รีวิวหนัง 2 เรื่องควบ วิวาห์วนลูป "Love Wedding Repeat" และวันวานที่ระลึก "Tigertail"
วิจารณ์ รีวิวหนัง
รีวิวหนัง "Love Wedding Repeat" จังหวะรัก โอกาส และความหวัง อลเวงในวันวิวาห์อลวน
ในชีวิตจริงต่างกับโลกในภาพยนตร์มากนัก แต่บางทีเรื่องราวเพ้อฝันเกินจริงที่นำเสนอออกมาได้กลับกลายเป็นแรงบันดาลใจให้หันกลับมาทบทวนและมองหาโอกาสที่ดีกับชีวิต คงคล้ายๆ กับสิ่งที่หนังตลกโรแมนติก อย่าง "Love Wedding Repeat" (รัก แต่ง ซ้ำ) พยายามจะสื่อสารถึงคนดู เหมือนกับเพลงไทยเพลงดังเพลงหนึ่งที่ว่า "ว่าตราบใดที่มีรักย่อมมีหวัง"
ผลงานการเขียนบทและกำกับของ "ดีน เคร็ก" ที่ช่ำชองเขียนบทหนังและซีรีส์จากอังกฤษมาหลายปี ได้ชิมลางมากำกับหนังยาวเรื่องราวของเขา ที่มีกลิ่นอายตามสไตล์หนังรักแบบอังกฤษที่มักจะคับคั่งไปด้วยดารานักแสดงมากมายล้นจอ เพียงแต่ว่างานเดบิวต์หนังเรื่องแรกของเขา ก็ยังเต็มไปด้วยข้อบกพร่องและช่องโหว่อยู่เต็มไปหมด
Love Wedding Repeat เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในพิธีงานแต่งงานของ "เฮย์ลีย์" ที่กำลังจะเริ่มต้นใช้ชีวิตคู่กับชาวอิตาเลียน โดยมี "แจ็ค" พี่ชายของเธอคอยช่วยเหลือในวันสำคัญของน้องสาว แต่ต้องมารับมือกับชายหนุ่มที่ไม่ยอมมูฟออนจากรักเก่า, แฟนเก่าของเขาที่ได้รับเชิญมางาน และหญิงสาวที่เขาพลาดบอกความรู้สึกไปเมื่อหลายปีก่อน เรื่องวุ่นวายได้เกิดขึ้นในวันเดียว เพียงแต่ว่า...ถ้าเราได้รับโอกาสจากจักรวาลได้เลือกทางออกในการแก้ปัญหาที่ดีที่สุดจะเป็นอย่างไร?
หนังไม่เชิงกับเป็นการเล่าเรื่องเชิงวนลูปแบบหนังไซไฟ แต่ใช้วิธีเล่าเรื่องแบบเรื่องเล่ามากกว่า ภายใต้คำนิยายคำว่า "What If" บนพื้นฐานของเรื่องราวและเหตุการณ์เดียวกัน แต่บางครั้งก็มีจังหวะ โอกาส และความหวัง เป็นส่วนประกอบที่รวมกันออกมาเป็นผลลัพธ์ของเรื่องราวที่น่าพอใจ แม้จะไม่สมบูรณ์แบบไปเสียทุกอย่าง แต่อย่างน้อยก็ถือว่าเป็นสิ่งที่ชีวิตลิขิตที่จะให้ดำเนินไปอย่างนี้ หากเรามีโอกาสได้เลือก "โอกาส" ที่เหมาะสม
เพราะแนวคิดและโครงเรื่องที่ดูเหมือนจะธรรมดาๆ แต่พอได้ใส่ความไร้เหตุผลเข้าไปในหนังแล้ว ก็กลายเป็นหนังเพ้อฝันที่มีรสชาติแปลกๆ ออกมาพิลึก แม้ว่าจะยังเป็นหนังที่ดูสนุก มีมุกตลกขบขัน และตลกใต้สะดือก็เยอะ ต้องขอบคุณความเป็นมืออาชีพของเหล่านักแสดงของหนังเรื่องนี้ ที่ทำให้ตลอด 100 นาทีของหนัง ไม่ได้ออกมาน่าเบื่อหน่ายอย่างที่ดู และยังทำให้คนดูมีรอยยิ้มที่มุมปากกับท้องเรื่องที่ดำเนินไปได้อยู่
"แซม คลาฟลิน" ยังคงมีเสน่ห์กับบทในหนังรอมคอมอีกเช่นเคย เขาทำหน้าที่ของเขาได้ดี ดีตามมาตรฐานของเขาเลย ขณะที่ "โอลิเวียร์ มันน์" ก็ฉายเสน่ห์อยู่ไม่น้อย แต่น่าเสียดายที่บทหนังไม่ได้ส่งให้ตัวละครของเธอมากเท่าไหร่ เช่นเดียวกับ "ฟรีดา พินโต", "โจเอล ฟราย" หรือ "ทิม คีย์" ที่เหมือนยัดใส่ตัวละครเข้ามาให้เต็มๆ เรื่อง กลายเป็นว่าใช้นักแสดงได้อย่างไม่คุ้มค่าสักเท่าไหร่
สรุปแล้ว Love Wedding Repeat ก็เป็นหนังโรแมนติกที่ดูได้เพลิน หนังไม่ได้ดีสมบูรณ์แบบอะไร แต่ก็ให้ข้อคิดและความหวังกับคนดูได้ไม่น้อย เพราะในชีวิตจริงเราไม่มีโอกาสกลับไปแก้ไขสิ่งที่เกิดขึ้นไปแล้วได้อีก ดั้งนั้นการเป็นอยู่อย่างมีสติและคิดไตร่ตรองเป็นสิ่งที่สำคัญในการดำรงชีวิตประจำวันของทุกคน
สามารถรับชม Love Wedding Repeat ได้แล้ววันนี้ ทางเน็ตฟลิกซ์ ผ่านกล่อง TrueID Box
รีวิวหนัง "Tigertail" ชีวิตก็เหมือนหางเสือ ไม่ว่าบังคับไปทิศทางไหน..นั่นคือทางที่เราเลือก
หนึ่งในสิ่งที่ "Tigertail" (รอยรักแห่งวันวาน) ที่ความคล้ายกับหนังเรื่องข้างบนก็คงจะเป็นเรื่องของ "โอกาส" เพียงแต่แสดงให้เห็นถึงอีกด้านหนึ่งของโอกาสที่ได้หยิบคว้ามาและเป็นส่วนหนึ่งในของชีวิตมากกว่าครึ่งชีวิต หนังที่เล่าถึงความฝันที่ดูไกลตัวแต่ไม่ไกลเกินกว่าจะไปถึง การลืมตาอ้าปากกับชีวิตที่อยู่ห่างไกลจากบ้านเกิด ช่างประจบเหมาะกับสถานการณ์ในช่วงเวลานี้จริงๆ (ไม่ใช่ดราม่าทวิตเตอร์ระหว่างประเทศเรื่องนั้นหรอกนะ) กับช่วงเวลา...คิดถึงบ้าน
"อลัน หยาง" นักเขียนบทและผู้กำกับทีวีซีรีส์เชื้อสายเอเชีย ได้มีโอกาสทำหนังยาวเรื่องแรกของเขา ก็ได้จับประเด็นที่น่าจะมีอิทธิพลกับชีวิตของเขาอยู่ไม่น้อย กับชาวเอเชียที่ต้องมาดิ้นรนหาหนทางในอาชีพบนผืนแผ่นดินอเมริกาอันกว้างใหญ่ ตีแผ่ถึงเรื่องราวชีวิตของ "พินจุ่ย" หนุ่มไต้หวันที่คว้าโอกาสมาตั้งต้นเริ่มชีวิตใหม่ที่อเมริกา ยอมละทิ้งชีวิตเดิมๆ อันหอมหวานจากบ้านเกิดมาสู่ดินแดนเสรีภาพ
เขาทุ่มเทอย่างหนักตลอดเวลาที่อยู่ในอเมริกา เริ่มต้นจากศูนย์และก่อร่างสร้างตัวให้ลุกขึ้นยืนด้วยลำแข้ง แต่กลับกลายเป็นว่าตกอยู่ท่ามกลางความโดดเดี่ยวในช่วงวัยกลางคน คู่ชีวิตมาเคียงข้างมาอเมริกาด้วยกันก็เบื่อหน่ายขอหย่า ลูกๆ ก็ออกไปใช้ชีวิตของตัวเอง ซ้ำยังเข้ากับลูกสาวไม่ได้แต่ก็ไม่รู้สาเหตุว่าเพราะอะไร แต่คงเป็นเพราะหางเสือชีวิตได้นำพาเขามาไกลเหลือเกิน ไกลแค่ไหนแต่เขาก็ยังคงคิดถึงอดีตที่เคยเกิดขึ้นที่ไต้หวัน
จากที่เคยสร้างซีรีส์ตลกๆ มาโดยตลอด พอหันมาจับหนังดราม่าล้วนทั้งเรื่องแบบนี้ ผู้กำกับอลัน ก็ยังขยี้เรื่องราวได้ยังไม่ถึงใจสักเท่าไหร่ อาจจะเป็นเพราะหนังค่อนข้างสั้นไปด้วย มีเวลาแค่เพียง 90 นาที กับประเด็นหลายๆ อย่างที่สามารถต่อขยายได้มากกว่านี้ ทำให้ดูเหมือนหนังยังขาดรายละเอียดไปบางส่วนอยู่
แต่หนังก็ยังประสบความสำเร็จกับสิ่งที่ต้องการจะสื่อสารมายังคนดู ไม่ว่าจะเป็นการผสมผสานวัฒนธรรม มุมมองผู้อพยพชาวเอเชีย ภาวะความโดดเดี่ยวในวัยกลางคน และปัญหาช่องว่างระหว่างครอบครัว หลากประเด็นสามารถถ่ายทอดออกมาได้ครบ แม้ว่าจะยังขาดๆ เกินๆ ไปบ้าง อีกสิ่งที่ต้องยกย่องก็คืองานถ่ายภาพของหนังเรื่องนี้ ที่มีส่วนกระตุ้นอารมณ์คนดูได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นฉากอดีตและปัจจุบัน สื่อมุมมองออกมาได้อย่างประทับใจ
โดยสรุปแล้ว Tigertail เป็นหนังดราม่าที่อาจจะไม่ได้สมบูรณ์ถึงที่สุด แต่มาพร้อมกับประเด็นที่ชาวเอเชียน่าจะอินได้มากกว่าเป็นพิเศษ ซ้ำยังสะท้อนปัญหาสังคมและสอดแทรกการเมืองเข้ามาเล็กๆ น้อยๆ ที่สำคัญตัวหนังยังใส่บทพูดภาษาจีนกลาง จีนฮกเกี้ยน และภาษาอังกฤษ เข้ามาอย่างจงใจ เพื่อแสดงถึงแนวคิดและความแตกต่างของคนแต่ละรุ่น ในช่วงเวลา 50-60 ปีที่ผ่านมา
สุดท้ายหนังก็ยังกล่าวถึงโอกาสในชีวิต หางเสือเดียวที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิดเป็นชะตาลิขิต ในเมื่อเราเลือกโอกาสนี้มาแล้ว ก็ขึ้นอยู่กับตัวเองว่าจะทำให้ดีที่สุดแค่ไหน เพื่ออนาคตที่ไม่มีใครล่วงรู้ได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น แม้บางครั้งสิ่งที่เลือกอาจทำให้รู้สึกเสียดาย แต่เราก็ทำได้แค่ประคองวันนี้ที่มีอยู่เอาไว้ให้ดีที่สุด เพราะเราไม่สามารถกลับไปแก้ไขอะไรในอดีตได้อีก...
สามารถรับชม Tigertail ได้แล้ววันนี้ ทางเน็ตฟลิกซ์ ผ่านกล่อง TrueID Box
----------------------------------------------------