอึดอัดกดดันตามมาเพราะไม่รู้ว่าเรื่องจะเป็นอย่างไรต่อไปในทุกนาทีที่หลับ จนกระทั่งมาถึงบทที่สามที่เหมือนจะเป็นบทสรุปจุดที่วิทยาศาสตร์กับเรื่องลี้ลับมาบรรจบและปะทะกันความอึดอัดยิ่งรุนแรงเพราะคนดูก็ไม่ต่างจากซูจินที่ต้องเผชิญกับความระแวงจนกดดันแทบบ้ามาตั้งแต่ต้น ทำให้ยิ่งเวลาเดินไปความระแวงปนสงสัยก็พาความระทึกมาให้คิดตามว่าสุดท้ายใครกันแน่ที่ป่วยและเพราะผีสิงจริงหรือไม่ ประกอบกับการเฉลยแบบเหมือนไม่เฉลยคือคลี่คลายเพื่อให้สงสัยหนักไปอีกเพราะคนดูก็เหมือนอดหลับอดนอนจนสติเริ่มหลุดด้วยความหวาดระแวงอย่างว่าจนกระทั่งจะหายใจยังมีมาแค่แผ่วเบา ซึ่งก็เป็นเรื่องน่าทึ่งที่ว่าหนังที่ไม่ได้เร่งเร้าไม่ได้มีความหลอนด้วยซ้ำแต่กดอารมณ์ได้อย่างอยู่หมัดเหมือนเล่นกันสองคนแต่กลับเอาอยู่ทุกอารมณ์ อาจต้องยอมรับอย่างหนึ่งว่าการแสดงช่วยได้มากกับหนังที่จะว่าไปเหมือนไม่มีอะไรเลยเป็นงานสยองที่ไม่ใช่ลูกเล่นแบบหนังสยองแต่เล่นกับอารมณ์และสมองคนดูแบบนี้ที่อาจไม่มีความเร้าใจถ้าบทหนังไปแข็งแรงพอ ซึ่งเมื่อบทแข็งแรงการแสดงก็ต้องแข็งพอและกับเรื่องนี้ยิ่งต้องแข็งเพราะแทบจะแสดงกันสองคนกับหนังที่มีช่วงผ่อนหนักผ่อนเบาแบบนี้ ซึ่งการแสดงของจองยูมีที่คอซีรีส์อาจไม่ค่อยเห็นเธอบ่อยนักแต่ถ้าเป็นงานระดับภาพยนตร์เครดิตก็ยาวเป็นหางว่าวก็ยอดเยี่ยมพอซะด้วย ด้วยการแสดงที่มีพัฒนาการอย่างเห็นชัดอาจเพราะเล่าเป็นส่วนๆด้วยก็คงใช่แต่นับจากจุดเริ่มต้นจนถึงสุดท้ายดูเนียนตาดีเหลือเกินที่สำคัญไม่ถูกระดับอีซอนคยุนข่มได้ด้วย ส่วนอีซอนคยุนนั้นไม่ต้องสาธยายมากเพราะนี่คือนักแสดงระดับยอดฝีมือที่เล่นบทไหนก็ได้และเรื่องนี้ก็ยังยอดเยี่ยมในการสร้างความน่าสงสัยตั้งแต่ต้นจนหยดสุดท้ายที่ถ้าใครไม่สงสัยก็คงแปลกว่าความจริงแล้วจะเป็นอย่างที่เขาเป็นหรือไม่ ซึ่งด้วยความที่บทเทมาทางสองนักแสดงนำเต็มที่ก็ทำให้นักแสดงสมทบที่ก็อยู่ในระดับดีไม่มีใครเป็นตัวถ่วงแต่บทหนังเป็นหนังของคนสองคนเลยทำให้เหมือนเล่นกันสองคน แต่ที่น่าทึ่งคือการสามารถสร้างอารมณ์ร่วมให้คนดูคิดตามได้ทุกอารมณ์อย่างสุดยอดอาจไม่ถึงกับลุ้นระทึกแต่มีดีที่ความสงสัยและความหวาดระแวงทำให้เรื่องเดินหน้าไปอย่างมีพลัง จะว่าไปหนังเรื่องนี้ดูไปก็ใช่ว่าจะมีความลุ้นอะไรคือไม่ได้ใส่สถานการณ์ชวนลุ้นมาให้ด้วยซ้ำ ทั้งยังไม่มีอารมณ์หลอนมาทั้งที่หนังว่ากันที่เรื่องผีสิงร่างแต่กลายเป็นความเฉียบเพราะการไม่มีความหลอนก็ทำให้สมองคนดูแตกเป็นสองทางที่จะเชื่อทางไหนระหว่างวิทยาศาสตร์หรือไสยศาสตร์ตามที่บทต้องการได้ กระนั้นหนังกลับสร้างความบันเทิงในทางกดอารมณ์ด้วยความสงสัยว่าเหตุการณ์ข้างหน้าจะเป็นอย่างไรทางออกจะมีแบบไหนและสองคนสามีภรรยาจะผ่านเหตุการณ์นี้ไปได้อย่างไร ซึ่งต้องยกความดีความชอบให้การสร้างความหวาดระแวงสงสัยชนิดที่คิดไปเลยว่าถ้าตัวคนดูเองอยู่ในสถานการณ์แบบนั้นก็คงไม่ต่างจากตัวละครที่เห็นในจอ ซึ่งด้วยสมองและอารมณ์ที่ถูกหนังชักจูงไปนี่เองที่ทำให้หนังเดินหน้าไปอย่างมีพลังแม้แต่จังหวะผ่อนอารมณ์ก็ยังไม่ทำให้พลังลดเพราะสมองคนดูไม่หยุดคิดอารมณ์เลยไหลลื่นไม่มีสะดุด แถมด้วยเวลาฉายที่ไม่นานไม่ต้องรอบทสรุปนานทำให้สามารถคุมโทนและทิศทางของหนังได้ง่ายจนหนังอยู่ในกรอบที่ควรจะเป็น ถึงขนาดที่เมื่อตอนดูลืมนึกถึงริ้วรอยชิ้นส่วนที่ถูกทิ้งไว้กลางทางประปรายไปเลยจนเมื่อดูจบเพิ่งมาคิดได้เพราะหนังมีพลังดึงดูดที่มากพอดูไปบ่นไปขอบคุณภาพประกอบภาพปก / ภาพที่ 1 / ภาพที่ 2,3,4,5,6,7 จาก lotteent.movie ถ้าคุณชอบเรื่องนี้ คุณจะชอบเรื่องเหล่านี้ https://entertainment.trueid.net/detail/mq6LYMM934Vb https://entertainment.trueid.net/detail/Z5gLe3gKq9Pk https://entertainment.trueid.net/detail/ne6jWbPEqP3e https://entertainment.trueid.net/detail/wER0vLqDpYdJเปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !