รีเซต

เจาะลึกตัวอย่างสุดฮือฮาของ "The Flash" เผยอะไรให้เรู้กันถึงอนาคตของดีซี

เจาะลึกตัวอย่างสุดฮือฮาของ "The Flash" เผยอะไรให้เรู้กันถึงอนาคตของดีซี
แบไต๋
14 กุมภาพันธ์ 2566 ( 12:00 )
430

เป็นธรรมเนียมของ Super Bowl ทุกที ที่บรรดาค่ายหนังจะใช้โอกาสนี้ปล่อยโฆษณาหนังฟอร์มใหญ่ของตัวเอง หลังจากซบเซาไปหลายปีเพราะปัญหาโควิด-19 แพร่ระบาด ปี 2023 ถึงได้กลับมาคึกคักด้วยตัวอย่างหนังใหม่มากมาย ที่ล้วนน่าดูนับสิบเรื่อง แต่ในจำนวนทั้งหมดนี้ ที่ได้รับเสียงฮือฮาที่สุดก็เห็นจะเป็น The Flash ที่ตัวอย่างความยาวเกือบ 3 นาทีนั้น ได้เผยอะไรให้เราเห็นอะไรที่ไม่คาดคิดมาก่อนมากมาย

แม้ว่า The Flash จะเป็นซูเปอร์ฮีโรที่มีจุดเด่นในเรื่องความเร็ว แต่ตรงกันข้ามกับหนังของเขาเลย เพราะกลายเป็นว่าในขณะที่หนังเรื่องอื่น ๆ ของ DC ออกฉาย แต่หนัง The Flash กลับติดปัญหามากมาย ถ้านับย้อนไปถึงวันที่ DC ประกาศสร้างหนัง The Flash เมื่อตุลาคม 2014 ถึงตอนนี้ก็เกือบสิบปีเข้าไปแล้ว ซึ่งระหว่างนั้น เออร์ซา มิลเลอร์ (Ezra Miller) พระเอกของเรื่องก็ไม่ได้ทำตัวที่เป็นประโยชน์กับตัวหนังเลย ด้วยการสร้างเรื่องฉาวโฉ่จนเป็นข่าวพาดหัวได้แทบทุกวัน จนแฟน ๆ คิดว่าหนังคงโดนแคนเซิลไปเรียบร้อย แต่แล้วในที่สุด DC ในยุคของ เจมส์ กันน์ ก็ปล่อยตัวอย่างหนังแรกออกมา พร้อมประกาศวันฉายในเดือนมิถุนายนนี้แล้ว นับว่าเป็นหนังที่เลื่อนจากกำหนดฉายเดิมมาไกลถึง 5 ปีเลยเชียว ในโอกาสนี้ เรามาวิเคราะห์เจาะลึกกันไปทีละจุดซิ ว่าในตัวอย่าง The Flash เผยเซอร์ไพรส์อะไรให้เราเห็น น่าหยิบมาพูดถึงกันบ้าง

The Flash รีเซตเรื่องราวทั้งหมดของจักรวาลดีซี


ตลอดระยะเวลาเกือบทศวรรษในกระบวนการสร้างภาพยนตร์ The Flash นั้น บทภาพยนตร์ผ่านมือผู้เขียนบทไปหลายคน ผู้กำกับหลายคนต่างตอบรับเข้ามาทำหน้าที่ แต่โปรเจกต์ก็ไม่คืบหน้า จนต้องโบกมือลากันไป แล้วสุดท้ายก็มาจบลงที่ แอนดี้ มุสชิเอตทิ (Andy Muschietti) ที่มีผลงานโดดเด่นอย่าง ‘IT’ แต่ไม่ว่าจะมีการสับเปลี่ยนหมุนเวียนผู้เกี่ยวข้องกันไปอย่างไร สิ่งหนึ่งที่ยังคงอยู่ก็คือ เนื้อหาของหนัง ที่อิงมาจากหนังสือการ์ตูน The Flash ในช่วงเหตุการณ์ “Flashpoint”

