ในโลกของความเป็นจริงนั้น การแต่งงาน และการหย่าร้าง เกิดขึ้นเป็นปกติอยู่ทุกวัน หากเราเปรียบความตายเป็นสัจธรรม ความรัก และความไม่รักก็น่าจะเป็นสัจธรรมได้เช่นกัน ความสัมพันธ์ที่ก่อตัวขึ้นจากมิตรภาพจนทำให้คนสองคนตัดสินใจใช้ชีวิตร่วมกันนั้น วันนึงหากคนทั้งคู่รับมือกับความสัมพันธ์ที่มีอยู่ไม่ได้ การรับมือกับการที่ต้องเลิกรากันก็เป็นเรื่องที่ต้องจัดการ Marriage Story ของ Noah Baumbach ทาง Netflix หนัง Comedy-Drama ที่เล่าเรื่องราวชีวิตแต่งงานที่ล่มสลายของ Charlie ผู้กำกับละครเวที และ Nicole นักแสดงสาว ออกมาในแบบที่ทั้งขื่นขัน แบบความตลกบนความเศร้า และเป็นความเศร้าบนความจริง เพราะเมื่อการแยกทางเลิกรากันของคนสองคนในหนังนั้น ไม่ได้กลายเป็นเรื่องความรักของคนสองคนอย่างเดียว เพราะมีปัจจัยทั้งคนรอบข้าง ข้อพิพาท ข้อไกล่เกลี่ยทางกฎหมาย ค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่มากมายในการฟ้องหย่า การแย่งสิทธิ์ในการเลี้ยงดูลูก ทุกเรื่องเกี่ยวพันถึงตัวเลขในบัญชีธนาคารแทบทั้งสิ้น ในเกมการต่อสู้ทางกฎหมายอาจต้องมีผู้ชนะเพียงฝ่ายเดียวเท่านั้น แต่ในเกมของชีวิตรักอาจเป็นไปได้ว่าจะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ทั้งคู่ หากการเลิกรานั้นต้องแลกมาด้วยความเจ็บปวดรวดร้าว แรงบันดาลใจที่เคยสร้างร่วมกันมาในการใช้ชีวิตอาจจะกลับมาเป็นตัวลดทอนเรี่ยวแรงของกันและกัน จนอาจนิยามความเศร้าได้ไม่เท่าทันเลยทีเดียว Marriage Story ล้อเล่นกับความจริงของชีวิตคู่ได้อย่างเข้าถึง ความรักหากมากไปอาจเป็นความเห็นแก่ตัว ความต้องการหากมากไปก็กลายเป็นอีโก้ ที่มากจนมองคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าไม่เห็น เมื่อถึงจุดแตกหักทางอารมณ์มันก็กลายเป็นเรื่องลำเลิกบุญคุณกัน อย่างที่ Charlie บอกกับ Nicole ว่า “ผมเป็นคนดังนะ เป็นผู้กำกับดัง เป็นหนุ่มฮอต ยอมสละโอกาสทั้งหลายในชีวิตเลยนะเนี่ย เพื่อมาแต่งงานกับคุณ” อย่างที่บอกว่าในเกมรัก คนทั้งสองคนอาจจะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ทั้งคู่ก็ได้ แต่คุณก็ต้องเป็นฝ่ายเยียวยาหัวใจของคุณเอง ห้ามเลือดที่ไหลในหัวใจด้วยตัวคุณเอง บาดแผลรักที่คนทั้งคู่สร้างมันขึ้นมานั้นหากมันเจ็บลึกและชอกช้ำ ก็มีเพียงสองคนเท่านั้นแหละที่เข้าใจมัน Marriage Story บอกเล่าเรื่องราวออกมาอย่างเรียบง่ายที่สุด ค่อย ๆ ไล่ระดับกระบวนการความเสียหายที่บั่นเซาะหัวใจ ค่อย ๆ เผยความบอบช้ำในด้านที่ปกปิดไว้ออกมา Scarlett Johansson (Nicole) และ Adam Driver (Charlie) ถ่ายทอดออกมาได้ดีมากจริง ๆ ตอนรักกันหวานชื่น ชีวิตรักอาจจะแทบไม่มีเงื่อนไขอะไรเลย แต่มันตรงข้ามกับตอนที่จะเลิกรากัน เงื่อนไขในชีวิต ข้อแม้ต่าง ๆ กลับมากมายไปเสียหมด Marriage Story ละเมียดกับช็อตของอารมณ์มาก ๆ แทบจะเอากล้องจ่อหน้านักแสดงกันเลยทีเดียว ทั้งบทสนทนา ภาษากาย บททิ้งเวลาให้กับความเงียบ บทพูดที่ไม่ต้องพูด ระยะห่างที่ถ่ายออกมาอย่างจงใจ ทุกสิ่งนั้น Noah Baumbach ผู้กำกับฯ ถ่ายทอดออกมาได้เนียนตาดีจริง ๆ ต่อให้เราไม่เคยผ่านสถานการณ์การหย่าร้างก็สามารถเข้าถึงความรู้สึกนั้นได้อย่างไม่ยากเย็นอะไร Marriage Story อาจจะเป็นเหมือนหนังรักที่มีตอนจบ มีปลายทางที่ทั้งคู่ต้องไปให้ถึง ทำทุกอย่างเพื่อให้ได้เลิกร้างกันไป อย่างที่บอกไว้ตอนแรกว่า ความรักและความไม่รักเป็นสัจธรรมเช่นกัน -------------Marriage Story สามารถรับชม Netflix ผ่าน True id TV ภาพปก และภาพประกอบจาก Marriage Story Official