ตรึงใจไม่ลืมเลือน 8 ประโยคห้วงความรู้สึก จากหนังชีวิต LGBTQ by Kanin The Movie
ข่าวสารวงการหนัง
เผลอแปปเดียวเดินทางมาถึงสิ้นเดือนมิถุนายนแล้ว เดือนที่โรงภาพยนตร์เริ่มกลับมาเปิดจริงจัง อุตสาหกรรมหนังกำลังเคลื่อนตัวอีกรอบ วีคนี้เป็นสัปดาห์ที่ตื่นเต้นมาก เพราะภาพยนตร์ซุปเปอร์ฮีโร่ตลอดกาลของ คริสโตเฟอร์ โนแลน อย่างไตรภาค The Dark Knight กลับมาฉายอีกรอบบน IMAX ซึ่งมีความน่าสนใจพอสมควร
แต่คิดว่าหากจะผ่านเดือนนี้ไปโดยที่ไม่ได้กล่าวถึง "Pride Month" ก็คงจะกะไรอยู่ วันนี้เลยหยิบเอา Quote หรือ ประโยคดีๆ จากในหนังที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับชาว LGBTQ ที่เคยดูและประทับใจมาแชร์กัน เป็นประโยคห้วงความรู้สึกหลากหลายเรื่องราว ทั้งความรัก ชีวิต ความสัมพันธ์ มาขยายความให้เพื่อนๆ อ่านกัน
Carol เป็นหนังโรแมนติกดราม่าของ ท็อดด์ เฮย์นส์ ที่เล่าเรื่องราวความสัมพันธ์ของ 2 หญิงสาวที่ก่อตัวขึ้นท่ามกลางความขัดแย้งของความรู้สึก และความถูกต้อง หนังพาเราไปสำรวจทั้งเพศสภาพ ความรัก และปัญหาที่ตัวละครต่างแบกรับกันและกัน และการตัดสินใจที่อาจขัดแย้งต่อความรู้สึกเพียงเพื่อให้ใครอีกคนมีความสุข , สิ่งที่โดดเด่นของหนังเรื่องนี้นอกเหนือจากการแสดงของ เคท แบลนเชทท์ และ รูนี่ มาร่า คืองานสร้างที่งดงามสมบูรณ์แบบ นิวยอร์กยุค 50s ในหนังของ เอ็ดเวิร์ด ลาคแมน สวยมาก ๆ ทั้งโรแมนติก ทั้งเหงา ทั้งเศร้า เป็นหนึ่งในภาพยนตร์ที่ภาษาภาพแข็งแรง (เข้าชิงออสการ์กำกับภาพในปีนั้น)
“ได้โปรดเชื่อเถอะว่าทุกสิ่งที่ฉันทำก็เพื่อให้คุณมีความสุข และสิ่งเดียวที่ฉันทำได้ คือปล่อยคุณไป”
ภาพยนตร์รักคลาสสิกอีกเรื่องที่ใครหลายคนรู้จักเป็นอย่างดี ผลงานการกำกับของ อังลี ที่ทำให้เขากวาดออสการ์ไปถึง 3 ตัว (รวมถึงผู้กำกับยอดเยี่ยม) มันว่าด้วยความสัมพันธ์ของรักต้องห้าม ความรู้สึกที่ชายสองคนเก็บเอาไว้ในหุบเขาเร้นรัก (ชอบชื่อนี้มากๆเลย) กับช่วงชีวิตหลายปีที่ทั้งคู่ต่างมีอีกคนอยู่ในชีวิต นอกจากจะเป็นหนังที่ทำให้ใครหลายคน การแสดงของ เจค จิลเลนฮาน และ ฮีธ เล็ดเจอร์ นับว่าน่าจดจำมาก ๆ และไม่น่าเชื่อว่าหนังมีอายุ 15 ปีแล้ว - ประโยคที่เลือกมาเป็นหนึ่งในไดอะล็อกที่ชอบของหนัง อาจจะไม่ติดหูเท่ากับประโยคอื่น ๆ แต่รู้สึกว่าพออ่านแล้ว เราทุกคนต่างมีเรื่องเป็นของตัวเอง
“บางสิ่งที่แก้ไขไม่ได้ เราก็ต้องทนอยู่กับมัน”
เป็นภาพยนตร์ดราม่าเจ้าของรางวัลออสการ์ยอดเยี่ยมประจำปี 2017 (หลังยกตำแหน่งให้ La La Land ไปไม่กี่นาที) หนังสำรวจชีวิตของชายผิวสี 3 ช่วงเวลาตั้งแต่เด็ก วัยรุ่น และผู้ใหญ่ กับเรื่องราวความรัก ครอบครัว และเส้นทางชีวิตที่แปรเปลี่ยนหลังได้พบกับคนที่ผ่านเข้ามา ผลงานของ แบร์รี่ เจนกินส์ เรื่องนี้ละเมียดละไมในการนำเสนอทุก ๆ องค์ประกอบตั้งแต่การกำกับ บทภาพยนตร์ งานภาพ ดนตรีประกอบ จนถึงการแสดง สิ่งที่น่าสนในหนังคือถ่ายทอดเรื่องเพศสภาพ ความสัมพันธ์ของตัว ไชรอน กับ เควิน งดงามมาก ๆ เชื่อว่าฉากชายหาดน่าจะเป็นโมเมนต์ในดวงใจใครหลายคนแน่นอน
“บางครั้งฉันก็ร้องไห้หนัก จนเหมือนร่างกายกำลังกลายเป็นน้ำ”
ผลงานโรแมนติกดราม่าจากการกำกับของ ลูกา กวาดาญีโน บอกเล่าความสัมพันธ์ของชายต่างวัยสองคนที่เติบโตขึ้นในหน้าร้อน ประเทศอิตาลี ช่วงปี 80s นอกจากนี่จะเป็นภาพยนตร์ที่ถ่ายทอดเรื่องราวเพศสภาพออกมาได้สวยงามผ่านนิยายของ อันเดร อาซีมาน และการดัดแปลงภาพยนตร์ที่ยอดเยี่ยมของ เจมส์ ไอโวรี มันยังเป็นหนัง Coming of Age ที่ทรงพลัง พูดถึงการเติบโต ความเจ็บปวดที่เกิดมาจากรักครั้งแรก ฉากที่ชอบที่สุดของหนังคือบทสนทนาของเด็กหนุ่มกับพ่อที่พูดถึงความรักอันเจ็บปวด และการเติบโตจากบาดแผลที่ผ่านพ้นมา
“คนเราทำใจให้ด้านชาเพื่อลืมความเจ็บปวด พออายุ 30 ก็กลายเป็นคนไร้หัวใจ นับวันยิ่งไม่เหลือใจให้ใครเข้ามา”
ภาพยนตร์ชีวประวัติดนตรีของ เด็กซ์เตอร์ เฟล็ทเชอร์ บอกเล่าเรื่องราวชีวิตของ เอลตัน จอห์น ตั้งแต่เด็กจนเข้าวงการดนตรี กลายเป็นศิลปินที่โด่งดังระดับโลก แต่ต้องฝ่าฟันกับบาดแผลชีวิตที่เกิดมาจากครอบครัว และคนรัก หนังนำเสนอเรื่องราวออกมาในแนวมิวสิคัล ผสมผสานความจริงกับภาพแฟนตาซีเพื่อสื่อสารกับความรู้สึกและตัวตนของเอลตัน ซึ่งทำงานกับหนังมาก ๆ มันหยอกล้อกับความจริงอย่างเจ็บปวด กลายเป็นว่าภาพแฟนตาซีในหนังอธิบายความจริงที่แท้ได้มากกว่าเสียอีก แม้ว่าภาพรวมมันจะไม่ได้ดีเลิศ แต่นี่คือหนังชีวประวัติที่ทำงานกับเราพอสมควรเรื่องหนึ่งเลย (กดเพื่อดูหนังเรื่องนี้ได้ที่ TrueID)