เนื้อหาของการ์ตูน “Flashpoint” นั้น แบร์รี่ อัลเลน นั้นใช้พลังความเร็วเดินทางย้อนเวลากลับไปในช่วงที่เขายังเป็นเด็ก เพื่อหวังจะช่วย โนรา อัลเลน แม่ของเขาที่โดนวายร้าย Reverse-Flash สังหาร แต่การย้อนเวลากลับไปครั้งนี้กลับกลายเป็นว่าแบร์รี่ได้เปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์แทบทั้งหมด และไม่ได้เปลี่ยนไปในทางที่ดีแต่อย่างใด เมื่อเขาย้อนกลับมาในเวลาปัจจุบัน ก็พบว่าเหตุการณ์โลกที่เขาอยู่แทบจะเปลี่ยนไปทั้งหมด เทอมิสคีรา บ้านเกิดของ Wonder Woman กลายเป็นปฏิปักษ์กับ แอตแลนติส เมืองของ Aquaman และต่างก็ยกทัพทำสงครามกัน, โธมัน และ มาร์ธา เวย์น ยังมีชีวิตอยู่ แต่กลับกลายเป็นว่า บรูซ เวย์น คือผู้ที่ถูกคนร้ายยิงตายในตรอกตั้งแต่ยังเป็นเด็ก โธมัส เวย์น กลายมาเป็นแบทแมน เวอร์ชันโหด และ มาร์ธา เวย์น กลายเป็นโจ๊กเกอร์

หนัง The Flash นั้น อิงเนื้อหาบางส่วนมาจากการ์ตูน “Flashpoint” แต่จากที่ เจมส์ กันน์ (James Gunn) CEO ของดีซีคนปัจจุบันได้กล่าวไว้ก่อนหน้านี้ว่า หนัง “The Flash” จะทำหน้าที่รีเซตเรื่องราวของจักรวาลดีซีใหม่ทั้งหมด ก็พอจะคาดเดาได้ว่า หนังน่าจะยึดเนื้อหาในส่วนที่ แบร์รี อัลเลน ได้ย้อนเวลากลับไปและส่งผลกระทบต่อประวัติศาสตร์ ทำให้จักรวาลดีซีถูกยกเครื่องใหม่ทั้งหมด

 

การกลับมาของแบทแมน ไมเคิล คีตัน

ตัวอย่าง The Flash เวอร์ชันเต็มนี้เริ่มต้นด้วยเสียงบรรยายที่แฟนแบทแมนเวอร์ชันยุค 80s น่าจะคุ้นกันว่านี่คือเสียงของ ไมเคิล คีตัน มีใจความว่า “Tell me something. You can go anywhere. Another timeline. Another universe. So why do you want to stay and fight to save this one?” ซึ่งเป็นประโยคเดียวกันกับที่เคยถูกใช้มาแล้วใน ทีเซอร์ The Flash ที่ปล่อยออกมาเมือ่ตุลาคม 2021 ซึ่งทิ้งช่วงมากว่า 1 ปี เราถึงจะได้เห็นตัวอย่างเต็มกันวันนี้

จากนั้นเราก็ได้เห็น แบทแมนในเวอร์ชันของ ไมเคิล คีตัน เดินออกมา ที่อยู่ในชุดแบทแมนที่ดูคล้ายกับชุดที่ วาล คิลเมอร์ ใส่ใน ‘Batman Forever’หนังภาคต่อที่คีตันไม่ได้รับบทนำ ไม่แค่นั้น เขายังขี่ ‘แบทพอด’ พาหนะคู่ใจที่ถูกใช้ในไตรภาคของ คริสโตเฟอร์ โนแลน อีกด้วย แล้วยังมี แบทโมบิล เวอร์ชันในหนังปี 1989/1992 คลอด้วยดนตรีประกอบของ แดนนี เอลฟ์แมน ที่ถูกใช้ในยุคของ ทิม เบอร์ตัน กลายเป็นว่าเราได้เห็นการผสมผสานของแบทแมนหลากหลายเวอร์ชันเข้าด้วยกันใน The Flash

จากนั้น แบทแมนคีตัน ก็ถามแบร์รีว่าอยากให้เขาไปช่วยปราบนายพลซ็อดไหม เพื่อปกป้องโลกที่ไม่มีมนุษย์พลังพิเศษ ที่เป็นผลจากความผิดพลาดของแบร์รีเอง แล้วคีตันก็เอ่ยประโยคเด็ด “Yeah, I’m Batman” ฟุตเทจต่อจากนั้น เป็นภาพแบทแมนคีตันลดกำปั้นลงเผยให้เห็น ‘คารา’ ญาติผู้น้องของ Super Man กำลังลอยตัวอยู่กลางอากาศ เป็นการเปิดฉากเข้าสู่ภาพฟุตเทจที่อัดแน่นด้วยฉากแอ็กชันแบบจัดเต็ม

 

แบทเฟล็ก


ไมเคิล คีตัน ไม่ใช่แบทแมนรายเดียวที่จะปรากฏตัวในหนัง The Flash เบน แอฟเฟล็ก มาในภาพลักษณ์ของ บรู๊ซ เวย์น เขาเอ่ยปากเตือน แบร์รี อัลเลน ถึงมหัตภัยที่จะเกิดขึ้นตามมา ถ้าแบร์รีไปวุ่นวายเกี่ยวกับเส้นเวลา “If you were to go into the past you have no idea what the consequences could be”
แต่แบร์รีก็ยังยืนกรานว่าเขาจะสามารถแก้ไขได้ แต่บรู๊ซก็เตือนว่า แบร์รีอาจจะทำลายทุกสิ่งทุกอย่างได้เช่นกัน

จากนั้นเราก็ได้เห็น เบน แอฟเฟล็ก อีกครั้งในภาพลักษณ์แบทแมนที่กำลังขี่แบทไซเคิลอยู่ ขณะที่มีรถตำรวจที่พังยับลอยข้ามหัวเขาไป ฉากนี้ ถ้าสังเกตดี ๆ จะเห็นว่าเป็นแบทไซเคิลคนละคันกับที่แบทแมนคีตันขี่ เพราะล้อคู่หน้าจะเล็กกว่า เรายังได้เห็น 2 แบร์รีเดินเข้าไปในคฤหาสน์เวย์น แต่คฤหาสน์หลังนี้ดูจะต่างจากที่เราเคยเห็นใน “Batman v Superman: Dawn of Justice” แล้วก็ไม่เหมือนในเวอร์ชันของ ทิม เบอร์ตัน ด้วย

การได้เห็น แบทแมน ทั้งในเวอร์ชันของ เบน แอฟเฟล็ก และ ไมเคิล คีตัน นั้น นับว่าเป็นช่วงเวลาแห่งความทรงจำดี ๆ ของบรรดาแฟน ๆ แบทแมน เพราะถึงตอนนี้เป็นที่แน่ชัดแล้วว่า ไม่มีหนังแบทแมน เวอร์ชัน เบน แอฟเฟล็ก และโปรเจกต์หนังแบทแมนเวอร์ชัน ไมเคิล คีตัน ก็โดนยกเลิกไปเรียบร้อยแล้ว ส่วนหนัง “Batgirl” ก็ไม่มีอนาคตในดีซียุค เจมส์ กันน์ ก็นับว่าการกลับมาของ แบทเฟล็ก และ แบทคีตัน ใน The Flash นี้ก็ถือได้ว่าเป็นนิมิตหมายอันดี ทีได้ทำหน้าที่เปิดฉากยุคใหม่ของ DCU

 

