นับว่าเป็นซีรีส์ที่ผู้เขียนจับตาอยู่เหมือนกันสำหรับ Beef คนหัวร้อน Beef ซีรีส์ดาร์ก-คอมเมดี้จากค่าย A24 เรื่องราวของคนหัวร้อนที่เริ่มจากสาดโทสะบนท้องถนน สู่ความวินาศสันตะโรและหายนะเกินคาดคิด นับว่าเป็นอะไรที่น่าดูน่าชมตั้งแต่วินาทีแรกที่ ผู้เขียนได้มีโอกาสดูตัวอย่างของมัน เอาเข้าจริงๆผู้เขียนยังแอบคิดอยู่ว่า อากาศของบ้านเราที่ร้อนจนคิดไปได้เลยว่าประเทศไทยนี้อยู่ใกล้ดวงอาทิตย์มากแน่ๆ และที่สำคัญคือบ้านเราอากาศร้อนมากแถมบางวันยังมีรถติดอีกด้วย หากจะออกจากบ้านต้องคิดดีๆแนะนำอย่างนี้ Beef คนหัวร้อนเป็นซีรีส์ฆ่าเวลาได้เป็นอย่างดี Netflix กับ A24 ที่จะมาเสนอเรื่องราวความวินาศสันตะโร ซีรีส์ดาร์ก-คอมเมดี้ และความเป็นเอเชียน-อเมริกันมันเลยทำให้เรื่องนี่มีความน่าสนใจเป็นพิเศษ Road Rage (โร้ดเรจ) คือสิ่งที่เราเหล่าคนดูคุ้นหูคุ้นตากันอยู่ทุกวันไม่ว่าจะเป็นในข่าว หรือแม้แต่ในชีวิตจริง ผู้กำกับอย่าง อี ซองจิน (Lee Sung-jin) ได้รับแรงบันดาลใจจากเรื่องจริงที่เกิดขึ้นกับเขา นับว่าเป็นอะไรที่น่าสนใจสุดๆเลยก็ว่าได้สำหรับซีรีส์เรื่องนี้เล่าย่อๆเรื่องราวของคนสองคนบนท้องถนน ระหว่างคู่ชายหญิงคู่หนึ่งที่กำลังไล่ล่ากันอย่างดุเดือด เรื่องราวเกิดขึ้นที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ระหว่างรถกระบะคันเก่ากับ Mercedes Benz สีขาว เกิดการสาดอารมณ์กันเกิดขึ้น จนทำให้เป็นเรื่องรางที่สุดแสนจะวายป่วงบนท้องถนน และเรื่องราวบนท้องถนนนี้มันไม่ได้จบลงแค่นี้ และเขาทั้งสองจะเป็นอย่างไรต่อไปต้องติดตาม“กล้องพร้อม นักแสดงพร้อม เทปเดิน…ซีน 1 คัท 1 เทค 1…แอ็กชัน”1 ซีน (Scene) คือ “ฉาก” ว่าด้วยเรื่องของฉาก / นี้คือซีรีส์ที่แอบจัดเต็มจัดหนักไม่ว่าจะด้วยเหตุผลกลใดก็ตาม ฉากแต่ละฉากที่ทำออกมานั้นผู้เขียนต้องยอมรับเลยว่างานโปรดักชันดีไซน์มนเรื่องนี้จัดหนักจัดเต็มไม่ว่าจะเป็น งานภาพยนตร์ที่ใช้ Mood and Tone ได้อย่างจัดจ้านแบบหน้าค้นหา Beef ยังได้ทำสิ่งหนึ่งที่ผู้เขียนไม่เคยได้เห็นผ่านเรื่องราวของฉากในนั้นคือการใส่ภาพวาดเข้ามาในเนื้อเรื่อง David Choe รับหน้าที่ในการรังสรรค์เรื่องราวที่จะเสิร์ฟเนื้อหาของเรื่องราวที่เขาก็มีส่วนร่วมในเรื่องในบทที่ชื่อ Isaac ผู้เขียนไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้ ฉากต่างๆในเรื่องถูกเล่าและตีความออกมาได้อย่างน่าสนใจ ถึงแม้ซีรีส์เรื่องนี้จะเล่าเรื่องราวเนื้อหาไม่ค่อยประติดประต่อ แต่ก็เป็นความไม่ประติดประต่อที่เต็มไปด้วยความคิดสร้างสรรค์ และถูกเล่าเรื่องราวผ่านตอนต่างๆออกมาได้อย่างน่าสนใจ สิ่งหนึ่งที่ผู้เขียนชอบคืองานดีไซน์บ้านของ จอร์แดน ที่แอบมีความอลังการมากกว่าบ้านของเอมี่ เพราะที่จริงแล้วบ้านหลังนี้ได้ อาคาร House of the Book เป็น hall กลางของมหาลัย American Jewish University แต่ที่ผู้เขียนคุ้นหูคุ้นตาเพราะว่าบ้านหลังนี้เคยเห็นในภาพยนตร์เรื่อง star trek และ power rangers และการดีไซน์ต่างๆก็ทำออกมาได้อย่างน่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ งานไม้งานหินหรือแม้แต่คอนกรีตต่างๆ ที่ทำออกมาได้อย่างดี และเข้าถึงตัวละครได้อย่างน่าสนใจ นี้แค่งานฉากยังสื่อความหมายได้อย่างไม่มีที่ติ จอร์แดนชอบสะสมงานศิลปะและของโบราณ สื่อให้เห็นถึงตัวตอนของเธอที่เปรียบเสมือนนักล่าผู้อยู่เหนือทุกสิ่ง งานดีไซน์นี้เองที่ส่งให้ซีรีส์มีคาแรกเตอร์ตัวละครที่ค่อนข้างชัด 2 คัท (Cut) คือ “มุม”ว่าด้วยเรื่องของบท / แค่เรื่องราวที่ผู้กำกับพบเจอกับตัวเอง กลายเป็นซีรีส์น้ำดีเรื่องหนึ่งที่ผู้เขียนต้องมานั่งดูหลังจากที่ได้รับชมแค่ตัวอย่าง 10 episode กับการเล่าเรื่องราวของบทซีรีส์นี้ออกมาได้อย่างทรงพลัง ส่วนหนึ่งที่ผู้เขียนเองต้องยอมรับเลยว่าเรื่องราวมันช่างเป็นอะไรที่ใกล้ตัวมากๆ แต่การเล่าเรื่องราวที่แอบติดตลกร้าน และขยายมันออกได้อย่างมีชั้นชิงนี้เอง ที่เป็นส่วนหนึ่งให้ซีรีส์เรื่องนี้มีกระแส BEEF คนหัวร้อน 2023 ก่อนที่จะได้ชื่อนี้มาตัวซีรีส์เองก็ผ่านเรื่องราวมาเยอะมากๆเช่นกัน กว่าจะได้ Idioms มาให้ตรงใจและตรงกับคอนเซ็ปต์ ความดาษดื่นบนท้องถนน ‘Eye for an Eye’ หรือตาต่อตาฟันต่อฟัน ก็เป็นหนึ่งในนั้นที่ทีมสร้างเสนอมันออกมา แต่แล้วมันก็ยังไม่ต่อยหรือชกคนดูให้อยู่หมันมากพอ จนได้มาเป็นสองชื่ออย่าง ‘Beef’ และ ‘Feud’ ถึงแม้ความหมายจะใกล้กันแต่บทซีรีส์เรื่องนี้กับเล่าเรื่องราวที่ไม่ได้เอาเป็นเอาตายอะไรขนาดนั้น แต่หลายๆ episode ก็แอบมีความเป็น Feud อยู่พอสมควร แต่การนั่งดูไปดูมาเราก็จะได้เข้าใจคำว่า Beef ได้อย่างไม่เคอะเขิน ทะเลาะรุนแรง อาฆาตพยาบาท และมีความเอาเป็นเอาตาย ผู้เขียนเห็นอะไรมากกว่านั้นเพราะว่าเป็นซีรีส์มันนำเราเข้าไปสำรวจจิตใจได้อย่างเต็มที่ของคำว่ามนุษย์ได้อย่างถูกมิติและน่าค้นหา เลยกลายเป็นว่า Beef ไม่จำเป็นต้องเป็น Beef เสมอไป Feud ก็ไม่ต้องกลายเป็น Feud เรื่อยไป เพราะทุกสิ่งอยู่ที่ความเห็นอกเห็นใจและความเข้าใจกันและกัน3 เทค (Take) คือ “จำนวนครั้งที่เล่น”ว่าด้วยเรื่องของตัวละคร /สิ่งหนึ่งที่ซีรีส์น่าสนใจคงจะหนีไม่พ้นเรื่องของตัวละคร ที่ได้ทีมนักแสดงมากฝีมือมารวมกันไว้ในที่เดียวไม่ว่าจะเป็น Steven Yeun รับบทเป็น Danny Cho / Ali Wong รับบทเป็น Amy Lau / Joseph Lee รับบทเป็น George Nakai / Young Mazino รับบทเป็น Paul Cho / David Choe รับบทเป็น Isaac Cho / Remy Holt รับบทเป็น June ที่น่าสนใจคือนักแสดงเข้าถึงคาแรกเตอร์ของตัวละครได้อย่างไม่เคอะเขิน บทบาทของตัวละครเหล่านี้ต่างพาเราเหล่าคนดูไปสำรวจความเป็นมนุษย์ได้อย่างพอดิบพอดี หลายฉากหลายตอนจากซีรีส์นั้นคือสิ่งที่ตัวนักแสดงเป็นและทำมันจริงๆอย่าง Steven Yeun ร้องเพลงฉากในโบสถ์ซีรีส์ Beef เองมั้ย ใช่แล้วร้องเองเลย เพราะครั้งหนึ่ง Steven Yeun เคยเป็นนักร้องนำในโบสถ์คริสต์จึงเป็นทุนเดิมให้เขาสามารถถ่ายทอดฉากนี้ได้อย่างเข้าถึงอารมณ์ อีกตัวละครที่น่าสนใจคือ Young Mazino กับบทที่ถูกเขียนขึ้นมาได้เกือบตรงกับเขานักแสดงกล้างปูสูง 6 ฟุตหรือประมาณ 183 เซ็นติเมตร วัย 32 ปีชาวเกาหลี-อเมริกันคนนี้ ที่เดินทางตามหาความสำเร็จกับตัวเขาเอง และใช้ชีวิตที่ตรงกับเรื่องที่เขาได้รับบท เลยเป็นตัวละครอีกตัวที่ค่อนค้างที่จะเล่าได้สมบทบาท Joseph Lee ชาวเกาหลี-อเมริกันวัย 35 ปี และเขาคนนี้มีอาชีพเป็นคนสร้างงานศิลป์เป็นศิลปินที่สร้างสรรค์ผลงานอย่าง portrait บอกได้เลยว่างานของเขาเป็นอะไรที่มีเอกลักษณ์มากๆ นั้นคือการวาดใบหน้าของคนขนาดใหญ่ๆ ภาพ abstract ที่สื่อถึง identity crisis จึงกลายเป็นแรงบันดลให้เขาสร้าง personality ด้วยความเป็นคนที่ช่างสังเกต facial expressions (การขยับของใบหน้า) เลยทำให้เขาชอบสร้างงานศิลป์ที่มีลักษณะที่เป็นใบหน้าของคนเอามากๆ นับว่าเป็นทีมนักแสดงที่เต็มไปด้วยที่เป็นและสร้างที่มาให้กับซีรีส์เรื่องนี้ได้อย่างลงตัว4 Slate คือ ป้ายที่เขียนบอก ซีน คัท เทคว่าด้วยเรื่องของความหมาย / ประเด็นตกผลึกที่น่าสนใจของซีรีส์เรื่องนี้ก็คือ มนุษย์ทุกคนย่อมมีเหลี่ยมมุมขงชีวิตที่ไม่เหมือนกัน ซีรีส์ที่ dialog เต็มไปด้วยคำหยาบเหตุการณ์โชว์นิ้วกลาง บีบแตร ขับรถไล่ หรือแม้แต่การแค้แค้นต่างๆนาๆ มันมักจะเป็นเรื่องราวพื้นฐานของมนุษย์ที่คน คนหนึ่งจะแสดงออกมาให้เห็นได้ นั้นจึงกลายเป็นเรื่องราวที่แสนเตลิดเปิดเปิงของเรื่องนี้ และสิ่งหนึ่งที่น่าสนใจที่สนใจคือ ซีรีส์ได้พาเราเหล่าคนดูลงไปสำรวจเรื่องราวของคำว่า “มนุษย์” ได้อย่างแท้จริงไม่ว่าจะเป็นตัวตนที่ถูกซ้อนอยู่ภายใต้จิตใจที่โกรธเกี้ยว หรือแม้แต่เรื่องราวของเงินๆทองๆ ที่ไม่อาจหลุดพ้นไปจากประเด็นของเรื่องราวเหล่านี้ การเล่าเรื่องราวตลกร้ายที่เต็มไปด้วยชั้นเชิงของวิธีการเล่านี้ ผู้เขียนก็เป็นอีกคนที่ชอบมากๆ การสื่อการกำเราเหล่าคนดูที่ไม่ค่อยตรงไปตรงมาแต่ก็เต็มไปด้วยความน่าสนใจในตัว เปิดประเด็นความหัวร้านและตีแต่ขยายผลออกไปจนเกินขอบเขต จนมาทำให้ถึงได้ว่าคนเรามักเอาอารมณ์ของตัวเองเป็นใหญ่อยู่เสมอโดยไม่คิดถึงสิ่งรอบข้าง และคนผลที่มันจะตามมา เราเหล่าคนดูมักจะเห็นคนเหล่านี้ได้ในทุกวัน เอาความคิดของตัวเองเป็นใหญ่ และโยนใส่คนรอบข้างทั้งที่จงใจและไม่จงใจก็ตาม นั้นอาจจะเป็นเห็นผลใหญ่ๆที่ซีรีส์เรื่องนี้กำลังเล่ามันออกมา และใส่สีสีไข่ให้ประเด็นมันใหญ่ขึ้น สุดท้ายแล้ววิวาทะนี้ก็จบลงได้ด้วยดีเมื่อทั้งสองคนหันหน้าเข้าหากัน และคุยกันตั้งแต่แรกว่าเป็นมาอย่างไรดั่งที่ซีรีส์เผยให้เราเห็น เลยกลายเป็นแค่คนสองคนที่อยากทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุดและมีคนเข้ามาและยอมรับมันก็พอ5 “คัท !!!!”Easter Egg หลายๆอย่างถูกใจเข้ามาในซีรีส์เรื่องนี้ได้อย่างพอดิบพอดี ไม่ว่าจะเป็นการเชื่อมเรื่องด้วงงานศิลป์ หรือแม้แต่ศิลปะหน้าตาแปลกๆอย่างแจกัน ที่ในเรื่องโผล่ออกมาให้เราเหล่าคนดูเห็นกันบ่อยมากๆ จนในที่สุดผู้เขียนก็ได้รับรู้ว่าที่แท้แล้วงานศิลปะพวกนี้ได้ Inspiration มาจากท่าของคนที่กำลังเล่น “โยคะ” เป็นแนว abstract ที่สื่อถึงการไม่ยึดติดปล่อยวางไม่กักขังตัวเองให้อยู่ในกรอบเดิมๆ และการเปิดรับทุกสิ่งอย่างได้อย่างเติมอกเต็มใจ เป็นงานศิลปะที่ทีมสร้างได้รังสรรค์ขึ้นมา ผู้เขียนว่ามันสวยดีนะแปลกตาดี และสื่อถึงบางอย่างได้อย่างน่าสนใจ และที่น่าสนใจคืองานปั้นพวกนี้แอบีชื่อด้วยอย่าง The Dinosaur บ้าง The Dog บ้างแล้วแต่ว่าสิ่งที่ปั้นขึ้นมาจะมีรูปร่างหน้าตาเป็นอย่างไร ซีรีส์ความวินาศสันตะโรที่เริ่มขึ้นด้วยการบีบแตรและโชว์นิ้วกลางนี้ เป็นอีกเรื่องที่มาพอเหมาะพอควร เขากับอากาศบ้านเราได้อย่างไม่เคอะเขิน สิ่งที่โดดเด่ที่มากๆที่ผู้เขียนชอบคือ ซีรีส์หยิบความเป็นเอเชียเข้ามาเล่าได้อย่างไม่เคอะเขิน นับว่าเป็นอีกเรื่องที่น่าจับต่างของค่ายอย่าง A24 ที่รอบก่อนพา Everything Everywhere All At Once ที่เพิ่งกวาดออสการ์ไปมากมาย และการเล่าประเด็นเรื่องราวของความเป็นคนเอเชียอพยพที่มีตัวละครที่หลากหลายไม่ว่าจะเป็น เกาหลี จีน ญี่ปุ่น ถึงกระนั้นสิ่งดีงานก็ยังไม่หมดเพราะว่าความหมายที่ซีรีส์ได้แทรกเข้ามานั้นก็เต็มไปด้วยประเด็นที่คนเท่าไปเจาะเจอ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวของความหัวร้อนบนท้องถนน เพื่อนบ้านที่คอยจับผิดสิ่งที่เราทำอยู่ในทุกวัน คนที่ดิ้นรนเพื่อครอบครัวให้อยู่อย่างมีความสุขจนตัวเองไม่อาจได้พบซึ่งความสุข หรือแม้แต่เรื่องลับที่เกิดขึ้นในครอบครัว ล้วนแล้วแต่เป็นพื้นฐานของชีวิตที่ชีวิตหนึ่ง ต้องได้เจอมันบ้างละสักเรื่อง