สถานการณ์ความเท่าเทียมฮอลลีวูดไม่คืบหน้า 100 หนังรายได้สูงสุดปี 2024 มีผู้กำกับหญิงเพียง 11%
ในแวดวงภาพยนตร์ฮอลลีวูดรอบปี 2024 ที่ผ่านมา แม้จะมีผลงานของผู้กำกับหญิงที่โดดเด่น อาทิ หนังทริลเลอร์ ‘Babygirl’ และ ‘Love Lies Bleeding’ รวมทั้ง ‘The Substance’ ที่โดดเด่นและได้รับคำวิจารณ์แง่บวกอย่างงดงาม แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าสถานการณ์ความเท่าเทียม หรือการผลักดันคนทำงานผู้หญิงให้ได้รับโอกาสในฮอลลีวูดจะมีมากขึ้น เช่นเดียวกับผู้กำกับหนังผิวสี ที่โดยรวมยังไม่มีอะไรที่เปลี่ยนแปลงเป็นรูปธรรมมากนัก
รายงานจากผลการวิจัยของศูนย์สตรีศึกษาแห่งวงการโทรทัศน์และภาพยนตร์ (Center for the Study of Women in Television and Film) มหาวิทยาลัยแห่งรัฐซานดิเอโก (San Diego State University) พบว่า ในจำนวนหนังที่ทำรายได้สูงที่สุด 250 เรื่องภายในประเทศสหรัฐอเมริกาในปี 2024 มีผู้กำกับหญิงคิดเป็น 16% ซึ่งเป็นตัวเลขที่เท่ากับสถิติของปี 2023 และหากมองโดยรายละเอียด พบว่าสถานการณ์กลับแย่ลง หากพิจารณาถึงหนังที่ทำรายได้สูงที่สุด 100 เรื่องของปี 2024 พบว่ากลับมีผู้กำกับหญิงเหลือเพียงแค่ 11% ซึ่งลดลงจาก 14% ในปี 2023
ในขณะที่หนังที่กำกับโดยผู้กำกับหญิงบางเรื่องไม่ได้รวมอยู่ในผลวิจัยนี้ด้วย อาทิ ‘The Fire Inside’ ของผู้กำกับ ราเชล มอร์ริสัน (Rachel Morrison) ที่ออกฉายปลายปี 2024 และยังไม่มีการสรุปตัวเลขรายได้จาก Box Office ในขณะที่ ‘Woman of the Hour’ ของผู้กำกับ แอนนา เคนดริก (Anna Kendrick) นั้นประสบความสำเร็จบนแพลตฟอร์มสตรีมมิงโดยที่ไม่มีการเข้าฉายในโรงภาพยนตร์
ในทำนองเดียวกัน ‘Love Lies Bleeding’ ของผู้กำกับ โรส กลาส (Rose Glass) และ ‘La Chimera’ โดยผู้กำกับ อลิซ โรห์วาเชอร์ (Alice Rohrwacher) เป็นหนังที่จัดจำหน่ายโดยสตูดิโอหนังอิสระที่ทำรายได้อย่างจำกัดบน Box Office แต่อย่างไรก็ตาม ตัวเลขสถิติเหล่านี้แสดงให้เห็นว่า สถาณการณ์ในแวดวงของผู้กำกับหญิงในรอบปีที่ผ่านมายังไม่ดีขึ้น
ดร. มาร์ธา ลอเซน (Martha Lauzen) ผู้เขียนงานวิจัย และผู้อำนวยการศูนย์ฯ ที่ได้ทำการศึกษาการว่าจ้างงานของผู้หญิงในอุตสาหกรรมภาพยนตร์มาอย่างยาวนานกว่า 27 ปี และได้ทำการวิจัยข้อมูลจากเครดิตหนังมากกว่า 3,300 เรื่องในรอบปี 2024 ได้เรียกปรากฏการณ์นี้ว่า ‘Celluloid Ceiling’ หรือ ‘เพดานของวงการภาพยนตร์’ ที่ถูกใช้มาตั้งแต่ปี 1998 เพื่ออธิบายถึงปรากฏการณ์ที่ผู้ชายมีบทบาทและตำแหน่งสำคัญ ๆ ในกองถ่ายมากกว่าผู้หญิง แม้ว่าผู้หญิงจะเริ่มมีความก้าวหน้าทางอาชีพบ้างในบางสาขา จากการมีผู้กำกับภาพ, นักเขียนบท และโปรดิวเซอร์ที่เป็นเพศหญิง
สถานการณ์ผู้กำกับหญิง-คนทำงานหญิงเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย
ในปี 2024 มีผู้หญิงที่ทำงานเป็นผู้กำกับภาพในหนังที่ทำรายได้สูงสุด 250 เรื่องคิดเป็น 12% ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 5% มีนักเขียนบทในหนังเหล่านั้น 20% เพิ่มขึ้น 3% และมีโปรดิวเซอร์คิดเป็น 27% เพิ่มขึ้น 1% ในขณะเดียวกัน มีคนทำงานผู้หญิงลดลงในตำแหน่งนักประพันธ์เพลง, นักตัดต่อ และ Executive Producer
โดยในปีเดียวกัน มีนักประพันธ์หญิงแต่งเพลงให้กับหนังที่ทำรายได้สูงสุดเพียง 9% ลดลง 5% ในขณะที่มือตัดต่อหญิงมีเพียง 20% ลดลง 1% และ Executive Producer หญิงอยู่ที่ 22% ลดลง 2% จากปีก่อน นอกจากนี้ กว่า 70% ของเบื้องหลังหนัง มีผู้ชายทำงานในตำแหน่งสำคัญ 10 คนขึ้นไป ในขณะที่มีเพียง 8% ของหนังที่มีผู้หญิงทำงานในตำแหน่งสำคัญ 10 คนขึ้นไป
เมื่อผู้หญิงได้รับโอกาสให้กำกับหนัง พวกเธอมักจะจ้างผู้หญิงทำงานในตำแหน่งเบื้องหลังอื่น ๆ มากกว่าหนังที่กำกับโดยผู้ชาย โดยในภาพยนตร์ที่มีผู้กำกับหญิงอย่างน้อย 1 คน จะมีสัดส่วนทีมงานผู้หญิงคิดเป็นนักเขียนบท 52% นักตัดต่อ 27% และผู้กำกับภาพ 34% ในขณะที่หนังที่กำกับโดยผู้ชาย จะมีสัดส่วนผู้หญิงคิดเป็นนักเขียนบท 12% นักตัดต่อ 17% และผู้กำกับภาพ 5%
ลอเซนกล่าวโดยอ้างถึงการเปลี่ยนแปลงรูปแบบธุรกิจ และการควบรวมบริษัท ที่เป็นลักษณะเด่นของช่วงเวลาปัจจุบันที่นับว่าปั่นป่วนที่สุดในประวัติศาสตร์ภาพยนตร์ว่า “ตัวเลขนี้นับว่าน่าตกใจ เราอาจโทษสภาพแวดล้อมปัจจุบันที่ได้รับผลกระทบจากการลดขนาดองค์กร และการควบรวมกิจการ แต่ปัญหานี้ยังคงยืดเยื้อในฮอลลีวูดมานานหลายทศวรรษ”
แต่อย่างไรก็ตาม ช่วงเวลานี้ก็นับว่ายังมีหนังจากผู้กำกับหญิงที่ทำรายได้มหาศาล เช่น ‘Barbie’ (2023) รวมทั้งหนังของผู้กำกับหญิงที่ได้รับรางวัลออสการ์เช่น ‘Nomadland’ (2020) และ ‘The Power of the Dog’ (2021) แต่ความสำเร็จเหล่านี้ ดูจะไม่สามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงและโอกาสให้กับผู้กำกับหญิงได้อย่างมีนัยสำคัญ