Movie Review Soulmate (2023) เธอ ฉัน รักเขา "เรามาลงเอยแบบนี้ได้ยังไง" รักสามเส้าเคล้าความเจ็บปวดที่อบอวลด้วยความคะนึงหากับความรักที่ถูกเคี่ยวกรำจนอยู่เหนือการคาดเดา รับชมหนังซีรีส์ระดับพรีเมียม กดสมัคร TrueID+ ดูได้ทุกที่ 24ชม. คลิก!! บางครั้งหรือบ่อยครั้งเราที่เราดูหนังดูซีรีส์เพราะอย่างหนึ่งแต่เนื้อหาที่สัมผัสได้กลับพาหัวใจเราโบยบินไปอีกอย่างหนึ่งซึ่งมันเป็นเพราะหนังหรือซีรีส์เรื่องนั้นมีพลังมากพอ เช่นการเลือกดูหนังเรื่องนี้ที่ผู้เขียนดูเพราะคิมดามีที่ติดตามมาตั้งแต่ซีรีส์ Itaewon Class (2020) กับหน้าหนังเกี่ยวกับรักสามเส้าสองหญิงเพื่อนสนิทกับหนึ่งชายที่เข้ามาแทรก แน่นอนวัตถุประสงค์หลักที่ผู้เขียนดูยังชัดเจนแต่ยิ่งเมื่อเวลาของหนังเดินผ่านไปความคะนึงหาบางอย่างก็ผุดขึ้นมาเพราะหนังเล่าผ่านความสัมพันธ์ที่คนคนหนึ่งมีร่วมกับคนคนหนึ่งตั้งแต่เด็กจนโต สิ่งที่ตามมาคือผู้เขียนรำลึกถึงช่วงเวลาที่ผ่านมาที่ได้เก็บเกี่ยวมาเป็นประสบการณ์ชีวิตที่อาจไม่ได้เกี่ยวกับเนื้อหาของหนังมากนักแต่อารมณ์ของหนังมันพาไปแบบนั้น และเมื่อมารู้ทีหลังว่านี่คือหนังที่รีเมคมาจากหนังจีนชื่อเดียวกันเมื่อปี 2016 ก็แปลกใจตัวเองว่าหลงหูหลงตาไปได้อย่างไรอาจเพราะหนังไม่ได้ลงจอฉายบ้านเราหรือไม่ก็บอกยาก แต่การไม่ได้ดูงานต้นฉบับมันก็ดีแบบนี้เพราะสามารถซึมซับทุกอย่างที่มีของหนังเรื่องนี้ได้อย่างอิ่มเอม อันมีโซ (คิมดามี) กับโกฮาอึน (จอนโซนี) สองเพื่อนซี้ที่ชะตาชีวิตลิขิตให้ตัวติดกันปานฝาแฝดตั้งแต่ยังเป็นเด็กประถมบนเกาะเชจู ทั้งสองคนใช้ชีวิตก้าวผ่านวัยมาด้วยกันตั้งแต่ยังเด็กจนโตเป็นวัยรุ่นก็ยังเป็นแบบนั้นและความรักในความซี้กันก็เบ่งบานงอกงาม จนการเข้ามาของฮัมจินอู (บยอนอูซอก) ชายหนุ่มที่ฮาอึนชอบและคบอยู่ก็เริ่มมาเขย่าความสัมพันธ์ของสองสาวเมื่อความเป็นโซมีดันต้องใจในการได้เข้ามาอยู่ในช่องว่างระห่างสองสาว นั่นเพราะโซมีต่างกับฮาอึนในความคิดและทัศนคติบางอย่างที่เหมือนจะเร้าใจกว่าทำให้จินอูเผลอใจไปกับโซมี จนกระทั่งโซมีตัดสินใจออกจากเกาะเชจูเพื่อไปใช้ชีวิตอิสระอย่างใจฝันส่วนฮาอึนนั้นยังดำเนินชีวิตตามกรอบที่ตัวเองอยู่อย่างเคร่งครัดแต่การจากกันวันนั้นมันมีบางอย่างที่เริ่มสร้างรอยแผลให้ความสัมพันธ์ แล้วก็เหมือนเส้นทางชีวิตของสองเพื่อนซี้จะไม่มีวันมาพบกันได้อีกแต่สุดท้ายก็ได้มาพบกันในวันที่ต่างคนต่างกร้านชีวิตเพราะการใช้ชีวิตของทั้งสองที่ผ่านการเข้าใจผิดและเจ็บปวดมาแล้วเพื่อที่ทุกอย่างจะลงเอยเช่นนั้นหรือ? เหมือนง่ายเล่าปัจจุบันย้อนหาอดีตบอกผลเพื่อย้อนไปหาเหตุแบบเดิมๆแต่ซ้อนซ่อนความแพรวพราวได้อย่างแนบเนียน