นายพลซ็อด

นายพลซ็อด ที่รับบทโดย ไมเคิล แชนนอน (Michael Shannon) ปรากฏตัวครั้งแรกใน Man of Steel (2013) การปรากฏตัวของเขาในตัวอย่างหนัง The Flash นี้ นับว่าเป็นการปรากฏตัวแบบไม่คาดคิดเป็นครั้งที่ 2 เพราะก่อนหน้านี้เขาก็เคยกลับมาแล้วครั้งหนึ่งใน Batman V Superman: Dawn of Justice เมื่อร่างไร้วิญญาณของเขาถูก เล็กซ์ ลูเธอร์ ขโมยไป เพื่อเอา DNA ของซ็อดมาผสมกับของลูเธอร์เองเพื่อสร้างอสุรกาย ดูมส์เดย์ ขึ้นมา การกลับมาของซ็อดในครั้งนี้ อาจจะไม่ใช่วีรกรรมที่น่าภาคภูมิใจของเขาเท่าใดนัก เพราะอย่างน้อยทายาททางพันธุกรรมของเขา ก็เคยได้แก้แค้นให้เขาไปแล้ว ด้วยการสังหารบุรุษเหล็กซูเปอร์แมน

การกลับมาของนายพลซ็อดในรอบนี้ ก็ยังคงมี เฟารา สมุนคู่ใจที่ได้ อันท์เจ ทรอ (Antje Traue) กลับมารับบทเดิม ก็ดูเหมือนว่าทีมเขียนบทได้ดัดแปลงสงครามระหว่าง เธอมิสคีรา และ แอตแลนติส จากหนังสือการ์ตูน ให้เป็นสงครามระหว่างกองกำลังของนายพลซ็อดกับซูเปอร์ฮีโรบนโลกที่เหลือเพียงน้อยนิดแทน

 

แบร์รี อัลเลน มี 2 คน


อีกจุดหนึ่งที่หนัง The Flash ปรับเปลี่ยนไปจากการ์ตูน Flash Point ก็คือ การเขียนให้มี แบร์รี อัลเลน 2 คน แบร์รี 1 คือตัวเริ่มต้นความวุ่นวายที่ย้อนกลับไปแก้ไขอดีต เมื่อเขากลับมาในเวลาปัจจุบันก็พบกับ แบร์รี2 ที่เป็นคนธรรมดา แล้วดูเหมือนว่า แบร์รี2 จะช็อกมากที่ได้เห็น แบร์รี1 แต่ไม่นานทั้งคู่ก็แท็กทีมกันเพื่อหาทางแก้ไขวิกฤตการณ์โลกจากการบุกรุกของนายพลซ็อด

ประเด็นในเรื่องที่ผู้เขียนบทตั้งใจให้มี แบร์รี อัลเลน 2 คนนี่ละ พอให้คาดเดาไปได้ว่า อาจจะใช้เป็นเซอร์ไพรส์หักมุมในช่วงท้าย เพราะเมื่อแบร์รีย้อนอดีตไปเพื่อช่วยแม่ไม่ให้ถูกวายร้าย ‘รีเวิร์สแฟลช’ สังหาร เราได้เห็นภาพของ โนรา อัลเลน แม่ของแบร์รีในตัวอย่างหนัง แต่เราไม่เห็นภาพของรีเวิร์สแฟลชเลย แต่ในตัวอย่างก็ทิ้งข้อสังเกตเพียงพอให้คาดเดาได้ว่า แบร์รี2 นั้นสวมเสื้อเหลืองอยู่ตลอดเวลา และสีเหลืองนี่ก็เป็นสีหลักของ ‘รีเวิร์สแฟลช’ เลย ก็ไม่แน่นะว่าแบร์รี 1 อาจจะไม่รู้ตัวว่าเขามีศัตรูตัวฉกาจอยู่ข้างตัวโดยตลอด

 

ซูเปอร์เกิร์ลคือ Subject One

ในหนังสือการ์ตูน Flashpoint นั้น เมื่อแบร์รีได้ทำให้เส้นเวลายุ่งเหยิง เมื่อเขากลับมาในโลกปัจจุบันแล้วก็พบว่า ‘คาล-เอล’ เด็กน้อยในกระสวยลี้ภัยถูกส่งมาจากดาวคริปตัน เมื่อมาตกอยู่บนโลกมนุษย์นั้นกลับถูกค้นพบโดยรัฐบาล และนำไปเลี้ยงดูและศึกษา โดยมีชื่อโค้ดลับว่า “Subject One” แต่เมื่อจักรวาลดีซียุคใหม่นี้ไม่มีซูเปอร์แมน เรื่องราวในส่วนนี้จึงถูกปรับเปลี่ยนจาก ซูเปอร์แมน ให้เป็น ซูเปอร์เกิร์ล แทน เมื่อเด็กน้อยในกระสวยจากดาวคริปตันที่รัฐบาลเจอและนำไปเลี้ยงไว้ในฐานะ Subject One นั้นคือ ‘คารา ซอร์-เอล’ ญาติผู้น้องของ ‘คาล-เอล’

ซูเปอร์เกิร์ลใน The Flash นั้น รับบทโดย ซาชา แคลลี (Sasha Calle) ซึ่งดูในแผนการณ์อนาคตของจักรวาลดีซีแล้ว ก็มีหนังเดี่ยวของซูเปอร์เกิร์ล “Supergirl: Woman of Tomorrow” จ่อคิวรออยู่ ซึ่งแคลลีก็น่าจะได้สานต่อบทบาทซูเปอร์เกิร์ลของเธอในเรื่องถัดไป ซึ่งดีซีไม่น่าจะแคสติ้งนักแสดงรายอื่นมารับบทซูเปอร์เกิร์ลอีก แต่ก็ยังมีข้อสงสัยอยู่ว่า Supergirl ของแคลลีนี้ อุบัติขึ้นในอีกไทม์ไลน์หนึ่ง ก็น่าติดตามว่า ดีซีจะเขียนเรื่องให้เธอเข้ามาอยู่ในไทม์ไลน์ปกติได้อย่างไร

ในตัวอย่างหนังเราได้เห็นว่า แบร์รี อัลเลน และ แบทแมน ร่วมมือกันบุกทำลายคุกเพื่อปลดปล่อยซูเปอร์เกิร์ลออกมา ซึ่งเธอก็ตอบแทนแบร์รีด้วยการมาช่วยต่อสู้กับนายพลซ็อด ในช่วงแรกนั้นเธอสวมชุดนักโทษสีขาว แต่ช่วงต่อมาเธอก็สวมชุดฟอร์มซูเปอร์เกิร์ลแล้ว ซึ่งก็เป็นไปได้ว่าชุดของเธอนั้น ถูกส่งมาพร้อมกับตัวเธอในกระสวย ในเวอร์ชันการ์ตูนนั้น คารา ซอร์-เอล ถูกส่งออกมาจากดาวคริปตันพร้อมกับ คาล-เอล แต่มาในกระสวยคนละลำ แต่โชคร้ายที่กระสวยของเธอออกนอกเส้นทาง ไปตกอยู่ใน Phantom Zone ซึ่งเป็นมิติที่ใช้จองจำนักโทษชาวคริปโตเนียน ทำให้เธอติดอยู่ในนั้นหลายปี กว่าจะหลุดรอดออกมาได้

ถึงตรงนี้เราก็พอจะเห็นกันแล้วว่า หนัง The Flash นั้น มีการผสมผสานหลากหลายเนื้อหาจากเวอร์ชันการ์ตูนเข้าด้วยกัน ก็นับว่าเป็นการเปิดตัวซูเปอร์เกิร์ลที่น่าสนใจ รอชมพร้อมกัน 16 มิถุนายนนี้ครับ

ที่มา