ทุกคนคงทราบกันดีอยู่แล้วว่าโลกของเราเป็นดาวเคราะห์ดวงหนึ่งในระบบสุริยะจักรวาล มีดวงอาทิตย์เป็นศูนย์และแหล่งพลังงานที่ยิ่งใหญ่ เคยคิดหรือไม่หากวันใดที่เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ดวงอาทิตย์แผดเผา โลกเสียสมดุล สิ่งมีชีวิตจะเป็นอย่างไร ผู้เขียนจะพาไปรู้จักกับหนังสือเล่มหนึ่งซึ่งเป็นหนังสือในชุดเดียวกันกับ The Maze Runner แต่เป็นเล่มแยกที่เป็นการกล่าวถึงเรื่องราวก่อนการเกิดองค์กรวิคเค็ดและการสร้างการทดลองต่าง ๆ หนังสือเล่มนี้ชื่อว่า “ The Kill Order เกมล่าปริศนา ตอน คำสั่งสังหาร ” เขียนโดย James Dashner แปลโดย แสงตะวันเรื่องราวเริ่มต้นที่การลุกวาบของดวงอาทิตย์ เหตุการณ์ที่มนุษย์โลกไม่ทันได้ตั้งตัว ทุกคนใช้ชีวิตกันอย่างปกติสุข และจู่ ๆ ดวงอาทิตย์ก็แผ่รังสี ความร้อนมายังโลกเผาทำลายทุกอย่างบนโลก เป็นโชคดีอย่างน้อยที่ “มาร์ค” และ “ทริน่า” กำลังเดินทางด้วยรถไฟฟ้าใต้ดินหลังกำลังเดินทางกลับจากโรงเรียน และพวกเขาได้เจอกับทหารเก่านายหนึ่ง “อเล็ค” ที่พาพวกเขาหนีจากเหตุการณ์ดังกล่าวและเล่าเรื่องราวคร่าว ๆ ให้ฟัง การลุกวาบของดวงอาทิตย์แผดเผาทุกอย่าง น้ำแข็งกำลังละลายและน้ำที่พละกำลังมหาศาลกำลังมา พวกเขาพากันหนีขึ้นไปยังตึกสูงในขณะที่ระดับน้ำสูงขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อเหตุการณ์สงบลงมาร์คและเพื่อน ๆ ได้เดินทางไปยังที่แห่งใหม่เพื่อความอยู่รอด พวกเขาไม่มีแม้กระทั่งอาหาร แต่การลุกวาบของดวงอาทิตย์ไม่ได้ทำลายทุกพื้นที่ นั่นคือเป้าหมายที่พวกเขาต้องเดินทางไปยังสถานที่ใหม่ ตั้งใจว่าพวกเขาจะใช้ชีวิตกันอยู่ที่นั่นได้ไปตลอด จนกระทั่งมียานพาหนะพร้อมนักบินมาที่หมู่บ้าน ทำการยิงลูกดอกที่มีไวรัสบางอย่างใส่พวกคนในหมู่บ้าน มาร์คและเพื่อน ๆ ต่างพากันหนีเอาชีวิตรอด คนที่ถูกลูกดอกไวรัสยิงใส่เกิดอาการแปลก ๆ ปวดหัว ความจำเสื่อมและพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง พวกเขามองดูเพื่อนตายโดยทำอะไรไม่ได้และต้องอพยพตัวเองไปที่อื่นเพื่อป้องกันการติดเชื้อมาร์คและเพื่อน ๆ เดินทางไปยังอีกเมืองและพบข้อมูลว่าไวรัสนั้นเกิดจากการกระทำของมนุษย์โดยการตั้งใจใช้ไวรัสในการคัดสรรประชากร เนื่องจากเหตุการณ์การลุกวาบของดวงอาทิตย์ทำให้ทรัพยากรไม่เพียงพอกับมนุษย์ที่เหลือรอดมา เป้าหมายคือ ลดประชากรในที่แออัดโดยการทำให้ผู้คนติดเชื้อไวรัส