รู้จัก "ผ้าฝ้ายหมักโคลนย้อมคราม" ผ้าซิ่นที่ "ลิซ่า BLACKPINK" เลือกใส่เที่ยวอยุธยา
รู้จัก "ผ้าฝ้ายหมักโคลนย้อมคราม" ลายผ้าซิ่นที่ "ลิซ่า BLACKPINK" ใส่เที่ยวอยุธยา จะ Sold Out อีกไหมต้องจับตา
หลังจากคอนเสิร์ต BLACKPINK WORLD TOUR [BORN PINK] BANGKOK ENCORE จบไปเมื่อวันเสาร์ที่ 27 และวันอาทิตย์ที่ 28 พฤษภาคม 2566 ที่ผ่านมา ณ สนามราชมังคลากีฬาสถาน ซึ่งก่อนหน้านี้ก็มีแฟนๆได้เห็น ลลิษา มโนบาล หรือ "ลิซ่า BLACKPINK" กับคุณแม่ที่ได้เดินทางไปซื้อดอกไม้ สดที่ปากคลองตลาด ท่ามกลางความตื่นเต้นของผู้คนที่พบเห็นเป็นอย่างมาก
ล่าสุด ลิซ่า ก็ได้เข้าวัดทำบุญที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยมาในลุคนุ่งผ้าซิ่นลาย ผ้าฝ้ายหมักโคลนย้อมคราม ก็ทำเอาหลายคนแห่เปิดวาร์ปที่มาของผ้าซิ่นที่ใส่ไม่ใช่น้อย ซึ่งชุดที่ลิซ่าเลือกใส่นั้น เป็นชุดที่มาจากร้านชานเรือนนาข่า ของพี่สาว นักแสดงชื่อดังอย่า "เดียร์น่า ฟลีโป" เพื่อนสนิทของลิซ่านั้นเอง
ความเป็นมาของผ้าหมักโคลน
ข้อมูลร้าน Kety Smile Shop ระบุว่า ผ้าทอมือเป็นมรดกวัฒนธรรมอันล้ำค่าของชนเผ่า ใน จ.มุกดาหาร มาตั้งแต่โบราณกาล และเป็นเครื่องบ่งชี้ของความเป็นเอกลัษณ์ ความเจริญงอกงามของอารยธรรมเผ่าต่างๆ ความงดงาม ปราณีตบรรจงความมีเสน่ห์ซึ่งปรากฏบนผ้าพื้นสวย สะท้อนให้เห็นถึงความตั้งใจ ความพิถีพิถัน ความมานะอดทน ความมีศิลปะในการทอผ้า ภูมิปัญญากับการย้อมสีจากธรรมชาติและการหมักด้วยโคลนอายุ 100 ปี
ภูมิปัญญา แห่งหัตถกรรมผ้าย้อมสีธรรมชาติ ( ผ้าหมักโคลน)
อำเภอหนองสูง จังหวัดมุกดาหาร เป็นกลุ่มแรกและกลุ่มดั้งเดิมที่มีวิธีการใช้เทคนิคนำผ้าไปหมักโคลนก่อนการย้อมสีธรรมชาติ การทอผ้าฝ้ายและผ้าไหมทุกผืนเป็นงานฝีมือ วิธีการย้อมใช้สีธรรมชาติจากเปลือกไม้ชนิดต่างๆ เป็นการอนุรักษ์สภาพแวดล้อมธรรมชาติให้คงอยู่ตลอดไป
การทำผ้าหมักโคลนเป็นการทำเพื่อให้ได้สีที่สวยงามและจะทำให้สีติดผ้าคงทน สีธรรมชาติที่ได้จากเปลือกไม้หรือแก่นไม้ชนิดต่างๆจะออกสีแตกต่างกันเช่น
– ต้นเข(ต้นกาแล) ใช้เนื้อไม้จะให้สีเหลืองทอง สีเหลืองอ่อน
– ต้นเพกา (ลิ้นฟ้า) ใช้เปลือกแก่นและรากจะได้สีเขียวอ่อน สีเขียวแก่
– ต้นมะม่วง ใช้เปลือก ลำต้นและเนื้อไม้ จะให้สีเขียวและสีเขียวขี้ม้า
– ต้นขนุน ใช้แก่น ให้สีเหลือง สีเหลืองอมเขียว
– ต้นประดู่ ใช้เปลือก ลำต้น ให้สีชมพูอมแดง หรือสีแดงอมน้ำตาล
– ต้นมะกอก ต้นหว้า ให้สีเขียวครีม
– ต้นค่อ เปลือกแดง ให้สีส้ม
การย้อมสีธรรมชาติ
คือการนำเอาวัตถุดิบที่ได้จาก พืช สัตว์ จุรินทรีย์ และแร่ธาตุต่าง ๆ มาย้อมกับเส้นด้ายที่ทอจากฝ้าย แล้วนำมาถักทอเป็นผืนผ้า เพิ่มสีสันและความงามให้กับผืนผ้า อันเป็นภูมิปัญญาท้องถิ่นที่สืบทอดกันมาแต่โบราณจนถึงปัจจุบัน จึงเป็นที่นิยมทั้ง ชาวไทยและชาวต่างประเทศ
ประโยชน์ของการหมักโคลนทำให้สีติดทนนาน ปราศจากสารเคมี มีธาตุเหล็กและแมกนีเซียมมีผลให้มีสีเข้มขึ้น การนุ่งห่มจะสามารถขับสารพิษออกจากร่างกายได้ สืบทอดภูมิปัญญาให้มีค่ามากขึ้น
ลวดลายผ้าฝ้ายย้อมคราม
ข้อมูลร้านสิริญญาฝ้ายไทย ระบุว่า ลวดลายผ้าฝ้ายย้อมครามโดยปกติที่ทราบกันทั่วไปจะมี ลายน้ำไหลเล็ก-ใหญ่ ลายสีครามล้วน ลายมัดหมี่ ลายสีครามล้วนคั่นหมี่ ลายคั่นแถบ ลวดลายผ้าที่ได้ขึ้นอยุ่กับไอเดียของผู้ที่ทอและมัดย้อม ซึ่งมีลักษณะไม่ซ้ำ และสีที่ได้ขึ้นอยู่กับการย้อมของแต่ละคน และความต้องการของผู้ที่ย้อมและทอผ้า ลวดลายและสีผ้าสามารถผลิตได้ตาม รายการสั่งซื้อที่ลูกค้าต้องการ ลูกค้าที่สั่งซื้อผ้าอาจได้ลวดลายที่คลายกับผ้าที่สั่งซื้อ
วัตถุดิบต่างๆ ในการผลิต ผ้าหมักโคลนและการย้อมสี
ขั้นตอนในการทำผ้าหมักโคลนนั้นไม่ได้ยุ่งยากซับซ้อนมากนัก เริ่มจากการย้อมเส้นฝ้ายสีขาวด้วยคราม ซึ่งจะใช้เวลานานนับชั่วโมงกว่าสีจะติดตามต้องการ แล้วนำเส้นฝ้ายไปผึ่งแดดให้แห้งและซักน้ำครามออก นำกลับไปผึ่งแดดอีกครั้งหนึ่ง จึงนำมาทอตามลวดลายที่กำหนดตามเอกลักษณ์ของผ้าทอบ้านนาต้นจั่น ซึ่งลวดลายส่วนใหญ่ลอกเลียนแบบจากธรรมชาติ เช่น ลายผักแว่น ลายดอกพิกุล
การยอมสีผ้าของผ้าหมักโคลน จะเป็นการย้อมผ้าที่ใช้สีธรรมชาติ ซึ่งแต่ละสีก็จะได้มาจากเปลือกไม้ ใบไม้หรือดอกไม้ อาทิ ต้นมะกอก ต้นหว้า ให้สีเขียวครีม ใบสะเดาให้สีเขียว แก่นขนุนให้สีเหลืองอมเขียว เป็นต้น ในขั้นตอนนี้ใช้เวลาประมาณชั่วโมงครึ่ง และจะต้องใส่เกลือลงไปเพื่อไม่ให้สีตก และใส่ผงซักฟอกเพื่อไม่ให้ผ้าหดตัว ซึ่งเป็นอีกหนึ่งเคล็ดลับของภุมิบัญญาท้องถิ่น
ขอบคุณข้อมูลจาก Kety Smile Shop / ร้านสิริญญาฝ้ายไทย
ภาพจาก @lalalalisa_m