Movie ReviewChandu Champion (2024)เรื่องจริงยิ่งกว่านิยายในการล่าฝันอันแสนไกลโดยไม่สิ้นหวังที่เปี่ยมแรงบันดาลใจในงานดราม่ากีฬาที่สร้างจากชีวิตฮีโร่ที่ถูกลืมมาว่ากันถึงหนังอินเดียอีกครั้งที่ยอมรับว่าช่วงนี้กระแสหนังอินเดียมาแรงอย่างไม่เคยเห็นมาก่อนมีคำถามหรือขอคำแนะนำหนังอินเดียดีๆอยู่เรื่อยๆผ่านทางโซเชียลมีเดียของผู้เขียน ความจริงจะว่าผู้เขียนเป็นคอหนังอินเดียก็ใช่ที่เพราะถึงจะดูอยู่เสมอแต่ก็ไม่ใช่ตัวเลือกแรกซึ่งถ้าจะดูจะต้องเป็นงานที่น่าสนใจแล้วยิ่งตอนนี้หนังอินเดียมีให้ดูมากมายผ่านช่องทางสตรีมมิ่ง กระนั้นในมุมมองของผู้เขียนหนังอินเดียก็ไม่ต่างจากหนังจากประเทศอื่นๆที่เมื่อมีจำนวนงานออกมามากย่อมต้องมีงานเยี่ยมงานดีงานแย่ปะปนกัน เพียงแค่เมื่อตัวเลือกมีมากขึ้นคนดูก็สามารถเลือกดูได้มากขึ้นสวนใหญ่ก็จิ้มไปที่แนวที่ตัวเองสนใจทำให้อาจได้ผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจอยู่เรื่อยๆยกเว้นคนที่ดูหนังอินเดียเป็นหลักจริงๆที่จะดูไม่เลือกหน้า เหมือนบางคนชอบดูหนังฝรั่งฝั่งฮอลลีวู้ดบางคนชอบดูหนังจีนบางคนชอบเกาหลีบางคนชอบดูหนังญี่ปุ่น ซึ่งผู้เขียนเองมีแนวหนึ่งที่ชอบดูเสมอไม่ว่ามากจากชาติไหนคืองานดราม่ากีฬาโดยเฉพาะถ้าสร้างมาจากเรื่องจริงยิ่งชอบเหมือนหนังอินเดียเรื่องนี้เปิดมาที่ชายชราคนหนึ่งที่มาแจ้งความเพื่อฟ้องร้องประธานาธิบดีแห่งอินเดียเพื่อเรียกร้องรางวัลที่เขาควรได้ในฐานะนักกีฬาผู้สร้างชื่อเสียงให้ประเทศชาติเขาคือ Murlikant Petkar (Kartik Aaryan) แต่ใครจะไปเชื่อเมื่อเรื่องที่เขาบอกไม่มีใครในอินเดียรู้มาก่อน เรื่องจึงย้อนไปในวัยเด็กของ Murlikant ที่เขามีแรงบันดาลใจที่ยิ่งใหญ่จากการได้เห็นนักกีฬาที่คว้าเหรียญโอลิมปิคคนแรกของอินเดีย ความฝันของเขาคือการได้เหรียญทองโอลิมปิคแต่กลับถูกทุกคนหัวเราะเยาะว่าเขาคือ Chandu Champion หรือแชมป์เปียนขี้แพ้ จนเมื่อโตมา Murlikant ที่ฝึกมวยปล้ำได้โอกาสขึ้นปล้ำกับลูกชายผู้มีอิทธิพลแล้วคำว่า Chandu Champion ก็บันดาลแรงให้เขาเอาชนะจนต้องหนีการตามกระทืบหัวซุกหัวซุน จนเมื่ออกจากบ้านมาทางเดียวที่เขาจะได้เป็นนักกีฬาทีมชาติคือการเข้าสู่กองทัพด้วยการเป็นทหาร และที่นี่เองที่ Chandu Champion เริ่มได้ฝึกชกมวยจนติดทีมชาติอินเดียแล้วฝันของเขาจะเดินไปยังจุดสูงสุดได้อย่างไรเมื่อเหรียญโอลิมปิคมีที่ว่างให้แค่คนสามคนเดินตามทางงานดราม่ากีฬาชั้นดีอย่างไม่มีบิดพลิ้วแต่ว่านี่คือการสร้างจากเรื่องจริงของบุคคลจริงๆ ถ้าไม่รู้มาก่อนว่า Murlikant Petkar คือบุคคลที่มีตัวตนจริงๆบทหนังเรื่องนี้ก็คืองานดราม่ากีฬาที่เดินตามสูตรอย่างไม่มีบิดพลิ้ว ซึ่งถ้าวัดกันที่ความเป็นหนังอินเดียที่มักจะเล่าเรื่องไม่เสมอต้นเสมอปลายคือบางครั้งก็ออกนอกลู่ด้วยการร้องเพลงเต้นรำทำให้อารมณ์ของหนังเพี้ยนไปบ้างบทหนังเรื่องนี้คือของดี เพราะหนังมีเจตนาชัดที่จะเชิดชูฮีโร่ผู้ถูกหลงลืมเพราะเหตุการณ์ที่พลิกผันที่ยิ่งรู้ว่าเป็นเรื่องจริงยิ่งต้องทึ่งเพราะมันยิ่งกว่านิยายปลุกใจให้ลุกขึ้นสู้เสียอีก แม้จะมีอะไรตุปัดตุเป๋บ้างระหว่างทางด้วยเหตุผลที่ว่าแต่ทิศทางของหนังยังชัดด้วยความที่หนังแนวนี้จะต้องมีการแข่งขันทั้งกับตัวเองและคู่แข่ง รวมไปถึงจุดเปลี่ยนของชีวิตนักกีฬาสักคนที่จะประสบความสำเร็จขึ้นไปสู่จุดสุดยอดได้บทของหนังเรื่องนี้ยังสามารถเรียบเรียงไว้อย่างมีรายละเอียดและมั่นคงเล่าตั้งแต่จุดเริ่มจนถึงจุดสุดท้ายได้อย่างมีพลัง ทำให้คิดได้เลยว่าหนังดราม่ากีฬาต่างหากที่ได้รับแรงบันดาลใจจากบุคคลจริงๆอุดมไปด้วยความพลิกผันเกินว่าจะเชื่อว่านี่คือชีวิตจริงของคนหนึ่งคนแต่มันเป็นไปแล้วทำให้ไม่ยากที่จะได้ใจ เพราะนี่คือเรื่องจริงผ่านจอที่คนดูรู้ว่าบทสรุปจะต้องเป็นยังไงระหว่างทางจะมีลูกเล่นแบบไหนด้วยความที่แนวหนังบังคับสิ่งแรกที่มาคือคนดูมีส่วนร่วมกับตัวละคร แน่นอนบทหนังยังมีขยี้นิดๆเพราะต้องเพิ่มสีสันบันเทิงยิ่งทำให้ตัวละครได้ใจแต่สิ่งที่เหนือกว่านั้นคือนี่หรือคือเรื่องจริงเพราะมันยิ่งกว่านิยาย เพราะชีวิตคนหนึ่งคนจะมีอะไรพลิกแล้วพลิกเล่ามีจุดเปลี่ยนเข้ามาครั้งแล้วครั้งเล่าแบบนี้โดยที่หนังฉลาดยิ่งที่ปกปิดไว้ไม่ให้ใครรู้ว่า Murlikant Petkar ได้เหรียญทองโอลิมปิคหรือไม่ ทำให้คนที่ไม่รู้จะคิดว่าหนังเดินหน้าไปแบบธรรมดาๆเรื่องของฮีโร่สักคนที่ต้องตามล่าฝันที่ยิ่งใหญ่เกินกว่าที่คนธรรมดาจะคิดเอื้อมมือไปสัมผัสแค่เพียงความฝัน แต่เหตุการณ์กลับพลิกผันดราม่าซ้อนดราม่าให้ทั้งอึ้งและทึ่งขนลุกเกรียวเมื่อรู้ว่า Murlikant Petkar สร้างชื่อเสียงให้ประเทศของเขาและพิชิตฝันนั้นอย่างไร แล้วคนที่เคยตราน้าหยามหยันความฝันของเขาเป็นอย่างไรแล้วทำไมเขาถึงไม่มีชื่อในสารบบของฮีโร่ของชาติที่เล่าได้ถึงใจเพราะหนังได้ใจคนดูไปแล้วอาจมีช่วงทำเป็นเล่นที่ไม่ควรเล่นทำให้อารมณ์ของหนังแปดเปื้อนแต่โดยรวมการแสดงยังเป็นที่น่าชื่นชม เอาจริงหนังมีส่วนที่เป็นทีเล่นบนเรื่องที่เล่าเป็นทีจริงทำให้ในความลื่นไหลถูกอารมณ์ขันที่ไม่ถูกที่ถูกเวลามาแปดเปื้อนง่ายๆคือมันควรจะซีเรียสแต่ดันทำเป็นเล่น ซึ่งก็ต้องชื่นชมนักแสดง Kartik Aaryan ในบท Murlikant Petkar ที่ทำให้เชื่อได้จริงๆว่าเขาคือนักกีฬาโดยเฉพาะในสายตาที่เปี่ยมความฝันที่ยิ่งใหญ่ไปจนถึงวันที่ไฟในใจมอดดับ แน่นอนเมื่อหนังมีช่วงเล่นๆบ้างเขาก็ทำเป็นเล่นได้ดีจึงเป็นการแสดงที่น่าชื่นชมและหนังเรื่องนี้เป็นหนังของเขาเพราะหนังเล่าเรื่องชีวิตของคนหนึ่งคนที่มีคนอื่นมารายล้อม แต่ที่ผู้เขียนชอบมากคือ Aniruddh Dave ในบทพี่ชายผู้ทั้งมอบและทำลายไฟในใจของน้องชายที่เล่นได้เยี่ยม รวมถึงโค้ชคู่ใจที่เป็นของมันต้องมี Vijay Raaz ก็ทำหน้าที่ได้อย่างไม่มีบกพร่องแล้วเมื่อได้เพลงประกอบที่ปลุกความฮึกเหิมในใจยิ่งทำให้หนังเดินหน้าไปด้วยการแสดงชั้นดีได้อย่างมีพลังเพราะเสริมกันได้ลงตัวสนุกตามแนวดราม่ากีฬาที่ยิ่งรู้ว่าสร้างมาจากเรื่องราวของฮีโร่ที่ถูกลืมยิ่งสะกดอารมณ์แม้มีบ้างที่ยังเล่าในเรื่องที่ไม่จำเป็น ที่จริงถ้าจะเอาให้ละเอียดยังมีอะไรที่ไม่สะเด็ดน้ำปล่อยทิ้งระหว่างทางบ้างและมีรวบรัดแบบโกงๆบ้างในช่วงท้าย แถมยังมีช่วงที่เล่าอะไรที่ไม่ควรเล่าอย่างบ้างประปรายทำให้เรื่องอาจมีย้วยบ้างในบางช่วงกับเวลาฉายที่ยาวตามสภาพของหนังอินเดีย แต่หนังยังดูสนุกสามารถสะกดอารมณ์คนดูได้เพราะกำหนดทุกอย่างไว้แล้วว่าจะดูจะต้องตั้งคำถามว่าทำไม Murlikant จึงไม่ได้รับรางวัลที่เขาควรจะได้ แล้วเมื่อพื้นฐานตัวละครเป็นแค่เด็กน้อยในชนบทห่างไกลที่ไม่น่าจะไปถึงฝั่งฝันได้ยิ่งทำให้ได้ใจคนดู จนกระทั่งทุกอย่างมาเฉลยว่าทำไมฮีโร่ของชาติอย่างเขาถึงถูกหลงลืมไปจากบันทึกประวัติศาสตร์การกีฬาของชาติที่ทำให้คนบ่อน้ำตาตื้นอาจมีรินไหลบ้างเพราะยิ่งสะกดอารมณ์ แน่นอนเพราะมันมาจากการเล่าเรื่องชีวิตจริงของคนจริงที่ดราม่าซ้อนดราม่าจนไม่สามารถคาดเดาได้ว่าจะมีบทสรุปแบบไหนทั้งที่มันถูกล็อคไว้แล้วแต่คนดูกลับไม่คิดว่ามันจะเป็นแบบนี้ จึงนับว่าเป็นหนังดราม่ากีฬาชั้นดีที่มอบแรงบันดาลใจให้ไม่ยอมแพ้ต่อชีวิตและโชคชะตาดูไปบ่นไปขอบคุณภาพประกอบภาพปก / ภาพที่ 1 / ภาพที่ 2 / ภาพที่ 3 / ภาพที่ 4 / ภาพที่ 5,6 / ภาพที่ 7 จาก Instagram tseries.official ถ้าคุณชอบเรื่องนี้ คุณจะชอบเรื่องนี้ https://entertainment.trueid.net/detail/be4bRqDz6VxBเปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !