หากพูดถึงกระแสภาพยนตร์ที่มาแรงและถูกพูดถึงมากที่สุด คงหนีไม่พ้นเรื่อง Oppenheimer (ออพเพนไฮเมอร์) จากผู้กำกับและเขียนบทสุดอัจฉริยะแห่งยุคอย่าง "คริสโตเฟอร์ โนแลน" เจ้าพ่อหนังที่คนดูยกให้เป็นที่สุดของความซับซ้อนและย่อยยากสุด ๆ อะไรที่ทำให้หนังที่ยากจะเข้าใจเรื่องนี้ได้รับคะแนนอย่างล้นหลามจากนักวิจารณ์หนังทั่วโลกในแง่ดีอย่างมากมาย รวมทั้งยังได้คะแนนจาก RottenTomatoes ไปสูงถึง 92% ในมุมมองของนักวิจารณ์ แต่ในแง่ของคนดูเรื่อง Oppenheimer จะดีขนาดนั้นจริงไหม? วันนี้ ME ขอมารีวิวหนังเรื่อง Oppenheimer จากมุมมองของคนธรรมดาอย่าง ME ว่าเรื่องนี้ดีขนาดไหน และควรสละเวลาถึง 3 ชั่วโมงให้กับภาพยนตร์เรื่องไหม ?https://www.youtube.com/watch?v=uYPbbksJxIgเรื่องย่อ Oppenheimer แนว : สงคราม / ประวัติศาสตร์ / ชีวประวัติ / ระทึกขวัญความยาวของหนัง 3 ชั่วโมงOppenheimer เป็นภาพยนตร์ชีวประวัติเกี่ยวกับ J. Robert Oppenheimer บิดาแห่งระเบิดปรมาณู นักฟิสิกส์ชาวอเมริกันที่เป็นผู้บุกเบิกโครงการแมนฮัตตัน โครงการวิจัยและพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ของสหรัฐอเมริกาในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง Oppenheimer ได้รับทบาทให้เป็นผู้นำโครงการแมนฮัตตันในช่วงปี 1942-1945 และเขาเป็นผู้รับผิดชอบในการกำกับดูแลการก่อสร้างและทดสอบระเบิดปรมาณูสองลูกที่ทิ้งลงที่เมืองฮิโรชิมาและนางาซากิของญี่ปุ่นในปี 1945 หลังจากเกิดเหตุการณ์ทิ้งระเบิดในครั้งนั้น ทำให้ Oppenheimer รู้สึกผิดกับผลที่ตามมาของระเบิดปรมาณู และเขาได้กลายเป็นผู้ต่อต้านอาวุธนิวเคลียร์ในภายหลัง เรื่องราวที่ทั้งโลกไม่เคยลืมนี้ถูกนำมาถ่ายทอดให้เราได้เรียนรู้และแง่มุมในการก่อให้เกิดเหตุการณ์ที่เลวร้ายที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ รีวิว Oppenheimer I แยบยล ซับซ้อน พร้อมระเบิดเวลาที่ตั้งไว้ในหัวของคนดูคะแนนหนังเรื่อง Oppenheimer : 9.5/10 ชวนให้คิด ติดตาม และตกตะกอนอยู่ตลอดที่ได้ดู เป็นหนัง Coming of ages ที่วางระเบิดเวลาไว้ในความคิดของคนดูได้อย่างแยบยล ME จะไม่ขอบอกว่าหนังเรื่องนี้จะดีหรือเหมาะกับทุกคน เพราะมันเป็นหนังที่แสนจะซับซ้อนและดูยากสมกับเป็นหนังของโนแลน แต่ในความยากทั้งหมดทั้งปวงที่หนังพยายามถ่ายทอดออกมาเรื่อย ๆ อย่างไม่หยุดยั้ง และ ไม่ให้คนดูได้มีเวลาพักที่จะหยุดคิด ก็คงต้องบอกตามตรงว่าดูไปปวดหัวไปอยู่ไม่น้อย ><' แต่เพราะมันดูยากส่วนตัว ME เลยชอบหนังเรื่อง Oppenheimer เอาเข้าอย่างจัง! บทละครคือที่สุด สาดใส่คนดูไม่หยุดตั้งแต่เปิดเรื่องจนปิดเรื่อง! ใครที่เป็นแฟนผลงานโนแลน เป็นต้องเข้าใจดีในเรื่องของฝีมือการเขียนบทของเขาคนนี้ เช่นเดียวกับในเรื่อง Oppenheimer ที่ทำออกมาอย่างดีเยี่ยมและเหมือนจะดีขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อเราได้จับจองไปที่ คำพูด บทสนทนา และกระแสของเส้นเรื่องที่มีความสอดคล้องกันอย่างไม่มีที่ตินี้ ส่วนตัวแล้ว ME มองว่าบทภาพยนตร์เรื่องนี้คืองานที่ไม่ใช่ใครจะเขียนขึ้นมาได้ง่าย ๆ ทุกอย่างมีข้อมูลสอดรับกับข้อเท็จจริงอย่างลงลึกทุกอณู ความกวนของโนแลนไม่ใช่แค่การเขียนเล่าเรื่องที่สลับไทม์ไลน์ไปมาให้คนดูสับสนเล่น ๆ เท่านั้น แต่ยังไม่หยุดยั้งที่จะสาดข้อมูลหนัก ๆ ใส่คนดูไม่หยุด เอาเป็นว่าถ้าใครไม่ได้มีพื้นฐานเรื่องฟิสิกส์ วิทยาศาสตร์ สงครามโลก และการเมือง ที่มากประมาณนึง อาจรู้สึกอึดอัดจนอยากเดินออกจากโรงหนังไปได้เลยง่าย ๆ หรือไม่ก็อาจจะหลับไปเสมือนอยู่คลาสวิทยาศาสตร์ในช่วงบ่ายไปเลยค่ะ แม้ว่าที่ ME เพิ่งพูดไปจะฟังดูแล้วไม่ค่อยดี แต่เชื่อสิค่ะว่ามีกลุ่มคนที่รักในความซับซ้อนของหนังโนแลนจริง ๆ เช่น ME คนหนึ่ง ^^ จึงไม่แปลกใจเลยค่ะว่าทำไม Oppenheimer จึงถูกยกขึ้นหิ้งในฝังของนักวิจารณ์ทั่วโลกOppenheimer คืออีกหนึ่งผลงานชิ้นเอกของ "คริสโตเฟอร์ โนแลน"ฉาก โทนสี และ การระเบิดที่ทำเอาหัวใจเต้นรัว พอเป็นหนังที่พูดถึงการสร้างระเบิดครั้งใหญ่ที่สุดในโลก แน่นอนว่าเราต่างคาดหวังอย่างมากที่จะได้เห็นฉากระเบิดอันน่าขนลุกนั้น! แต่ว่า Oppenheimer กลับไม่ตามใจเราเท่าที่ควร ทุกอย่างถูกถ่ายทอดในโทนสีฟิล์มและความขาวดำของโลกยุคสงคราม แทนความตระกานตาบนความเจ็บปวดที่คนดูต่างอยากให้มี พอไม่มีฉากที่ดูเวอร์วังลิเกพวกนั้นมากเท่าที่คาดไว้ แต่ตัวหนังก็ไม่ได้ถูกลดคุณค่าของสารที่ต้องการถ่ายทอดไปเลยแม้แต่น้อย ส่วนตัว ME ชอบการใช้สีขาวและดำในหลาย ๆ ฉาก มันทำให้เห็นภาพของสงครามที่ชัดเจนขึ้น แน่นอนว่าสงครามล้วนไม่ดีกับทั้งผู้แพ้และผู้ชนะ การใช้สีขาวดำหลังจากอเมริกาชนะจึงเปรียบเสมือนความเทาที่ยากจะบอกว่าใครถูกหรือผิด 100% เพราะแท้จริงแล้วทุกสิ่งบนโลกล้วนเป็นสีเทา ในส่วนของฉากระเบิดนั้น Oppenheimer ถ่ายทอดออกมาได้อย่างมีนัยยะสำคัญ ขึ้นอยู่กับคนดูแต่ละคนว่ามองมันจากมุมไหน ในส่วนของ ME รู้สึกว่าฉากทดลองการระเบิดของนิวเคลียร์ เหมือนกับความสำเร็จและผิดพลาดที่คาบเกี่ยวกันอยู่บนเส้นบาง ๆ เท่านั้น ในดวงตาของ J. Robert Oppenheimer จึงรู้สึกปิติกับมันได้อย่างไม่สุขใจ เช่นเดียวตัวเราเองที่หนังดูอย่างลุ้นระทึกและเศร้าใจไปพร้อม ๆ กัน การระเบิดของนิวเคลียร์ เหมือนกับความสำเร็จและความผิดพลาดที่คาบเกี่ยวกันอยู่บนเส้นบาง ๆ เท่านั้นฝีมือการแสดงของนักแสดงทุกคน คือที่สุด แค่มาดู คิลเลียน เมอร์ฟี ก็คุ้มแล้ว!บอกตามตรงว่า Oppenheimer คือหนังที่รวมดาวของวงการฮอลลีวูด ไม่ว่าจะเป็น คิลเลียน เมอร์ฟี / รอเบิร์ต จอห์น ดาวนีย์ จูเนียร์ / ฟลอเรนซ์ พิว / เอมิลี บลันต์ / แมตต์ เดมอน และ รามี มาเลค เป็นต้น ดังนั้นในแง่ของการแสดงแล้วไม่มีใครแบกหนังเรื่องนี้แค่คนใดคนหนึ่ง แต่ตัวละครทุกตัวล้วนมีความน่าติดตามและสมบทบาทจริง ๆ ค่ะ นอกจากการแสดงที่เป็นธรรมชาติแล้ว การพูดและถ่ายทอดบทที่ยาวและยากมาก ๆ นั้น ถือเป็นความเก่งกาจของนักแสดงในเรื่อง Oppenheimerสุดท้ายนี้ไม่ว่าคุณจะชอบหรือส่ายหัวให้กับหนังเรื่อง Oppenheimer เราก็จะอยากจะแนะนำให้ลองไปสัมผัสด้วยตัวเองสักครั้ง ไม่จำเป็นต้องเชื่อ หรือ คิดแบบเดียวกันกับ ME ก็ได้ค่ะ แต่อยากให้ดูเองก่อนแล้วค่อยตัดสินว่าหนังเรื่องนี้ดีกับตัวคุณมากแค่ไหน รับชม ออพเพนไฮเมอร์ Oppenheimer บนทรูไอดีเครดิตรูปภาพและวิดิโอภาพปก จาก universalpictures.comวิดิโอตัวอย่าง จาก Universal Picturesภาพที่ 1 - 6 จาก universalpictures.comจะฟังเพลงหรือดูหนัง ซีรีส์ใหม่สุดปัง โหลดเลยที่ App TrueID โหลดฟรี !