ถึงกระนั้นเองจิ่งที่คนดูหลายคนอาจจะไม่ชอบคงหนีไม่พ้นตอนจบที่แอบจบแบบหักดิบจนเกินไปแต่ผู้เขียนกับชอบนะ เพราะมันเป็นปลายเปิดที่เต็มไปด้วยเรื่องราวจะการตั้งคำถามได้อย่างมีนัยเต็มไปด้วยการเข้าใจและเริ่มต้นใหม่ในเวลาเดียวกัน การที่ซีรีส์หยิบคำผู้ประโยคเด็ดๆของเหล่านี้มาไว้ในเรื่องก็เป็นอีกอย่างที่น่าสนใจ อย่าง “The Birds Don’t Sing, They Screech in Pain” จากสารคดีของ เวอร์เนอร์ เฮอร์ซ็อก “The Rapture of Being Alive” จากคำพูดของ โจเซฟ แคมป์เบล “We Draw a Magic Circle” จากหนังของ อิงมาร์ เบิร์กแมน หรือ “I am a Cage” จากหนังสือของ ฟรานซ์ คาฟคา ที่หยิบมาเป็นชื่อตอนต่างๆก็ล้วนแล้วแต่เป็นอะไรที่น่าสนใจมากๆ signature ของค่าย A24 ที่ซีรีส์เรื่องนี้ไม่พลาดที่จะใส่มันเข้ามาอย่าง ฉากอีกาคุยกันช่างเหมือนฉากหินคุยกันในเรื่อง Everything Everywhere All At Once ที่ผู้เขียนนั่งดูแล้วยังแอบหลุดขำ แต่ก็เป็นสิ่งที่เราเหล่าคนดูจดจำได้ดีเลยทีเดียวชอบ Dialog นี้ “เคยสังเกตไหมว่ามีแต่คนที่มีเงิน ที่คิดว่าเงินไม่สำคัญ พระพุทธเจ้าเป็นพระพุทธเจ้าได้ เพราะพระองค์เป็นเจ้าชายมาก่อนไง เพราะมั่งมีถึงได้สละได้” – มีแต่คนรวยที่บอกให้คนอื่นพอเพียง Amy Lau – Beef 2023(สิ่งหนึ่งที่คนดูอย่างผู้เขียนเห็นคือความตั้งใจของทีมผู้กำกับทีมนักแสดง คะแนนเต็มแบบไหนอย่างไรไม่ควรนำมาตัดสิน กับเรื่องของภาพยนตร์ , อนิเมะ , ซีรีส์ , แอนิเมชัน และเกม "คะแนนของคุณไม่ใช่คะแนนของใคร ที่สำคัญกำลังใจย่อมดีกว่าการตัดสินด้วยคะแนน" ผู้เขียนจะย้ำอยู่เสมอ สิบปากว่าไม่เท่าตาคุณเห็น ต้องชมเองให้ได้เท่านั้น)#จิปาถะและอรรถรสขอบคุณภาพประกอบจาก - steveyeun / Netflix / A24 - ปก / 1 / 2 / 3 / 4 / 5 / 6 / 7 / 8 ขอบคุณข้อมูลเพิ่มเติมจาก End Credits ท้ายเรื่อง และการเป็นแฟนเดนตายผู้กำกับภาพยนตร์ , อนิเมะ , ซีรีส์ , แอนิเมชัน และเกม นักเขียนบทภาพยนตร์ , อนิเมะ , ซีรีส์ , แอนิเมชัน และเกม นักแสดงทุกท่านทีมสร้างภาพยนตร์ , อนิเมะ , ซีรีส์ , แอนิเมชัน และเกมทุกคนและบริษัทและค่ายผู้ผลิตภาพยนตร์ , อนิเมะ , ซีรีส์ , แอนิเมชัน และเกมและในวันนี้ก่อนจากกันไปบอกเราหน่อยว่าผู้อ่านเป็นแฟนซีรีส์เรื่อง BEEF : คนหัวร้อน 2023 เพราะอะไร อย่าลืมกดติดตามเพื่อเป็นกำลังใจ แล้วท่านจะไม่พลาดเหล่าคอนเทนต์ใหม่ๆที่ทาง จิปาถะ และ อรรถรส จัดมาให้แบบ Exclusive เจาะลึกถึงวงการบันเทิงที่มากกว่าใคร หากคุณรักภาพยนตร์ รักซีรีส์ อนิเมะ แอนิเมชัน และเกม ที่เดียวที่ จิปาถะ และ อรรถรสจะฟังเพลงหรือดูหนัง ซีรีส์ใหม่สุดปัง โหลดเลยที่ App TrueID โหลดฟรี !