ถ้าหากพูดถึงซีรีส์น้ำดี บวกกับเป็นพื้นที่ปลอดภัยที่และไม่วายจะไร้มลพิษ สำหรับ LGBTQIA+ ในยุคนี้ ก็คงไม่มีใครไม่รู้จักกับ Heartstopper ซีรีส์ทาง Netflix Original ที่ดัดแปลงมาจากหนังสือการ์ตูนในชื่อเดียวกัน ที่ว่าด้วยเรื่องราวความรักในช่วงวัยรุ่นของตัวเอกอย่าง นิค และ ชาร์ลี ด้วยจุดเด่นในการดึงองค์ประกอบจากการ์ตูนด้วยการเล่นกับสีสันและตัวกราฟิกมาใส่ระหว่างฉากฉบับซีรีส์ เพียงหลังเปิดตัวซีซั่นแรกไปเมื่อปี 2022 ก็สร้างกระแสไปทั่วโลก จนแทบจะกลายเป็นสัญญาลักษณ์พื้นที่เซฟโซนสำหรับทุกเพศทุกวัยเมื่อได้ดูซีรีส์เรื่องนี้ จึงเป็นที่มาของซีซั่น 2 ในปีก่อน ก่อนเขาก็กลับมาอีกครั้งใน Heartstopper ซีซั่น 3 ณ ตอนนี้ ว่าด้วยเรื่องราวที่ถัดมาจากซีซั่น 2 หลังทั้ง นิค และ ชาร์ลี ตกลงเป็นแฟนกัน อะไรบางอย่างที่ทั้งสองคนยังไม่เคยทำก็กลับกลายเป็นอุปสรรคภายในจิตใจให้ทั้งคู่ต้องจับมือกันก้าวข้ามให้ได้อีกครั้ง อย่างคำว่า รัก ที่ชาร์ลีไม่กล้าพูดและเรื่องราวของ นิค ที่ไม่รู้จะรับมือ ชาร์ลี แฟนหนุ่มของตนได้อย่างไรให้ตนได้ดูแลสมกับเป็นแฟนเขา ความรู้สึกหลังดูจบ Heartstopper ยังคงตอบโจทย์และครอบครองตำแหน่งของตัวเองในฐานะซีรีส์พื้นที่เซฟโซนสำหรับชาว LGBTQIA+ ได้ดีเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยน โดยได้หยอดเรื่องราวของเพศเพิ่มเข้ามาหลากหลายกว่าเดิม และทันสมัยอย่างพอดิบพอดีทั้งเรื่องของเพศและตัวตนช่วงการก้าวข้ามผ่านวัยที่ชวนสับสนในปี 2024 แม้หน้าซีรีส์จะดูเป็นแนวที่ขาย LGBTQIA+ โดยตรง แต่คราวนี้ก็กลับเพิ่มประเด็นในส่วนอื่นเพิ่มเติมลงไปที่ตีขยายให้ปลอดภัยสำหรับทุกคนได้กว้างขึ้น อย่างภาวะการบำบัดของตัวชาร์ลี ที่ซึ่งมีสาเหตุมาจากปมในอดีตจากโรงเรียนมัธยม ซึ่งนำมาสู่การร่วมมือการช่วยดูแลจากบุคคลรอบข้าง แตกออกมาเป็นทั้งเพื่อน คนรัก และครอบครัว ทำให้พาร์ทเพื่อนและครอบครัวที่เคยถูกวางเป็นประเด็นรองในซีซั่นก่อนที่ชูเรื่องราวความรักแต่ละคู่เสมือนคู่ข้าวใหม่ปลามามากกว่า ก็กลับมามีความสำคัญและจริงจังกว่าเก่าในซีซั่นนี้มาก ๆ ทำให้บางช่วงในซีรีส์ พักเรื่องราวหวานแหววรักหันมาโฟกัสเรื่องสภาวะจิตใจที่หนักอึ้งในเราหลายคนอาจเคยล้วนเจอซึ่งมองว่าเป็นการสานต่อจากซีซั่นแรก ๆ มาได้ดีและใช้ถูกจังหวะมาก ๆ เมื่อตัวละครเอกได้โตขึ้นมิตรภาพของเพื่อนที่ต่างต้องแยกย้ายไปทำในที่สิ่งตัวเองชอบและการดูแลของผู้ปกครองในวัยหัวเลี้ยวหัวต่อ ซีรีส์ก็สามารถนำเสนอออกมาได้เป็นมิตรที่ดีและปลอดภัย แต่ก็ยังมีความเป็นซีรีส์สมจริง ไม่ได้ดูเหมือนเป็นการท่องคำคม และไม่วายยังคงชาญฉลาดที่ทำให้เรารู้สึกฮีลใจในวันที่ชีวิตจริงเราเจอเรื่องแย่ ๆ ได้ เช่นเดียวกับพาร์ทครอบครัวที่มีบทบาทสำคัญมากขึ้นกว่าเก่าที่ตัวซีรีส์พยายามช่วยปลอบประโลบคนดูได้ดี จนบางทีซีรีส์เรื่องนี้และพาร์ทของครอบครัวก็สามารถฮีลใจและไปไกลเหมาะสำหรับทุกคนได้เลยด้วยซ้ำ ภาพรวมแล้ว Heartstopper 3 ยังคงเป็นซีรีส์พื้นที่เซฟโซนภาคต่อ ที่ทำดีมาแต่แรก ก็ทำมาต่อและดีต่อเนื่องได้สม่ำเสมอ ด้วยประเด็นและการเล่าเรื่องที่ยังใช้จุดเด่นจุดดีมาสานต่อก็ย่อมทำให้คนดูตกหลุมรักเรื่องนี้ได้ต่อเหมือนเดิม แม้จะเป็นซีซั่นที่สามแต่ก็ยังคงจริงจังในเรื่องราวของตนที่ฮีลใจคนได้ดีเสมออย่างที่เราคาดหวังได้ดีไม่เปลี่ยน ขอบคุณแหล่งที่มาของภาพ ภาพหน้าปก 1 จาก Facebook : Netflix Thailand ภาพที่ 1 / ภาพที่ 2 / ภาพที่ 3 / ภาพที่ 4 จาก Facebook : Netflix Thailand เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !