รีเซต

“เชน ธนา” เปิดโกดังแถลงกรณี “อมาโด้” เป็นการผิดสัญญาทางแพ่งไม่ได้มีเจตนาฉ้อโกงแต่อย่างใด

“เชน ธนา” เปิดโกดังแถลงกรณี “อมาโด้” เป็นการผิดสัญญาทางแพ่งไม่ได้มีเจตนาฉ้อโกงแต่อย่างใด
ดาราเดลี่บันเทิง
23 พฤศจิกายน 2567 ( 12:55 )

เชน ธนาเปิดโกดังแถลงกรณี อมาโด้เป็นการผิดสัญญาทางแพ่งไม่ได้มีเจตนาฉ้อโกงแต่อย่างใด

        จากกรณี เชน ธนา ถูกแจ้งความดำเนินคดีอาญาถูกกล่าวหาฉ้อโกง 79 ล้าน สั่งสินค้าอมาโด้มาจำหน่ายแต่ไม่ยอมชำระ ค่าสินค้าตามที่ปรากฏเป็นข่าว

ล่าสุดเขาเปิดโกดัง นับสินค้าว่าสินค้าที่มีปัญหาอยู่ครบแต่หมดอายุแล้วเพราะมีปัญหา ไม่มีเจตนาโกง และ อ้างว่เพียงเป็นการผิดสัญญาทางแพ่ง โดยไม่ได้มีเจตนาฉ้อโกงแต่อย่างใด

 

เขาเผยแพร่ข่าวว่า

ตามที่ ข้าพเจ้า บริษัท อมาโด้ กรุ๊ป จำกัด โดย นายธนาตรัยฉัตร ภูโชคอนันต์ กรรมการ ได้มีข้อพิพาทเกี่ยวกับสินค้าที่ปรากฏขึ้นอยู่ในข่าวหรือสื่อสังคมออนไลน์หลายสำนัก โดยข้าฯ ถูกกล่าวหาว่าได้กระทำผิดฐานฉ้อโกงนั้น ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด ข้าฯ จึงขออนุญาตชี้แจงข้อเท็จจริงต่อสื่อมวลชนทุกท่าน เพื่อให้เกิดความเข้าใจข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นในส่วนของข้าฯ โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้

ตลอดเวลากว่าสิบปีที่ผ่านมา ข้าฯ ได้ดำเนินธุรกิจขายสินค้าด้วยความซื่อสัตย์สุจริต และไม่เคยทำให้ประชาชนได้รับความเสียหายแต่อย่างใด ซึ่งทุกคนได้รับสินค้าที่มีคุณภาพที่ดี และเชื่อมั่นว่าผู้บริโภคมีความไว้วางใจในสินค้าของข้าฯ ส่วนปัญหาข้อพิพาทที่เกิดขึ้นนั้น เป็นเรื่อง ระหว่างข้าฯ กับคู่กรณี ซึ่งสื่อมวลชนทุกท่านคงเข้าใจว่า หากสินค้ามีคุณภาพและเป็นไปตามที่ตกลงกัน ก็ไม่มีเหตุผลอันใดที่ข้าฯ จะไม่ชำระราคา ค่าสินค้ากับคู่กรณี หรือไม่นำสินค้าไปจำหน่ายให้แก่ผู้บริโภค

ซึ่งกรณีพิพาทนี้ เมื่อวันที่ 17 ก.ค. 63 ข้าฯ ได้รับการติดต่อจากคู่กรณีเพื่อนำเสนอเกี่ยวกับสินค้า คือ บีฟิน่า (ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ประเภทโพรไบโอติกส์) พร้อมกับนำเสนอสรรพคุณของสินค้าว่า มีความโดดเด่นกว่าสินค้าทั่วไปในประเภทเดียวกันที่วางขายในท้องตลาด จากนั้น วันที่ 13 พ.ย. 63 ข้าฯ ได้เริ่มสั่งซื้อสินค้ากับคู่กรณี แต่คู่กรณีมีการขอขยายเวลาจัดส่งหลายครั้ง

        จนในวันที่ 10 ก.พ. 64 ข้าฯ จึงได้สรุปยอดสั่งซื้อสินค้าจำนวน 3,000,000 ซอง และได้รับสินค้าล็อตแรกในวันที่ 1 มี.ค. 64 จำนวน 85,000 ซอง จากนั้นข้าฯ ได้เปิดตัวขายสินค้าครั้งแรกในวันที่ 
3 มี.ค. 64 ปรากฏว่า สินค้าดังกล่าวได้รับความสนใจจากตัวแทนจำหน่ายหรือผู้บริโภคเป็นอย่างดี ซึ่งข้าฯ คาดว่า สินค้าที่สั่งซื้อครั้งนั้นไม่เพียงพอต่อความต้องการซื้อในอนาคต ซึ่งการสั่งซื้อสินค้าต้องใช้เวลาจัดส่งประมาณ 5 เดือน เนื่องจากต้องนำเข้าจากต่างประเทศ ทำให้ในวันที่ 9 มี.ค. 64 ข้าฯ จึงสั่งซื้อสินค้าเพิ่มในล็อตที่สองจำนวน 4,500,000 ซอง สำหรับจำหน่ายต่อไป โดยคู่กรณีได้ทยอยจัดส่งสินค้า และข้าฯ ได้ทยอยชำระราคาตามที่ตกลงกันตลอดมา โดยข้าฯ ชำระเงินสำหรับสินค้าล็อตแรกจนครบถ้วนแล้ว และชำระในล็อตที่สองไปบางส่วนแล้วเป็นเงินประมาณหกล้านบาทเศษ

        แต่ในช่วงวันที่ 24 มี.ค. 64 เป็นต้นมาได้มีข้อพิพาทระหว่างข้าฯ กับคู่กรณีเกิดขึ้น เพราะข้าฯ เพิ่งทราบว่าสินค้าที่ได้รับ มีสรรพคุณไม่ตรงตามที่ได้พรรณนาไว้ และไม่สามารถขอใบอนุญาตโฆษณาได้ ส่งผลให้ข้าฯ ไม่สามารถโฆษณาและจำหน่ายสินค้าได้อย่างเต็มที่ จากนั้นข้าฯ กับคู่กรณีได้หารือและเจรจาหาแนวทางในการแก้ไขปัญหาดังกล่าวตลอดมา แต่ก็ไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้

       จากนั้นเมื่อวันที่ 29 ก.ค. 65 คู่กรณีกลับส่ง หนังสือทวงถาม (ครั้งแรก) ให้ข้าฯ ชำระหนี้ค่าสินค้า ต่อมาในวันที่ 8 ส.ค. 65 ทั้งสองฝ่ายได้นัดประชุมหาแนวทางการแก้ไขปัญหาดังกล่าวแต่ไม่สามารถตกลงกันได้ โดยในวันถัดมา คู่กรณีกลับส่งหนังสือทวงถาม (ครั้งที่สอง) ให้ข้าฯ ชำระหนี้ค่าสินค้า ในวันที่ 16 ส.ค. 65 ข้าฯ จึงมีหนังสือตอบกลับไปยังคู่กรณีเพื่อให้ดำเนินการแก้ไขสินค้าให้ตรงตามคำพรรณนาที่ได้ตกลงกัน ภายใน 30 วัน หากเพิกเฉยข้าฯ ขอสงวนสิทธิในการบอกเลิกสัญญา

         โดยจะคืนสินค้าทั้งหมดพร้อมกับเรียกค่าเสียหายอื่น ๆ ตามกฎหมายต่อไป แต่คู่กรณีก็ไม่ได้มารับสินค้าคืนแต่อย่างใด จากนั้นในวันที่ 24 ส.ค. 65 ข้าฯ จึงมีหนังสือแจ้งเตือนอีกครั้ง เพื่อให้คู่กรณีทำการแก้ไขภายในกำหนดระยะเวลาเดียวกันกับหนังสือแจ้งเตือนฉบับลงวันที่ 16 ส.ค. 65 แต่เมื่อครบกำหนด คู่กรณีก็ยังไม่แก้ไขหรือมารับสินค้าคืนเช่นเดิม ดังนั้น ในวันที่ 25 ต.ค. 65 ข้าฯ จึงได้ฟ้องคู่กรณีต่อศาลแพ่งกรุงเทพใต้ ในข้อหาผิดสัญญาซื้อขาย เลิกสัญญา และขอให้คู่กรณีรับสินค้าทั้งหมดคืน ซึ่งหลังจากที่ข้าฯ ได้ยื่นฟ้องคดีจนถึงปัจจุบัน คู่กรณีก็ยังคงไม่มารับสินค้าดังกล่าวคืน นอกจากนี้ ศาลชั้นต้นก็ได้มีคำพิพากษาแล้วว่า เป็นเพียงกรณีการผิดสัญญาซื้อขายสินค้า โดยขณะนี้คดีอยู่ในระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์

       ด้วยเหตุผลข้างต้น จึงเป็นเพียงการผิดสัญญาทางแพ่ง โดยข้าฯ ไม่ได้มีเจตนาฉ้อโกงแต่อย่างใด ข้อมูลดังที่ปรากฏในข่าว จึงไม่มีมูลความจริง ซึ่งปัจจุบันสินค้าดังกล่าวก็ยังอยู่ในคลังสินค้าของข้าฯ จำนวน 4,904,202 ซอง หากข้าฯ มีเจตนาฉ้อโกงโดยการหลอกให้คู่กรณีส่งมอบสินค้า และนำไปขายแล้ว ก็คงไม่ปรากฏสินค้าดังกล่าวแต่ประการใด