ถือว่าเป็นความสำเร็จมาก ๆ กับ James Bond ในเวอร์ชั่นของ Daniel Craig ที่ได้เปลี่ยนรูปโฉมสายลับ Bond ให้มีเลือดเนื้อมากขึ้น ไม่เน้นแฟนตาซีแบบสมัยก่อน พร้อมกับเนื้อหาอันเข้มข้นลุ้นระทึก โดยเฉพาะในภาค SKYFALL ที่ได้เสียงคำชมอย่างล้นหลามทั้งในแง่เนื้อเรื่องและการแสดง ทำให้ต่อมาในปี 2015 จึงมีภาคใหม่เข็นออกมาในชื่อเท่ ๆ ว่า SPECTRE ที่ดูเหมือนว่าองค์กรลึกลับจะเผยโฉมออกมาแล้ว007 SPECTRE จะเล่าเรื่องราวต่อจากเหตุการณ์ในภาค SKYFALL เมื่อ MI6 กำลังเปลี่ยนแปลงภายในองค์กร Bond ก็ได้รับข้อความปริศนาจาก M คนเก่าให้ไปสังหารชายคนหนึ่งที่แม็กซิโก ทว่าการสังหารชายผู้นี้มันก็นำไปสู่การเปิดเผยตัวตนของ SPECTRE องค์กรสุดชั่วร้ายที่หมายทำลาย MI6 ให้สิ้นซาก อีกทั้ง Bond ยังได้ค้นพบแหล่งกบดานของ Mr.White อีกด้วย งานนี้ Bond ต้องหยุดยั้งแผนการร้ายให้ได้ถึงแม้ว่า SKYFALL จะทำได้ยอดเยี่ยมในทุกองค์ประกอบ พอมาถึง SPECTRE นั้นคงต้องบอกว่าเป็นการรวบบทสรุปที่ "เรียบเฉย" เสียมากกว่าครับ วีรกรรมขององค์กรนี้ได้ชักใยมาตั้งแต่ภาค Casino Royale แต่กลับกลายเป็นว่า การเฉลยที่มาที่ไปขององค์กรร้ายนี้ทำได้ไม่อินเท่าไหร่ รวมไปถึงมูลเหตุแรงจูงใจที่อยากจะฆ่า Bond ให้ตายของ SPECTRE ก็ดูจะเป็นเรื่องส่วนตัวเล็ก ๆ แต่เล่นใหญ่เท่านั้นเองก็น่าตกใจเหมือนกันที่ตัวผู้กำกับอย่าง Sam Mendes เป็นผู้กำกับคนเดียวกันกับภาคก่อนหน้า กลับกลายเป็นว่าในภาคนี้ฝีมือดูจะดรอปลงไปพอควร ความลึกของบทไม่มีอะไรซับซ้อน การเดินเรื่องค่อนข้างเอื่อยเฉื่อยทีเดียว ยกเว้นฉากเปิดเรื่องที่ทำได้ระทึกใจดีแต่หลังจากนั้น หากใครจิตไม่แข็งก็อาจมีง่วงหลับได้ครับถึงอย่างนั้นหากว่าด้วยความงดงามของงานภาพ ถือว่าทำได้ดีทีเดียวครับ การถ่ายภาพในภาคนี้ค่อนข้างสวย การถ่ายฉากขับรถไล่ล่ามันก็ผสมผสานความสวยงามและความระทึกไว้ด้วยกัน โดยเฉพาะการซิ่งรถ Aston Martin กับ Jaguar ท่ามกลางเมืองโบราณยามค่ำคืน ก็เป็นอะไรที่สวยงามเข้ากันกับรถและสถานที่โดยรอบครับส่วนในด้านฉากแอ็คชั่นนั้นก็พอทำให้สนุกได้บ้าง แต่ว่าอาจจะไม่ดิบดุเหมือนภาคก่อน ๆ ครับ ยังไม่ชวนให้ลุ้นเท่าไหร่ รู้สึกว่าการต่อสู้แต่ละครั้งมีความโอเวอร์มากขึ้นเช่นฉากที่ปะทะกันบนหิมะที่ Bond เอาเครื่องบินมาปะทะกับรถยนต์ เป็นอะไรที่อลังการผสมเวอร์นิด ๆ หรือฉากที่ระเบิดฐานทัพใหญ่ SPECTRE ก็ดูวอดวายดี ราวกับว่าผู้กำกับกำลังผลาญงบ ใช้ให้หมดในฉากเดียวยังไงยังงั้นทั้งนี้ทั้งนั้นมันก็ใช่ว่า 007 SPECTRE จะไม่สนุกหรือเข้าขั้นห่วย ความจริงแล้วตัวหนังมันก็มีความสนุกของมันแบบ "คลาสสิก" ครับ เพราะถ้าหากใครเป็นแฟน 007 ตั้งแต่รุ่นคุณปู่ Sean Connery ภาพยนตร์เรื่องนี้จะให้กลิ่นอาย Bond ยุคเก่ามาก ๆ ด้วยการเดินเรื่องแบบเรียบง่าย ฉากต่อสู้ที่เวอร์วังอลังการ อุปกรณ์ไฮเทคล้ำยุค ราวกับว่า SPECTRE จะย้อนความเป็น Bond แบบคลาสสิกมากกว่ายุคใหม่ปัจจุบันความคลาสสิกที่ว่ายังมีให้เห็นประปรายไม่ว่าจะเป็น ชุดสูทของ Bond ที่เปลี่ยนเป็นทักซิโด้สีขาวมีดอกไม้กลัดบนเสื้อ มันก็เป็น Reference ชุดทักซิโด้ของ Bond ยุค Sean Connery ในภาค Goldfinger หรือรถ Aston Martin DB5 ก็ได้อ้างอิงจาก Bond ยุค Sean Connery ภาค Goldfinger, Thunderball และยุค Pierce Brosnan ภาค GoldenEye ครับเลยทำให้ 007 SPECTRE ดูจะถูกจริตกับแฟน ๆ ยุคเก่าเสียมากกว่า ส่วนแฟน ๆ รุ่นใหม่คงจะขัดใจไม่น้อยกับเนื้อหาการเดินเรื่อง การกระทำของตัวละคร แต่ถึงอย่างนั้นมันก็เป็นภาคที่ควรดูอยู่ดีครับ เนื่องจากมีการคลายปมปริศนาขององค์กรร้ายออกจนหมด รวมถึงตัวของ Mr.White ด้วยที่คราวนี้เราจะได้เห็นเขาในอีกบุคลิกหนึ่งที่น่าสงสาร ถึงกับฆ่าไม่ลงเลยทีเดียวทางด้านนักแสดงเองก็ทำหน้าที่ตัวเองได้ดีตามบทบาท ทั้งนักแสดงชุดเดิมหรือใหม่ที่เสริมด้วย Christoph Waltz กับบทบาทหัวหน้าองค์กร SPECTRE ที่มาในมาดร้ายนิ่ง ๆ สาว Bond คนใหม่ที่รับบทโดย Léa Seydoux ก็สวยน่ารักสะกดหนุ่ม ๆ ทั้งในจอและนอกจอ คาดว่าเธออาจจะมีบทบาทสำคัญในอนาคตข้างหน้าด้วยครับถึงแม้เรื่องราวจะถูกคลี่คลายออกจนหมดในภาคนี้แต่ถึงอย่างนั้นมันก็มีเรื่องราวให้ดำเนินต่อไปได้อีก ก็คงต้องมาติดตามกันครับใน 007 NO TIME TO DIE ซึ่งจะเป็นภาพยนตร์ Bond ภาคสุดท้ายที่ Daniel Craig แสดงแล้วล่ะครับ โดยยังไม่มีกำหนดฉายแต่คาดว่าประมาณปี 2021"7/10" (B- Rank)ที่มารูปภาพ: รูปภาพปก / รูปภาพ 1 / รูปภาพ 2 / รูปภาพ 3 / รูปภาพ 4 / รูปภาพ 5 / รูปภาพ 6