บทหนังเริ่มต้นด้วยความง่ายเป็นเรื่องที่เคยเห็นกันทั่วไปคือการบอกผลก่อนย้อนไปเล่าเหตุคือจุดประกายความอยากรู้ด้วยภาพวาดของมีโซขนาดมหึมาที่เห็นก็พอเข้าใจว่าคนวาดต้องมีมีโซในใจชัดขนาดไหนจึงวาดได้ขนาดนี้ แล้วก็เล่าย้อนหลับไปจุดเริ่มต้อนของมีโซกับฮาอึนที่ได้พบกันและใช้ชีวิตด้วยกันตั้งแต่เด็กๆได้ผ่านวัยมาด้วยกันไปเผชิญมิติที่ท้าทายความสัมพันธ์มาด้วยกัน โดยที่สองส่วนแรกคือการเล่าเรื่องประมาณนั้นที่ก็ไม่ได้มีอะไรเหนือชั้นหรือโดดเด่นแต่มาในส่วนสุดท้ายที่อดีตมาบรรจบกับปัจจุบันส่วนที่เหมือนจะไม่โดดเด่นในสองส่วนแรกที่เหมือนจะธรรมดากลายเป็นความแพรวพราวขึ้นมาทันตา เมื่อความธรรมดาได้ซ้อนซ่อนความไม่ธรรมดาถูกความธรรมดานั้นชักพาให้คิดไปอย่างที่เห็น เพราะสิ่งที่เห็นอาจไม่เป็นอย่างที่เห็นในความธรรมดาที่เหมือนจะคาดเดาได้ง่ายๆกลายเป็นมีอะไรที่เหนือกว่านั้นจนหัวใจแทบเจียนสลาย เริ่มต้นดูเหมือนจะธรรมดาเป็นงานโรแมนติกดราม่าทั่วไปแต่สิ่งที่ทับซ้อนไว้กลายเป็นอะไรที่เกินกว่าจะคาดเดาทั้งที่เป็นเรื่องง่ายๆ อย่างที่บอกคือเริ่มต้นเหมือนเป็นความธรรมดาเป็นงานโรแมนติกดราม่ารักสามเส้าที่เห็นมานักต่อนักครึ่งเรื่องผ่านไปก็คล้ายจะเป็นแบบนั้นไปทั้งเรื่องคือออกจะเป็นความราบเรียบด้วยซ้ำ แต่เมื่อถึงเวลาทุกอย่างมันขมวดเข้ามาเพื่อที่ความสัมพันธ์ที่แตกร้าวแล้วร้าวได้อีกอะไรที่ราบเรียบก็ไม่เรียบอีกต่อไปแต่ที่น่าทึ่งคือต่อให้มีความราบเรียบครึ่งเรื่องกว่าหนังกลับมีพลังดึงดูดที่ทำให้คนดูหยุดดูไม่ได้ นั่นเพราะหนังสามารถเก็บเกี่ยวความรู้สึกให้ค่อยๆซึมลึกเพื่อรอเวลาที่เหมาะสมอย่างที่ว่าจนเมื่อถึงองก์สุดท้ายที่ความจริงถูกเปิดเผยพร้อมกับทุกอย่างได้ถูกปลดเปลื้องสิ่งที่ได้เห็นเป็นความราบเรียบที่ผ่านมากลายเป็นว่านั่นคือความยอดเยี่ยมในการดึงอารมณ์คนดู เพราะเมื่อถึงบทสรุปสุดท้ายหัวใจคนดูก็คล้ายอยู่ในหุบเหวของความสัมพันธ์ของมีโซกับฮาอึนอย่างถอนตัวไม่ขึ้นจนกลายเป็นว่าต่อให้เป็นผู้ชายอกหลายศอกก็น้ำตามาจากไหนไม่รู้ ความรัก มิตรภาพที่แนบแน่น ความคะนึงหา ความเจ็บปวด ที่ถูกนำพาให้มาลงเอยแบบนี้แต่หรือมันจะมาจากและกรอบของชีวิต บทสนทนาหนึ่งบอกว่า "เรามาลงเอยแบบนี้ได้ยังไง" มีโซสงสัยคนดูก็สงสัยเพราะในด้านความสัมพันธ์สองคนนี้ไม่น่าจะมีอะไรมาแยกจากกันได้แต่เรื่องความรักมันไม่เข้าใครออกใคร ความสัมพันธ์ที่แนบแน่นจึงค่อยๆคลายเพราะถูกแทรกกลางซึ่งคนแทรกก็ไม่ผิดและคงไม่มีใครผิด แต่ความรักระหว่างมีโซกับฮาอึนจะมีอะไรมากกว่านั้นหรือไม่ถ้ามองในมุมผู้เขียนยังบอกว่าสามารถเป็นไปได้ที่จะไม่มีอะไรเพราะบางครั้งระหว่างเพื่อนที่รักกันมากก็มีแบบนี้ที่หวงเพื่อนกลัวสูญเสียเพื่อนโดยไม่มีอะไรเกินเลย แต่หนังก็เข้าใกล้ความเกินเลยนั้นคือเรื่องของหญิงรักหญิงจนถ้าจะคิดก็คิดได้แต่ถ้าจะคิดอีกทางอย่างผู้เขียนก็ได้เพราะบทหนังก็เก่งที่เปิดได้กว้างขนาดนี้ ซึ่งการจะมาถึงจุดนี้มันผ่านความคะนึงหาจนต่อให้เกลียดกันแต่ความเกลียดนั้นแค่บังตาความรักต่างหากที่จีรังจนสุดท้ายเรื่องจึงลงเอยด้วยความเจ็บปวด หรือว่ามันจะมาจากกรอบของชีวิตที่ฮาอึนติดอยู่ตรงนั้นจนอดทนไม่ไหวและระเบิดมันออกมากันแน่นะ ไร้ที่ติสำหรับในส่วนของการแสดงของ "คิมดามี" และ จอนโซนี" ที่แค่อ่านสายตาก็รู้ว่าข้างในเป็นอย่างไร เพราะบทหนังต้องการเปิดกว้างทางความคิดและการตีความที่ไม่ใช่ความหมิ่นเหม่แต่สามารถคิดได้สองทางในด้านมิติความรักระหว่างมีโซกับฮาอึนที่การมาแทรกกลางของจินอูทำให้เกิดรอยร้าว แล้วเมื่อสององก์แรกเป็นหนังวัยรุ่นรักสามเส้าธรรมดาที่เคยๆเห็นมาคิมดามีและจอนโซนีก็มาขายความน่ารักได้อย่างไม่มีทางที่คนดูจะละสายตาจากทั้งคู่ได้ แน่นอนมันเป็นการถ่ายทอดความสัมพันธ์ที่แนบแน่นลึกซึ้งได้อย่างเรียบง่ายเหมือนไม่มีอะไรแต่พัฒนาการนั้นกลับชัดขึ้นจนกลางๆเรื่องแค่มองเข้าไปในตาของทั้งคิมดามีและจอนโซนีก็รู้ว่าตัวละครของพวกเธอมีอะไรอยู่ในใจ ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงองก์สุดท้ายที่เต็มไปด้วยเรื่องเหนือความคาดหมายเป็นภาพสะท้อนที่ตัดกันเต็มไปด้วยซีนอารมณ์ทั้งสองคนก็อยู่ในระดับไร้ที่ติ จนต้องขออภัยเอฟซีของบยอนอูซอกว่าเขาแสดงดีแล้วนะแต่นี่คือเรื่องของความสัมพันธ์ของสองสาวเขาจึงต้องยอมรับบทรองไปอย่างน่าเสียดาย นับเป็นงานโรแมนติกดราม่าชั้นเยี่ยมที่ไม่ธรรมดาบนความธรรมดาเอาเรื่องง่ายๆมาซ่อนซ้อนไว้เพื่อที่ปลดปล่อยหัวใจในบทสรุป ถ้าไม่มีองก์สุดท้ายและบทสรุปอย่างที่เป็นหนังเรื่องนี้จะเป็นหนังที่ธรรมดามากแต่เมื่อมันออกมาแบบนี้เลยต้องบอกเหมือนที่วัยรุ่นข้างบ้านบอกว่าพีคในพีค ส่วนหนึ่งต้องยอมรับว่าการที่ผู้เขียนไม่ได้ดูงานต้นฉบับมาก็เลยอิ่มเอมกับสิ่งที่หนังเรื่องนี้เป็นด้วยภาพสวย โทนสี เพลงประกอบและการเล่าเรื่องที่เหมือนไม่มีชั้นเชิงแต่กลายเป็นความเหนือชั้น เพราะเอาแค่การได้ดูคิมดามีแสดงได้แบบนี้ก็คุ้มแล้วแต่ยังมีจอนโซนีที่เคมีเข้ากับคิมดามีจนบางคนคิดไปไกลกว่านั้นได้ทำให้ตอนที่เล่าราบเรียบไม่กลายเป็นความน่าเบื่อ เพราะนี่คือการเล่าเรื่องที่ธรรมดาแต่เอาเรื่องที่ธรรมดามาซ้อนไว้อีกชั้นทำให้ความธรรมดาอยู่เหนือความธรรมดาที่ทับซ้อนกันอย่างเนียนตา นั่นคือการเอาเรื่องง่ายๆสิ่งที่เคยเห็นมามากมายมาซ่อนซ้อนไว้เพื่อเก็บเกี่ยวความรู้สึกเพื่อปลดปล่อยหัวใจในบทสรุปที่กลมกล่อมและลงตัวจนกลายเป็นงานโรแมนติกดราม่าชั้นเยี่ยมได้ ดูไปบ่นไป ขอบคุณภาพประกอบ ภาพปก / ภาพที่ 1 / ภาพที่ 2,3,4,5,6 / ภาพที่ 7,8 จาก Instagram itsnew_movie เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !