รีเซต

แซม ยุรนันท์ รำลึกอดีตเล่าที่มาของนามสกุล ย้อนต้นตระกูลไปถึงที่เป็นเสนาบดีสมัยพระเจ้าเอกทัต

แซม ยุรนันท์ รำลึกอดีตเล่าที่มาของนามสกุล ย้อนต้นตระกูลไปถึงที่เป็นเสนาบดีสมัยพระเจ้าเอกทัต
มติชน
14 กรกฎาคม 2564 ( 10:20 )
159

แซม ยุรนันท์ รำลึกอดีตเล่าที่มาของนามสกุล ย้อนต้นตระกูลที่เป็นเสนาบดีสมัยพระเจ้าเอกทัต

ก่อนหน้านี้ แซม ยุรนันท์ ภมรมนตรี ได้เล่าถึงสมาชิกในครอบครัวทั้งคุณปู่ คุณย่า คุณพ่อและคุณแม่ของเขาให้แฟนๆได้ฟังผ่านเพจเฟซบุ๊ก Sam Yuranunt Pamornmontri ทั้งยังบอกด้วยว่าเดี๋ยวจะหาเรื่องราวอื่นๆมาเล่าให้ฟังอีก

-อ่าน สุดฮือฮา ‘แซม ยุรนันท์’ เผยภาพคุณพ่อ แซวโพสต์ท่าไม่ง้อพระเอก รู้เลยว่าหล่อได้ใคร

-อ่าน ‘แซม’ เล่าวีรกรรมคุณแม่เรณูสมัยยังสาว และรักแรกพบรัฐมนตรีหนุ่ม

-อ่าน แซม เปิดภาพอายุ 120 ปี-ประวัติคุณย่า ‘พญ.แอนเนรี่’ แฟนๆ ชมเปาะหล่อได้ย่า

ล่าสุดเขาก็มาตามสัญญา โดยได้โพสต์เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับที่มาของนามสกุล อีกทั้งยังยัอนเล่าไปถึงต้นตระกูล โดยว่า

‘ “Somewhere in Time” ภาพนี้เป็นภาพหลักที่ติดอยู่ในห้องโถงกลางบ้าน ตั้งแต่ผมจำความได้ครับ เป็นภาพวันหวานน่ารักของคุณปู่คุณย่า คุณพระชำนาญคุรุวิทย์และแพทย์หญิงแอนเนรี ❤️❤️คราวที่แล้วเขียนเล่าเรื่องคุณย่าไป แต่ยังติดค้างไว้เรื่องของคุณปู่ครับ…… คุณปู่ของผมชื่อว่าแย้มครับ เป็นบุตรของพระยามณเฑียรบาล(บัว)ในรัชกาลที่สี่ เป็นหลานปู่ของพระยาราชมนตรี(ภู่)ในรัชกาลที่สาม เป็นหลานทวดของพระยาสรราช ซึ่งเป็นบุตรของพระยาธิเบศร์บดี เสนาบดีในแผ่นดินพระเจ้าเอกทัต(กรุงศรีอยุธยา) สืบแค่นี้ก่อนละกันนะครับเดี๋ยวอาจจะยาวไปถึงกรุงสุโขทัย 😂 หลังจากเสียกรุงครั้งที่2 ขณะที่พระเจ้าตากทรงกำลังกอบกู้เอกราช ทรงมอบหมายให้คุณปู่ทวด เป็นแม่ทัพไปตีไล่พม่าที่เมืองตากและกำแพงเพชร!! เมื่อสำเร็จก็เข้ารับราชการเป็นจางวางมหาดเล็กในรัชสมัยของพระเจ้าตากสินมหาราช ทรงพระราชทานพระสุพรรณบัตรแต่งตั้งเป็น*เจ้าพระยาธิเบศร์บดี*ครับ🙏

ครั้นเมื่อล้นเกล้ารัชกาลที่หก ทรงพระราชทานนามสกุลให้แก่คุณปู่ ทรงเห็นว่าพระยาราชมนตรี(ภู่) เป็นผู้ที่ถวายงานให้แก่สมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้อย่างซื่อสัตย์ สุจริต จนเป็นที่กล่าวขาน เป็นเสนาบดีพระคลังมหาสมบัติ ที่ทั้งหาเงินและเก็บเงินเข้าพระคลังมากมายมั่งคั่ง..ไม่ตกหล่น!! ทรงโปรดเกล้าฯ ให้สะสมเงินใส่ถุงแดงอีกจำนวนมากเป็นสมบัติของชาติสืบมา🙏 พระยาราชมนตรียังนำทรัพย์สินส่วนตัวคือบ้านและที่ดินริมแม่น้ำเจ้าพระยาฝั่งธนบุรี สร้างเป็นวัดถวาย พระเจ้าอยู่หัว🙏 ทรงโปรดพระราชทานนามว่า “วัดคฤหบดี”เป็นวัดอารามหลวงครับ และทรงพระราชทาน พระแซกคำ พระพุทธรูปเก่าแก่สมัยเชียงแสน ที่รัชกาลที่หนึ่งทรงอัญเชิญกลับมาจากกรุงเวียงจันทน์พร้อมพระแก้วมรกต มาประดิษฐานเป็นพระประธานในพระอุโบสถครับ🙏 ภายในวัดมีเจดีย์สีขาวองค์ใหญ่บรรจุอัฐิบรรพบุรุษของผม(และคงจะเป็นของผมด้วยในอนาคต!!😞)

เมื่อคุณปู่ของคุณปู่มีชื่อว่า “ภู่”ซึ่งก็คือ ภมร ส่วน มนตรี ก็มาจากพระยาราชมนตรีนั่นเอง จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานนามสกุลว่า “ภมรมนตรี” เมื่อเดือนพฤษภาคม 2456 ครับ🙏

มาเล่าเรื่องคุณปู่กันต่อนะครับ วัยหนุ่มคุณปู่เข้ารับราชการทหารสังกัดกรมทหารม้า ได้ส่งไปปราบจีนฮ่อที่ชายแดน เมื่อสำเร็จกลับมาได้รับความชมเชย..ว่ามีความกล้าหาญ เข้มแข็งและเฉลียวฉลาด 😊ในหลวงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ไปศึกษาต่อวิชาการทหาร ณ ประเทศเยอรมัน และทรงพระราชทานยศเป็นร้อยโทครับ🙏

เรียนก็เรียนหนัก! ฝึกก็ฝึกหนัก!แต่ความรักก็ไม่เบานะครับ😍 ได้พบรักกับคุณย่าซึ่งเป็นนักเรียนแพทย์ แถมยังมีดีกรีเป็นถึงลูกสาวของคณบดีมหาวิทยาลัยชื่อดังของเยอรมัน(ตามภาพ)🥵 แต่ทหารไทยใจถึงก็ไม่ได้ย่อท้อ!..พิสูจน์รักแท้ให้คุณพ่อตาศาสดาจารย์ด็อกเตอร์ไฟเอร์เห็น จนได้รับการยอมรับ.. และแต่งงานกันในที่สุด❤️ และเมื่อถึงคราวจะต้องเดินทางกลับประเทศไทย ก็เป็นที่ห่วงใยของญาติพี่น้อง..เพราะสยามประเทศของเรายังเป็นที่รู้จักกันน้อยมากสำหรับคนต่างชาติ ณ เวลานั้น..เป็นห่วงว่าจะต้องไปตกระกำลำบากอย่างไร?? แต่คุณย่าก็ยืนกรานว่าจะขอไปกับคนที่รักทุกที่❤️❤️

เมื่อกลับมาถึงประเทศไทยก็เป็นอย่างใจคุณพ่อตาที่เป็นห่วงเลยครับ!! ประเทศไทยมีกรณีพิพาทเรื่องดินแดนริมฝั่งแม่น้ำโขงกับฝรั่งเศส โดยฝรั่งเศสนำกองทหารเข้ามาประชิดชายแดนไทย!! คุณปู่ซึ่งจบการทหารทางด้านปืนใหญ่และอาวุธสงคราม ได้รับมอบหมายให้เป็นผู้บัญชาการการรบ ต้านกองทัพฝรั่งเศสที่ชายแดนครับ รบกันถึงหกปี!! โดยมีคุณย่าติดตามไปด้วยทุกที่ ช่วยออกหน่วยแพทย์และฝึกพยาบาล ว่างจากรบก็ช่วยรักษาชาวบ้านเป็นครั้งคราวจนเป็นที่เรียกติดปากกันว่า “หมอแหม่ม” หมอแหม่มให้กำเนิดลูกสาวสองคนที่บ้านหมากแข้ง(อุดรธานี) ชื่ออำพันและอรุณวดีครับ(ตามรูป)

เมื่อรบกันยาวนานมาถึงปีที่หก ผู้บัญชาการกองรบฝรั่งเศส ชูธงขาวเข้ามาพบคุณปู่ แจ้งให้ยุติสงคราม!! ส่งโทรเลขให้ดูว่ารัฐบาลสยาม ยอมทำตามข้อเรียกร้องของฝรั่งเศสแล้ว คุณปู่อ่านโทรเลขด้วยน้ำตานองหน้า ..เพราะนั่นหมายถึงเราต้องสูญเสียดินแดนฝั่งซ้ายแม่น้ำโขง ซึ่งเป็นของไทยแต่โบราณไปให้กับต่างชาติ คุณปู่แค้นใจรับไม่ได้จุดไฟเผาโทรเลขฉบับนั้นและเป่าแตรนำกองทหารอีกทั้งชาวบ้านขับไล่ทหารฝรั่งเศสแตกกระเจิงไป.. แต่สุดท้ายคุณปู่ก็ถูกนายทหารฝรั่งเศสจับ!! และถูกปลดยศทหารต่อหน้านายทหารทั้งสองประเทศ จับเป็นนักโทษสงคราม นั่งเกวียนไปรับโทษที่พระนคร โดยมีคุณย่าขี่ม้าตามระหว่างทางคุณย่าท่านป่วยหนัก! เป็นไข้จับสั่น ไข้ขึ้นสูง หมดเรี่ยวแรง! ต้องผูกไว้กับหลังม้าเพื่อไม่ให้ตกลงมา เป็นที่ทรมานยิ่งนัก!! เมื่อถึงโคราชก็ได้นั่งรถไฟกลับพระนคร(ขณะนั้นประเทศไทยเพิ่งได้เริ่มสร้างทางรถไฟและยังไม่ทั่วถึงครับ)

เมื่อถึงก็ได้เข้าเฝ้ากราบพระบาท พระเจ้าอยู่หัว ท่านทรงชื่นชมในความเด็ดเดี่ยว รักชาติ ไม่ยอมแพ้ศัตรู พระราชทานยศเป็นพันตรี และทรงพระกรุณาอวยยศให้เทียบชั้นพระยา แล้วโปรดเกล้า ฯ ให้ไปรับราชการเป็นทูตทหารประจำกรุงเบอร์ลินประเทศเยอรมันบ้านเกิดของคุณย่า ส่วนคุณย่านั้นทรงชื่นชมเป็นพิเศษเพราะเป็นต่างชาติแท้ๆ แต่ช่วยเป็นกำลังสำคัญในการจัดตั้งทีมแพทย์และพยาบาล ช่วยบ้านเมืองอย่างสุดกำลัง ทรงพระกรุณาพระราชทานหีบทองคำเป็นของขวัญครับ🙏

คุณย่าได้กล่าวว่า..ได้กลับบ้านเกิดเมืองนอนเร็วกว่าที่คิด โดยแทบไม่รู้จักเมืองหลวงของประเทศไทยดีพอเลย 😂 กลับเยอรมันครั้งนี้ คุณย่าได้ให้กำเนิดลูกชายฝาแฝด ประยงค์-ประยูร ตามที่เล่าไปเมื่อครั้งที่แล้วครับ❤️❤️’