“เราต้องฆ่าตัวตนที่ติดตัวเรามาตั้งแต่เกิดก่อน เพื่อที่จะเป็นในสิ่งที่อยากเป็น”
ภาพยนตร์ ดราม่า-โรแมนซ์ ความยาว 3 ชั่วโมงเต็ม ว่าด้วยความสัมพันธ์ระหว่าง อเดล และเอ็มม่า สองหญิงสาวที่พบเจอ สานสัมพันธ์ และค้นพบตัวตนผ่านกันและกัน บนเส้นทางที่ทั้งสุข-เศร้า ได้รับ-สูญเสีย หนังเข้าชิงภาพยนตร์ต่างประเทศยอดเยี่ยมใน Golden Globes และเป็นเจ้าของรางวัลปาล์มทองคำจากเทศกาลหนังเมืองคานส์ปี 2013 - หลาย ๆ คนหลงรัก เลอา แซดูส์ จาก Spectre (2015) หรือ The Lob-ster (2013) แต่นี่คือเรื่องแจ้งเกิดของเธออย่างแท้จริงในบทสาวผมสีฟ้าที่เป็นภาพจำของหนัง
“ความรักมันไม่จำกัดเพศหรอกนะ”
ภาพยนตร์ชีวประวัติว่าด้วยชีวิตของ เฟร็ดดี้ เมอคิวรี่ และจุดเริ่มต้นความยิ่งใหญ่ของวง Queen หนังคว้ารางวัลออสการ์ไปมากถึง 4 ตัว (นักแสดงนำชายยอดเยี่ยม, ตัดต่อยอดเยี่ยม, ลำดับเสียงยอดเยี่ยม และผสมเสียงยอดเยี่ยม) ซึ่งนอกจากจะถ่ายทอดเส้นทางความยิ่งใหญ่ของวงดนตรีแล้ว หนังยังบอกเล่าชีวิตเบื้องหลังของเฟร็ดดี้ทั้งความรัก ความฝัน และสิ่งที่เขาต้องแบกรับหรือเผชิญหน้า หนึ่งในนั้นคือเพศสภาพของตัวเอง - แต่เชื่อว่าหลาย ๆ คนที่หลงรักเรื่องนี้คงเป็นฉาก Live Aid ตอนท้ายที่เขาตั้งใจทำอย่างพิถีพิถันมาก ๆ ให้เหมือนจริงที่สุด (กดเพื่อดูหนังเรื่องนี้ได้ที่ TrueID)
“นายไม่ได้รู้จักฉันหรอก นายแค่เห็นในสิ่งที่นายอยากเห็น”
ภาพยนตร์ดราม่าเข้มข้นจากผู้กำกับ โจเอล เอ็ดเกอร์ตัน (เรื่องก่อนทำ The Gift ซึ่งเราชอบมาก) หนังสร้างมาจากเรื่องจริงของ เจอราร์ด คอนลี่ย์ เด็กหนุ่มผู้มีพ่อเป็นบาทหลวงที่ถูกจับได้ว่าเป็นเกย์ และต้องเข้ารับการบำบัดเพื่อรักษาการเป็นรักร่วมเพศ เพราะถ้าเขาไม่ทำก็จะถูกตัดขาดจากครอบครัว และชุมชน หนังมาพร้อมกับเรื่องราวที่เจ็บปวด และการตั้งคำถามกับศาสนาถึงความถูกต้องที่เกิดขึ้น โดยได้ ลูคัส เฮ็ดจ์ มาแสดงนำ ร่วมด้วย รัสเซล โครว์ และ นิโคล คิดแมน ประโยคที่เลือกมารุนแรงมาก ๆ ใครดูแล้วจะจำได้ดีกว่าเป็นซีนอะไร
“ผมเป็นเกย์และผมเป็นลูกพ่อ สองสิ่งนี้จะไม่มีวันเปลี่ยนแปลง โอเคนะครับ ยอมรับซะ”
----------------------------------------------------