รีเซต

รีวิวหนัง "Mission: Impossible - The Final Reckoning" ปิดปฏิบัติการแบบหัวใจเต้นระรัว

รีวิวหนัง "Mission: Impossible - The Final Reckoning" ปิดปฏิบัติการแบบหัวใจเต้นระรัว
Jeaneration
17 พฤษภาคม 2568 ( 01:00 )
49

แล้วก็เดินทางมาถึงการปิดฉากปิดปฏิบัติการครั้งสำคัญ หลังจากที่ดำเนินเรื่องราวมายาวนานจะ 30 ปี มาสู่ภาคที่ 8 ใน "Mission: Impossible - The Final Reckoning มิชชัน อิมพอสซิเบิล ปิดปฏิบัติการล่าพิกัดมรณะ" ไคลแม็กซ์ครั้งสำคัญของแฟรนไชส์หนังแอคชันระดับตำนานของฮอลลีวูด ที่หากว่าไม่แกงกันว่าจะเป็นตอนจบ นี่ก็คือบทสรุปที่ยิ่งใหญ่อลังการ พร้อมกับเซอร์วิสแฟน ๆ ได้แบบน้ำตาคลอและใจเต้นระรัวไปพร้อม ๆ กัน

หลังจากเอาตัวรอดจากเหตุการณ์อุบัติเหตุบนรถไฟครั้งใหญ่ อีธาน ฮันต์ ก็ได้รู้ว่า เดอะ เอนทิตี ถูกเก็บเอาไว้บนเรือดำนํ้าเก่าของรัสเซียที่จมอยู่ก้นมหาสมุทรลึก แต่ศัตรูตัวฉกาจจากเมื่ออดีตของเขาที่มีชื่อว่า เกเบรียล ก็ตามรอยมันอยู่ด้วยเช่นกัน นี่จึงกลายเป็นปฏิบัติการครั้งสำคัญของเขา ที่แบกเดิมพันความหวังของมวลมนุษยชาติเอาไว้

เป็นอีกภาคที่ "คริสโตเฟอร์ แมคควอรี" มานั่งเก้าอี้คุมบังเหียนดูแลงานสร้าง เพราะหนังภาคนี้เป็นการถ่ายทำแบบต่อเนื่องจากภาคที่แล้ว แม้ว่ามันจะเป็นหนังที่ทำให้สตูดิโอหนังปาดเหงื่อไม่น้อย เพราะทุนสร้างค่อนข้างบานปลายทะลุหลัก 400 ล้านเหรียญไปแล้ว แต่ผลลัพธ์ที่ออกมากลายเป็นการปิดฉากที่ทำได้ทำถึง พร้อมกับยังเซอร์วิสแฟน ๆ ได้อย่างหนักหน่วง และทะลวงเข้าไปถึงเบื้องลึกของหัวใจของผู้ชมได้สุดว้าว

พูดตรง ๆ ว่าไฮไลต์ของหนังเรื่องนี้ก็ยังโดดเด่นในซีนแอคชันที่ยังสุดจัดอีกเช่นเคย ถึงมันจะไม่ค่อยแปลกใหม่จากภาคก่อนหน้านี้สักเท่าไหร่ก็ตาม แต่ทุก ๆ องค์ประกอบที่ใส่เข้ามาในภาคนี้ก็ยังจัดได้ว่าทำได้ถึงและตราตรึงใจแฟน ๆ ได้เป็นอย่างดี กลายเป็นการสร้างประสบการณ์การดูหนังในโรงภาพยนตร์ที่ชวนลุ้น ชวนตื่นเต้น และเผลอ ๆ ยังทำให้อัตราการเต้นหัวใจระหว่างการชมแบบไม่รู้ตัว เพราะหนังปลุกเร้าอารมณ์ได้ดีจริง ๆ

ในแง่ของบทหนัง Mission: Impossible - The Final Reckoning อาจจะยังไม่บทที่กลมกล่อมอะไรสักเท่าไหร่ เพราะเป็นภาคที่เหมือนเป็นบทสรุป ปฏิเสธไม่ได้ว่าแฟรนไชส์หนัง Mission: Impossible ที่ดำเนินเรื่องราวมายาวนานถึง 8 ภาคแล้ว แต่ว่าในแง่ความหนักแน่นของสตอรีหนังอาจจะไม่ลึกซึ้งมากนัก เพราะเอาจริง ๆ นี่คือหนังชุดที่เราเองก็แทบจะจำเรื่องราวที่ผ่านมาแทบไม่ได้แล้ว เมื่อทุก ๆ องคประกอบที่ผ่านมาถูกนำมาผูกและโยงเข้ากับภาคนี้ น้ำหนักของมันจึงยังไม่สามารถทำให้อินได้ในระดับนั้น

ลีลาการเล่าเรื่องใน Mission: Impossible - The Final Reckoning ก็ยังคงสไตล์ของหนังได้ดี ภาคนี้อาจจะค่อนข้างย้วยและยานไปสักหน่อย ด้วยความยาวของหนังระดับ 2 ชั่วโมง 40 นาทีขึ้นไป มาพร้อมกับชั่วโมงแรกที่เป็นการปูเรื่องราวที่ยาวเหยียด แต่ก็สามารถสร้างความประทับใจดีในชั่วโมงถัดมากับภารกิจที่ชวนหยุดใจ แล้วมาม้วนจบได้อย่างสง่างามกับภาพเล่าเรื่องในช่วงโค้งสุดท้ายที่จัดจ้านของจริง

จะไม่ชมก็คงไม่ได้ งานออกแบบฉากสตันท์และฉากผาดโผนต่าง ๆ ของภาคนี้ก็ยังเป็นสิ่งที่ต้องยกนิ้วและลุกขึ้นยืนปรบมือให้ มันจะมีหนังฮอลลีวูดสมัยนี้เรื่องไหนอีกที่กล้าบ้าดีเดือดทำอะไรเสี่ยง ๆ แบบนี้ เพื่อให้ได้มาด้วยซีเควนท์งานบู๊ที่สมจริงและเปี่ยมล้นไปด้วยคุณภาพคับจอ ไหนจะผนวกเข้ากับงานออกแบบศิลป์ มุมภาพมุมกล้องต่าง ๆ รวมทั้งเพลงบรรเลงประกอบในหนังที่ช่วยปลุกเร้าอารมณ์ผู้ชมได้ดีตลอดทั้งเรื่อง นับว่าเป็นองคประกอบมี่ทรงคุณค่าและลงตัวได้เป็นอย่างดี

"ทอม ครูซ" อาจจะดูมีอายุและร่วงโรยไปตามกาลเวลาในภาคนี้อย่างเห็นได้ชัด แต่เขาก็สามารถพิสูจน์ให้เห็นได้ว่า...เขาคือนักแสดงคนจริง ที่ยังขยายขีดจำกัดของตัวเองในการสร้างสรรค์ออกแบบผลงานหนังแนวถนัดของเขาที่ทำให้ผู้ชมต้องอ้าปากค้าง ทั้งที่ไม่จำเป็นที่เขาจะต้องเอาชีวิตตัวเองไปเสี่ยงแบบนั้น แต่ตลอดทั้ง 8 ภาคที่ผ่านมา เขาก็ยังคงแสดงให้เห็นว่าเขาคือ อีธาน ฮันต์ เข้าเส้นเลือดตัวเองไปแล้วจริง ๆ และบทบาทนี้จะยังติดตรึงไปที่ตัวเขาตลอดกาล

และ Mission: Impossible - The Final Reckoning ก็ยังเปี่ยมล้นไปด้วยทีมนักแสดงระดับมหากาฬที่ลงตัวมาก ๆ ถึงจะผ่านมาหลายภาค มีทีมนักแสดงผ่านไปหลายชุด ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าการคัดเลือกนักแสดงในบทบาทต่าง ๆ ก็ยังเป็นอีกหนึ่งเสน่ห์ที่น่าประทับใจของหนังชุดนี้ ทีมดาราทั้งเก่าทั้งใหม่ยังทรงประสิทธิภาพทางการแสดงเช่นเคย ไม่ว่าจะเป็น "ทอม ครูซ", "เฮย์ลีย์ แอตเวลล์", "วิง แรมส์" หรือ "ไซมอน เพ็ก" ไม่เพียงเท่านั้นคนดูจะเอ็นจอยไปกับตัวละครอีสเตอร์เอ้กจากภาคก่อน ๆ ที่มีโผล่มาแว่บ ๆ ให้เซอร์ไพรส์ด้วยดี

เมื่อหนังดำเนินมาถึงเรื่องราวที่น่าจะเป็นบทสรุปทิ้งทวนของตำนาน Mission: Impossible ในแบบที่ควรจะเป็นแล้ว พอลองหันกลับไปลองมองย้อนมาก็พบว่านี่คือแฟรนไชส์ที่ไม่น่าเชื่อว่าจะร้อยเรียงออกมาได้ยาวนานเกือบ 30 ปี ทั้งที่ตัวหนังก็เกือบจะจุดจอดตั้งแต่ครบไตรภาคแล้ว แต่เพราะมุมมองที่เต็มไปด้วย ทอม ครูซ ที่เป็นหัวเรือใหญ่ในการแบกรับและผนักดันให้ อีธาน ฮันต์ ยังมีลมหายใจได้อยู่ต่อไปจนถึงภาคปัจจุบัน ต้องถือว่าความทะเยอทะยานของเขาในวันนั้น บรรลุผลออกมาเป็นชิ้นงานที่บียอนด์งานสร้างหนังฮอลลีวูดได้อย่างทรงคุณค่า

ถ้าหากว่าเป็นภาคจบ Mission: Impossible - The Final Reckoning อาจจะยังไม่ใช่ภาคบทสรุปที่สมบูรณ์แบบที่สุดแต่อย่างใด เพราะหนังยังเต็มได้วยบาดแผลฟกช้ำและร่องรอยแปะรั่วอยู่เต็มไปหมด แต่ในแง่ความผูกพันทางใจกับแฟน ๆ หนังและเซอร์วิสแฟรนไชส์หนังที่เรียบร้อยออกมา ก็นับว่าเป็นการปิดฉากที่ค่อนข้างเร้าใจและประทับใจได้ดีไม่น้อย เป็นอีกหนึ่งหนังบู๊ที่ทำให้คนดูหัวใจเต้นระรัว พร้อมกับนั่งเท้าจิกพื้นแบบไม่รู้ตัว ลีลางานสร้างของหนังเรื่องนี้ยังขั้นเทพ และก็ไม่รู้ว่าอีกนานแค่ไหนถึงจะมีคอนเทนท์ที่ทำถึงได้ขนาดนี้ออกมาให้บริโภคกันอีก....

ข้อมูลเกี่ยวกับหนัง Mission: Impossible - The Final Reckoning

  • ประเภท: แอคชัน / ผจญภัย / ไซไฟ / ระทึกขวัญ
  • ผู้กำกับ: คริสโตเฟอร์ แมคควอรี
  • นำแสดงโดย: ทอม ครูซ, เฮย์ลีย์ แอตเวลล์, วิง แรมส์, ไซมอน เพ็ก
  • ความยาว: 169 นาที
  • กำหนดฉายในไทย: 17 พฤษภาคม 2025

Movie.TrueID METRIC: Mission: Impossible - The Final Reckoning

  • ภาพรวม
    ⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐✰✰ (8.0/10)
  • การเล่าเรื่อง
    ⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐✰✰✰ (7.7/10)
  • การแสดง
    ⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐✰✰ (8.2/10)
  • เทคนิคงานสร้าง
    ⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐✰ (9.0/10)
  • บทภาพยนตร์
    ⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐✰✰✰ (7.3/10)

-------------------------------------

>> ดูหนังออนไลน์ได้ที่ Movie.TrueID <<

หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับทรูไอดีสามารถเข้าไปได้ที่ TrueID Help Center เป็นช่องทางใหม่ที่ให้ข้อมูลและการแก้ไขปัญหาเบื้องต้นเกี่ยวกับทรูไอดี คลิกเลย >> https://bit.ly/3xEgdAa