ภาพ: ผู้เขียน27 มกราคมที่ผ่านมา บทบรรณาธิการฉบับสุดท้ายของ BIOSCOPE ได้ปรากฏขึ้นในโลกโซเชียล เพื่อบอกว่า Bioscope จะยุติการตีพิมพ์สื่อสิ่งพิมพ์ต่างๆ รวมถึงการจัดกิจกรรม (เช่น BIOSCOPE Awards) อย่างที่เคยเป็นมา-ลงอย่างถาวร นับตั้งแต่ปลายเดือนมกราคม 2562 เป็นต้นไป เป็นเรื่องน่าเสียดายแต่ก็เข้าใจได้ในโลกยุคปัจจุบัน นำมาสู่บทอำลาอาลัยมากมายจากผู้ที่ (เคย) ข้องเกี่ยวกับ BIOSCOPE ไม่ว่าจะในฐานะเป็นทีมงาน หรือผู้อ่านก็ตามภาพ: ผู้เขียนBIOSCOPE เริ่มต้นในปี 2543 จากการเป็นหนังสือทำมือเล่มเล็กๆ (ผมไม่เคยสัมผัสตัวเล่มจริง เคยแต่ฟังคนอื่นเล่ามาอีกที คงเพราะตอนนั้นยังเด็กเกินไป) ก่อนจะปรับเป็นนิตยสารรายเดือนและรูปเล่มที่ใหญ่ขึ้น จากนั้นตลอด 2 ทศวรรษที่ BIOSCOPE หายใจมา ได้นำเสนอเนื้อหาที่ต่างจากนิตยสารหนังเล่มอื่น คือเน้นให้ข้อมูลหนังนอกกระแสเป็นหลักใหญ่ ทำให้ผู้อ่านเห็นว่าโลกนี้ไม่ได้มีแค่หนังในกระแสหลัก หนังฮอลลีวู๊ดเท่านั้น แต่ยังมีหนังอาร์ต หนังสั้น หนังอินดี้ที่คนส่วนใหญ่ไม่เคยรู้จักมาก่อน-เป็นทางเลือก (หากเปรียบกับโลกโรงหนังก็เหมือนกับทำให้รู้ว่า บ้านเราไม่ได้มีแค่ Major cineplex กับ SF แต่ยังมี House ด้วย) แม้ผมไม่เคยสมัครเป็นสมาชิก BIOSCOPE ไม่ได้ซื้อหนังสือและนิตยสารทุกเล่มในเครือ แต่ก็เป็นคนหนึ่งที่ได้เรียนรู้และเติบโต ผ่านกิจกรรมและการทำงานกับ BIOSCOPE เริ่มจากสมัยเรียนมัธยมปลาย ผมเคยส่งหนังสั้นเรื่องแรกไปฉายและพูดคุยกับผู้ชมในงาน ‘ฟิ้วแคมป์’ (โครงการที่ BIOSCOPE จัด) ครั้งที่ 34 ณ ทีเค ปาร์ค และในสมัยเรียนมหา’ลัย ผมเคยเป็นผู้ช่วยผู้กำกับให้กับหนังสั้นเรื่องหนึ่งของเพื่อน-ที่เป็นผู้กำกับ-ผลงานจาก (อดีต) ค่ายหนังในเครืออย่าง ‘ออกไปเดิน’ ภาพ: ผู้เขียนส่วนสิ่งพิมพ์ของ BIOSCOPE นั้น ผมมักเลือกซื้อเฉพาะเล่มที่ตนเองสนใจและอยากเก็บเท่านั้น อย่างหนังสือ เช่น ‘เขียนบทหนัง ซัดคนดูให้อยู่หมัด’ กับ ‘ผู้ช่วยผู้กำกับ ศูนย์กลางของจักรวาล’ อีกเล่มที่ผมอยากได้มาก คือ ‘บันทึกกลางกองถ่าย คำพิพากษามหาสมุทร’ แต่ขายหมดแล้ว ไม่มีพิมพ์ครั้งต่อไป ผมจึงต้องยืมหนังสือเล่มนี้จากห้องสมุดมาถ่ายเอกสารนิตยสารเล่มที่ผมประทับใจมากที่สุดของ BIOSCOPE คือ …ไม่มีเล่มนั้น เพราะผมเลือกไม่ถูกจริงๆ บางอารมณ์อาจยกให้ทุกเล่มที่มีธีม ‘Sex issue’ ด้วยเหตุผลว่า ไม่มีการเซนเซอร์ภาพในเล่ม (ฮา) หรืออย่างเล่ม ’15 ปีหนังไทย 15 ปี BIOSCOPE’ ก็ไม่เลว รู้สึกชื่นชมนักเขียนที่หาประเด็นมานำเสนอได้อย่างมีรสนิยมและเข้ากับยุคสมัย เช่น บทความ ‘หนทางและอนาคตของหนังสารคดีไทย’ หรือทุกเล่มที่เป็นเล่มพิเศษ ‘BIOSCOPE Awards’ (งานมอบรางวัลประจำปีของ BIOSCOPE ที่จัดขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อปี 2546) ก็ไม่ด้อยไปกว่าเล่มอื่น จุดเด่นคือการมอบรางวัลในบางสาขาที่เวทีอื่นไม่มี เช่น หน้าใหม่น่าจับตา รางวัลดวงกมล (ผู้มีบทบาทต่อวงการหนังไทย) และบทความพิเศษ เช่น ‘รวมงานสร้างหนังไทยในดวงใจผ่านสายตาของ 7 นักออกแบบไทย’ภาพ: ผู้เขียนนอกจากนี้ ในอดีตยังมี ฟิ้ว เป็นนิตยสารที่ BIOSCOPE ทำเป็นเล่มแยกออกมา ท่ามกลางผลงานภาพเคลื่อนไหวมากมายบนโลกออนไลน์ ฟิ้วได้คัดสรรผลงานที่น่าสนใจมานำเสนอพร้อมบทสัมภาษณ์แนวคิดและวิธีการของเจ้าของผลงานเหล่านั้น เปิดพื้นที่ให้ผู้คนได้แสดงออกทางความคิดและความสามารถของตนเอง ผมเองมีฟิ้วเก็บไว้ 1 ฉบับ (ฉบับพิเศษ เดือนพฤศจิกายน 2552 - เมษายน 2553) พอตอนนี้ลองมาเปิดอ่านอีกครั้ง ก็พบชื่อและหน้าตาของหลายคนที่ตอนนั้นผมไม่คุ้นเคย แต่ตอนนี้หากผมไม่รู้จักก็คงจะเชย เพราะคนรุ่นใหม่ในวันนั้น ได้เติบโตมาเป็นบุคลากรคนสำคัญที่กำลังรันวงการอยู่ในทุกวันนี้ ยกตัวอย่าง… ‘ธนชาติ ศิริภัทราชัย’ (ผู้กำกับโฆษณา), ‘นวพล ธำรงค์รัตนฤทธิ์’ (ผู้เขียนบทและกำกับภาพยนตร์) และ ‘สัณห์ชัย โชติรสเศรณี’ (รองผู้อำนวยการหอภาพยนตร์)การจากไปของ BIOSCOPE บนแผงหนังสือ เท่ากับว่า ตอนนี้เหลือนิตยสารหนังเพียง 2 หัวเท่านั้น คือ เอนเตอร์เทน เป็นนิตยสารรายปักษ์ กับ Starpics (ที่เคยประกาศว่าจะปิดตัวแต่ก็ยังอยู่มาได้) นิตยสารรายเดือน ซึ่งหากไม่มีผู้สนับสนุนสมทบทุนรายใหญ่ใจดี ในอนาคต…นิตยสารเหล่านี้ก็คงต้องจากไปเช่นกัน ภาพ: ผู้เขียน“Film Lovers Are Sick People”(สโลแกนบนปก BIOSCOPE ที่มาจากคำกล่าวของ ฟรองซัวส์ ทรุฟโฟต์-นักทำหนังชาวฝรั่งเศส)