โดยที่เชื้อจะลดระดับความรุนแรงลงจากอีกคนสู่อีกคน จนหายไปเองแต่ไม่เป็นดังคาด ไวรัสกลายพันธุ์ เชื้อแพร่กระจาย คนตายเกินครึ่งและนำไปสู่การสูญสิ้นเผ่าพันธุ์มนุษย์ แต่ในเรื่องร้ายก็ยังมีเรื่องดีเมื่อมาร์คและเพื่อนพบกับเด็กหญิงอายุ 5 ขวบ เธอชื่อ “ดีดี้” ถูกยิงด้วยลูกดอกไวรัสแต่เธอไม่ติดเชื้อ ความหวังเลือนลางแต่อย่างน้อยก็ยังได้มีความหวัง ดีดี้มีภูมิคุ้มกันไวรัส พวกเขาพาเธอไปส่งยังดินแดนใหม่เพื่อหวังว่าผู้คนทางนั้นจะใช้การมีภูมิคุ้มกันของดีดี้ในการคิดค้นการรักษาคนอื่น ๆ ที่ติดเชื้อต่อไปหนังสือเล่มนี้ตลอดเวลาที่ผู้เขียนได้อ่านก็รู้สึกหดหู่ตามความรู้สึกของตัวละครเช่นกัน อดคิดไม่ได้ว่า โลกเราก็เป็นดาวเคราะห์ดวงหนึ่งในระบบสุริยะจักรวาลนี่ อาจเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นในสักวันหนึ่งก็ได้ เราจะเตรียมพร้อมรับมือยังไง นอกจากเรื่องราวที่สนุกน่าติดตามแล้วยังทำให้เราได้ข้อคิดและตระหนักถึงในหลายเรื่องที่อาจเกิดขึ้นกับชีวิตมนุษย์เราไม่ช่วงใดก็ช่วงหนึ่ง โดยเฉพาะเรื่องที่ใกล้เคียงกับปัจจุบันมากที่สุดก็คือ เรื่องไวรัส หากเหตุการณ์เลวร้ายลงดังเช่นในหนังสือ มนุษย์ทุกคนมีความพยายามที่จะเอาชีวิตรอด จนบางครั้งเราต้องทำร้ายคนอื่น เพื่อเอาตัวเรารอดไว้ จนเราอาจลืมเลือนความเป็นมนุษย์ไป เพราะมนุษย์เราสามารถทำเรื่องบ้า ๆ ได้มากมายเพื่อความอยู่รอด การทำใจยอมรับเรื่องการตาย ไม่ว่าจะเป็นครอบครัว เพื่อน หรือการมองดูพวกเขาตายโดยที่เราช่วยอะไรไม่ได้ มันเป็นการทำร้ายและความรู้สึกนั้นจะฝังลึกลงในจิตใจมาก และจริงอยู่ที่ว่าต้องมีการจัดการหากเกิดปัญหาทรัพยากรไม่เพียงพอต่อมนุษย์เพื่อแนวคิดที่ว่าถูกต้อง ว่าทำเพื่อการอยู่รอดของมนุษยชาติ แต่แท้จริงแล้วมันคือการย่ำยีสิทธิมนุษยชน มันเหมือนเป็นการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ พวกเขาไม่มีสิทธิมาตัดสินใจเลือกว่าใครควรอยู่ หรือ ตาย สุดท้ายที่ให้ข้อคิดติดใจเลยก็คือ ไม่ว่าจะมีเทคโนโลยีทันสมัย มีเงินทอง ของมีค่าใด ๆ ล้นฟ้าก็ไม่มีความหมายเมื่อธรรมชาติตัดสินโทษให้กับมนุษย์แล้ว“ The Kill Order เกมล่าปริศนา ตอน คำสั่งสังหาร ” สามารถหาซื้อได้ตามร้านหนังสือชั้นนำทั่วไป และยังมีอีกเล่มเป็นภาคแยกจาก The Maze Runner เช่นกัน ทาง Knight-errant จะมารีวิวให้ได้อ่านกันนะคะภาพที่ 1,2,4,6 ถ่ายโดยผู้เขียนเครดิตภาพที่ 3 โดย Pixabay เครดิตภาพที่ 5 โดย Pixabay