Short CommentEriko, Pretended เอริโกะ รับจ้างร้อง (2016)เรียบง่าย อบอุ่น ตื้นตัน งดงามตามประสาญี่ปุ่นที่ถนัดนักในการขุดค้นก้นบึ้งความรู้สึกถ้าพูดถึงมนต์เสน่ห์แห่งภาพยนตร์แต่ละชาติแต่ละภาษาจะมีมนต์วิเศษที่ต่างกันที่อาจสามารถดึงดูดใจคนดูให้ติดตรึงได้ นั่นอาจหมายความว่าหนังจากแต่ละชาติแต่ละภาษาจะมีความต่างกันที่อาจเหมือนกันในแง่ของศาสตร์ทางด้านภาพยนตร์ แต่ความต่างนั้นอาจเป็นเพราะเอกลักษณ์ของชนชาติที่ไม่มีทางที่จะเลี่ยงในการถูกใส่เข้ามาในงานหนัง ซึ่งที่ชัดเจนมากคืองานจากญี่ปุ่นที่เหมือนเวลาไม่สามารถทำอะไรกับตัวตนความเป็นหนังญี่ปุ่นได้ ต่อให้โลกภาพยนตร์พัฒนาไปไกลมากมายขนาดไหนหนังญี่ปุ่นก็ยังคงความเป็นญี่ปุ่นให้ได้สัมผัส และมันคือเสน่ห์ที่ดูไปบ่นไปไม่อาจละวางได้หากมีหนังญี่ปุ่นมาให้ชมเพราะการเล่าเรื่องในแบบญี่ปุ่น การแสดงในแบบญี่ปุ่น การสื่อความหมายในแบบญี่ปุ่นคือสิ่งที่ต่อให้เทคโนโลยีพัฒนาไปไกลและแม้ว่าหนังญี่ปุ่นจะก้าวตามโลกบ้างแต่ตัวตนของหนังญี่ปุ่นจะไม่มีวันหาย นั่นคือการเล่าเรื่องที่เรียบง่ายคล้ายเรียบเรื่อยงานด้านภาพที่แช่นิ่งสงบเงียบงันปล่อยให้หัวใจคนดูได้เก็บเกี่ยวความหมาย แต่ต่อให้เป็นเรื่องที่กี่ยวกับความตายถ้าต้องการให้งดงามหนังก็จะลงท้ายงดงามได้เช่นหนังเรื่องนี้เอริโกะ (ฮารุกะ คุโบะ) หญิงสาวที่กำลังไล่ตามฝันที่จะเป็นนักแสดงแต่เมื่อเวลาผ่านไปยิ่งไล่ก็เหมือนยิ่งไกลออกไปทุกทีและต้องทำงานพิเศษเพื่อหาเลี้ยงปากท้อง จนค่ำหนึ่งเสียงโทรศัพท์จากพี่สาวที่บ้านนอกที่มาเพื่อไถ่ถามด้วยความห่วงคนไกลแต่ลงท้ายไม่สวยงามนัก ทว่านั่นคือเสียงสุดท้ายที่เอริโกะได้ยินจากพี่สาวเมื่อวันรุ่งขึ้นเอริโกะก็ได้ข่าวว่าพี่สาวประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต สุดท้ายเอริโกะจำต้องกลับไปบ้านนอกเพื่อเป็นเจ้าภาพงานศพท่ามกลางหมู่ญาติที่มองเธอเป็นคนนอกไปแล้วและไม่ได้มองในแง่ดีนัก และที่บ้านหลังเก่านั้นมีคาสึมะ (อัตสึกะ โอคาดะ) ลูกชายของพี่สาวที่กลายเป็นภาระให้เหล่าญาติๆถกเกียงกันว่าจะทำอย่างไรกับเด็กน้อยที่ไม่รู้ว่าพ่ออยู่ไหนและใครจะดูแลเขา กระทั่งเอริโกะได้พบความจริงเกี่ยวกับตัวเธอที่พี่สาวไม่ยอมบอกและความรู้สึกข้างในที่ไร้ที่ยึดเหนี่ยวเธอจึงตัดสินใจจะอยู่บ้านเกิดเพื่อดูแลหลานชาย ทว่าการอยู่ที่ไหนก็ต้องใช้เงินเธอจึงได้ไปพบกับคุณฮานาเอะ (มิกิ นิโทริ) เจ้านายของพี่สาวเพื่อพบว่าพี่สาวของเธอทำงานรับจ้างร้องให้ในงานศพและเธอก็ไม่มีทางเลือกเรียบง่ายเล่าเรื่องด้วยความรู้สึกให้ซึมลึกสู่ข้างในประสานกับปัจจัยภายนอกได้ลงตัว เพราะนี่คือหนังญี่ปุ่นบทหนังและการเล่าเรื่องจึงมีความเป็นญี่ปุ่นเต็มที่ที่จะเล่าด้วยความรู้สึกตัวละครเพื่อส่งผ่านมายังคนดูที่น่าแปลกคือหนังแนวนี้ญี่ปุ่นมักเล่าได้ดี เพราะบทหนังเล่าเรื่องของคนหนึ่งคนที่เดินหน้าล่าความฝันจนหมดแรงฝันแล้วต้องจำใจกลับคืนถิ่นเกิดเพื่อเติมเต็มและเยียวยา ก่อนจะพบว่าแท้จริงแล้วมีความรักและความอาทรรออยู่เสมอที่ไม่เคยนึกถึงที่มาพร้อมการเรียนรู้มิติเชิงการดำเนินชีวิตผ่านวิถีและขนบที่ก็นึกไม่ถึงอยู่ดี สุดท้ายเมื่อเข้าใจว่าอะไรเป็นอะไรก็สามารถรองรับความรักที่โหยหาได้พร้อมกับสามารถดำเนินชีวิตต่อไปเมื่อมีพลังในการฝันต่อ ซึ่งเรื่องแบบนี้ก็คือปัจจัยภายในที่ฝังลึกในหัวใจกดความรู้สึกไว้ไม่ให้เชิดขึ้นมาแล้วเมื่อมาเจอกับปัจจัยภายนอกกับสภาวะสังคมและภาวะจำยอมการเรียนรู้ก็บังเกิด หนังฉลาดมากที่ไม่ใช้การปะทะทางอารมณ์ผ่านปัจจัยภายในส่งออกสู่ภายนอกมากนักแต่เลือกตามติดความรู้สึกของเอริโกะที่ความเปลี่ยนแปลงค่อยๆเกาะกุมได้อย่างลงตัวเก็บเกี่ยวความรู้สึกด้วยความเงียบงันและปล่อยให้ใจคิดตามจนค้นพบส่วนลึกถึงก้นบึ้ง หนังอาจไม่หวือวาไม่มีดราม่าหนักมาเร้าแต่เลือกเล่าผ่านการพยายามสร้างน้ำตาของเอริโกะที่คงไม่ใช่เรื่องยากในการร้องให้ แต่จะร้องให้คนอื่นสัมผัสได้ได้ยังไงถ้าหัวใจตัวเองยังเข้าไม่ถึงเพราะแม้กระทั่งพี่สาวของตัวเองตายยังไม่มีน้ำตา หนังปล่อยให้ใจของคนดูคิดตามใช่แล้วใช้ใจคิดเพราะบางบทสนทนาที่น่าจะมีคำตอบแต่ไม่มีทิ้งไว้ให้คิดและเป็นแบบนั้นหลายครั้ง ซึ่งมันคือการวางเมล็ดพันธ์ทางความคิดให้เอริโกะและแน่นอนคนดูก็คิดตามหรือคิดแทนเอริโกะเพื่อที่จะได้เข้าใจว่าทำไมจะต้องรับจ้างร้องให้ในงานศพ ตั้งแต่ต้นจนจบเอริโกะได้พบกับเหตุการณ์และจุดเปลี่ยนตลอดทางทั้งทางชีวิตและอาชีพผ่านผู้คนที่รายล้อมและแน่นอนการได้เรียนรู้ผ่านคาสึมะเด็กสิบขวบที่เหมือนผ้าขาว จนกระทั่งเมื่อทุกอย่างซึมซับเข้าไปว่าบางครั้งหัวใจต่างหากที่ชี้นำชีวิตมิใช่สมองเอริโกะก็กลับมาเป็นผ้าขาวอีกครั้ง ในที่สุดเธอก็ร้องให้ในงานศพอย่างที่คนอื่นสัมผัสได้และใครจะรู้ว่าบนรถไฟกลับโตเกียวเอริโกะกำลังคิดถึงใครอยู่ไม่ว่าอะไรก็ไม่ง่ายต่อให้เป็นแค่การร้องให้เพราะการร้องให้ไม่สามารถเสแสร้งได้ การร้องให้ให้กับอะไรสักอย่างหรือใครสักคนอาจเหมือนเป็นเรื่องง่ายเพราะถ้ามีอะไรมากระทบหัวใจน้ำตาก็จะไหลออกมา กระนั้นหนังก็วางตัวชัดว่าจะว่ากันที่เรื่องของหัวใจที่ต้องยอมรับและในที่นี้คือการยอมรับที่จะร้องให้ในงานศพคนที่ไม่รู้จักเพื่อเป็นสะพานสู่โลกหน้า ไม่ใช่แค่การแสดงให้เห็นว่าผู้ตายมีความสำคัญแต่เป็นสื่อกลางให้ญาติและแขกสัมผัสถึงก้นบึ้งของความสูญเสีย แน่นอนการร้องให้สำหรับใครบางคนอาจไม่ใช่เรื่องยากโดยเฉพาะเอริโกะที่เป็นนักแสดงแต่ทำไมเธอจึงร้องให้ให้หัวใจคนอื่นสัมผัสไม่ได้ อาจเพราะการร้องให้ด้วยหัวใจที่ถูกอะไรมากระทบไม่ใช่เรื่องที่จะเสแสร้งได้อารมณ์ยินดีและโศกเศร้าล้วนแฝงอยู่ในเสียงร้องให้คราบน้ำตาและสีหน้าของคนร้อง นั่นหมายความว่าอะไรก็ไม่ง่ายแม้กระทั่งการใช้ชีวิตเพราะบางครั้งคนเราอาจหลงลืมแม้กระทั่งความรักหากบางอย่างในใจชัดเกินไป ซึ่งในที่นี้คือเอริโกะที่ลืมความรักของพี่สาวลืมความเป็นครอบครัวจนได้มาพบว่าแท้จริงแล้วทีที่อบอุ่นที่สุดก็คือที่ที่มีครอบครัวยอดเยี่ยมในการเปลี่ยนผ่านทางความรู้สึกผ่านอารมณ์ที่ไม่รุนแรงเร่งเร้า ความยอดเยี่ยมในการเล่าไปเรื่อยๆค่อยๆเก็บเกี่ยวความรู้สึกจะต้องถูกถ่ายทอดออกมาจากส่วนลึกข้างในให้คนดูรู้สึกได้กับตัวละคร และสำหรับเรื่องนี้ฮารุกะ คุโบะทำได้อย่างยอดเยี่ยมในการเป็นคนที่หนักอึ้งที่ความจริงไม่รู้ทางออกด้วยซ้ำว่าชีวิตจะเดินไปยังไงต่อเพราะความฝันก็เหมือนไม่เข้าใกล้มาเลย ก่อนที่จะพบกับความเปลี่ยนแปลงได้ใช้ชีวิตร่วมกับคาสึมะทำให้ได้เรียนรู้ถึงการได้ดูแลใครสักคนและการมีใครสักคนให้รักและได้รับความรักกลับ ความเปลี่ยนแปลงในตัวละครนี้อาจเหมือนเรื่อยๆแต่สัมผัสได้ว่าข้างในเธอเริ่มเปลี่ยนไปตามนาทีของหนังที่ผ่านและมันคือการถ่ายทอดที่ยอดเยี่ยมของฮารุกะ คุโบะ แต่ที่ต้องไม่ลืมคืออัตสึยะ โอดาดะในบทคาสึมะที่เป็นผ้าขาวให้เอริโกะได้เรียนรู้ที่จะมีใครสักคนกับความนิ่งเกินอายุและน่าเชื่อถือ ทั้งนี้อาจต้องรวมถึงนักแสดงสมทบที่มาเป็นปัจจัยภายนอกให้ภายในของเอริโกะได้คิดผ่านการสนทนาและการเลือกใช้ชีวิตได้อย่างเนียนตาแม้ว่าบางคนจะมีเวลาบนจอแค่นิดเดียวก็ตามเพราะความเป็นหนังญี่ปุ่นจึงมอบความรู้สึกได้ตามต้องการในแบบญี่ปุ่นคืออบอุ่นตื้นตันผ่านความเรียบง่ายกลายเป็นงานที่ประทับใจ ไม่รู้ว่าผู้เขียนคิดไปเองหรือไม่ที่ว่าหนังแบบนี้คือการเก็บเกี่ยวความรู้สึกให้ค่อยๆซึมลงสู่ส่วนลึกหรือการขุดค้นก้นบึ้งของจิตใจญี่ปุ่นเหมือนจะทำได้ดีที่สุด สารภาพว่าผู้เขียนมองเรื่องนี้ไปพาดทับกับหนังชั้นเยี่ยมอย่าง Departures (2008) ที่เกี่ยวกับการทำให้ยอมรับที่จะทำอาชีพทำศพหรือแต่งหน้าศพเพื่อความเปลี่ยนแปลงจากข้างใน และเรื่องนี้ก็คือการทำใจให้ได้และเข้าใจให้ได้ถึงวัตถุประสงค์ของการรับจ้างร้องให้ในงานศพที่ไม่ใช่แค่หลั่งน้ำตาสะอึกสะอื้น แน่นอนเมื่อหัวใจสามารถเข้าใจความรู้สึกก็เข้าถึงความคิดก็ตกผลึกการเรียนรู้ก็เกิดและเป็นเช่นเดียวกัน หนังอาจเล่าเรื่องความตายก็จริงหากแต่มาในโทนอุ่นในมุมสว่างเพราะวางตัวเองไว้ให้มีอะไรให้รักทำให้ผลลัพธ์ออกมาเป็นความอบอุ่นตื้นตันและลงท้ายงดงามเมื่อกลับมาว่างเปล่าพร้อมเติมความฝันเข้าไปอีกครั้ง หนังมาพร้อมเพลงที่อาจไม่เด่นมากแต่จังหวะสวยงามทำให้กลายเป็นความเรียบง่ายที่แสนประทับใจดูไปบ่นไปขอบคุณภาพประกอบ ภาพปก / ภาพที่ 1 / ภาพที่ 2 / ภาพที่ 3 / ภาพที่ 4 / ภาพที่ 5 / ภาพที่ 6 / ภาพที่ 7 / ภาพที่ 8 จาก X 映画『見栄を張る』 ถ้าคุณชอบเรื่องนี้ คุณจะชอบเรื่องเหล่านี้https://entertainment.trueid.net/detail/akeWJ2Pmv0Y5https://entertainment.trueid.net/detail/Y6Jl5GkxOxmyhttps://entertainment.trueid.net/detail/1ENdnw22Lzm7https://entertainment.trueid.net/detail/kpMYVDMlr2gp เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !