“เชน” เสียงสั่น! พ้อโลกใจร้ายเกิน พราก “อ๋อม” ไป เชื่อเพื่อนดูแลครอบครัวดีที่สุด
“เชน” เสียงสั่น! พ้อโลกใจร้ายเกิน พราก “อ๋อม” ไป เชื่อเพื่อนดูแลครอบครัวดีที่สุด
อีกหนึ่งเพื่อนซี้ของพระเอกหนุ่ม “อ๋อม อรรคพันธ์” นักแสดงหนุ่ม “เชน ณัฐวัฒน์” ที่มาร่วมงานไว้อาลัยเพื่อน ล่าสุดเจ้าตัวก็ได้เปิดใจว่า...
“ตื่นมาก็ยังคิดว่าไม่ใช่เรื่องจริง เไปทำรายการเรื่องประเด็นมะเร็งกล้ามเนื้อหัวใจก็ถูกหยิบยกขึ้นมาพูด เพราะมันเป็นอะไรที่หลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่ามันอันตรายแค่ไหน มันเหมือนฝันตั้งแต่ตอนที่อ๋อมเป็นแล้ว ทำไมเพื่อนเราโชคร้ายจัง จนวันนึงมันผ่านกระบวน การรักษามาเรื่อยๆ เป็นกำลังใจให้กันมาเรื่อยๆ ก็ต้องบอกว่ามันมีความหวัง และพวกเราก็อยู่ด้วยความหวัง ตัวอ๋อมเองก็อยู่ด้วยความหวัง ซึ่งความหวังที่อ๋อมมี ผมอายุ 40 แล้ว แต่ผมยังไม่เคยเจอใครมีความหวังในการมีชีวิตอยู่ขนาดนี้มาก่อน
วันที่ผมไปพบเพื่อนครั้งแรกเมื่อตอนผ่าตัดรอบแรกเสร็จ ผมเตรียมใจไว้ว่าสภาพมันต้องเป็นยังไง คิดภาพไว้ในหัวเยอะมาก แต่ปรากฏว่าภาพผู้ชายคนนึงที่เหมือนเดิมเลย เพียงแต่เขาอาจจะดูโทรมไปหน่อย แต่เขามีแต่รอยยิ้มที่อยากมีชีวิต มันก็เลยทำให้เราหวัง คือคิดเลยแหละว่าผ่านไปด้วยดีแน่นอน จนกระทั่งมาถึงวันเสาร์ที่ผ่านมา ก็เลยรู้สึกเหมือนว่ามันไม่จริง พอคิดอย่างนี้มันก็มาคิดถึงความเป็นจริงที่เราต้องมางานศพเพื่อน
ที่ผ่านมาอ๋อมกำลังใจดีมาก ผมว่าใครไม่เห็นไม่มีทางรู้เลยว่ากำลังใจในความหมายของผม คือกำลังใจในการมีชีวิตอยู่ของอ๋อมมันเยอะขนาดไหน มันต้องสัมผัสจริงๆ อ๋อมเป็นคนสนุก เป็นคนที่ชอบแอดเวนเจอร์ ชอบแอ็คทิวิตี้เยอะๆ แต่วันนั้นเขาทำอะไรไม่ได้เลยสักอย่าง เขาได้แต่อยู่กับบ้านกับโรงพยาบาล 2 ที่ แต่เขามีแต่รอยยิ้ม มีแต่คำว่า เชนโคตรเจ็บเลย แต่กูสู้โว้ย ในรอยยิ้มเขาพูดคำว่า กูไม่อยากตายว่ะเชน มันก็เลยทำให้เห็นว่ากำลังใจมันสูง และที่ผ่านมาเราจะได้ยินเสมอว่าโรคมะเร็งมันสามารถหายได้ด้วยกำลังใจ ผมก็เลยคิดว่าเพื่อนผมต้องรอด แต่โลกมันก็ใจร้ายเกินไปหน่อย
ช่วงที่อยู่ด้วยกันจริงๆ ก็เป็นการให้กำลังใจที่ลำบากมากเลย เพราะเราไม่รู้เลยว่าเขาเจ็บขนาดไหน เขาได้แต่พูดว่าเขาเจ็บมาก ก็ได้แต่บอกว่ามึงต้องสู้นะ หายกลับมาทำงาน กลับมาสนุกกันใหม่ อาจจะใช้ชีวิตได้ไม่โลดโผนเท่าเดิม แต่ด้วยอายุพวกเรามันก็คงโลด โผนขนาดนั้นไม่ไหวแล้ว แต่กลับมามีชีวิตปกติ ทำงาน สร้างผลงานดีๆ ให้กับแฟนละคร แค่นั้นผมว่ามันก็มีความสุขแล้ว มันก็เป็นการให้กำลังใจในรูปแบบนั้น แต่ที่ผมเสียใจมากๆ ก็คือเมื่อไม่กี่วันก่อนที่เขาจะไป แพรภรรยาผมเขาบอกว่าอยู่ๆ เขาก็พูดขึ้นมาว่าโทร.หาอ๋อมหรือยัง ผมก็บอกว่าเดี๋ยวโทร. แต่ตอนนั้นขับรถ และคิดงานอยู่ ก็เลยไม่ได้โทร. ก็เลยโคตรเสียใจเลย ไม่น่าเดี๋ยวเลยว่ะ แต่มันก็ผ่านไปแล้ว วันนี้ก็ได้มาบอกเพื่อนแล้วว่ากูสัญญาว่ากูจะมาทุกวันที่กูมาได้ (เสียงสั่น) คือมันก็ติดใจครับ ไม่อย่างนั้นก็ได้คุยกัน แต่มันก็ทำอะไรไม่ได้ มันผ่านไปแล้ว
ถามว่าอ๋อมยังห่วงอะไรไหม ผมว่าไม่น่ามีห่วงอะไร เพราะอ๋อมทำหน้าที่ของตัวเองในการดูแลครอบครัว ผมเชื่อมั่นเต็มๆ เลยจากล่า สุดที่ได้คุยกันว่าอ๋อมทำทุกอย่างดีที่สุดแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการดูแลพ่อแม่ ไม่ว่าจะเป็นการดูแลน้อง และสิ่งที่เขาสร้างเอาไว้ผมเชื่อมั่นว่ามันสามารถดูแลครอบครัวได้อีกยาว วันนี้ผมไม่อยากให้เพื่อนห่วงอะไรเลยสักอย่างเดียว ถ้าอ๋อมมองลงมา (เสียงสั่น) วันนี้ผมว่าเขาน่าจะยิ้ม เพราะเขาชอบพูดเสมอว่าพวกมึงรำคาญกู เพราะเขาเป็นอาจจะดูเงียบๆ มีมุมส่วนตัวสูงนะ แต่เวลาเขาอยู่กับเพื่อนเขาจริงๆ เขาพูด มากๆ พูดไม่หยุด พูดได้ทั้งคืน บางทีถึง 6 โมงเช้ายังพูดอยู่เลย เขาก็จะชอบพูดเสมอว่าพวกมึงรำคาญกูใช่ไหม พวกมึงไม่รักกูใช่ไหม วันนี้ถ้าเขามองลงมา เขาเห็นแล้ว ไม่ใช่แค่พวกผมหรือพี่ๆ ที่รักเขามากๆ จาก 3 วันที่ผ่านมาเขาจะเห็นเลยว่าคนรักมึงโคตรเยอะเลยอ๋อม ดีใจที่ได้เห็นคนรักมึงเยอะขนาดนี้ กูว่ามึงดีใจ
เรื่องเป้าหมายชีวิตถ้าเขาหาย จริงๆ เราไม่เคยได้พูดเรื่องนั้น แต่พูดแค่ว่าสิ่งที่ผมได้ยินจากอ๋อมคืออ๋อมเขาห่วงเรื่องงาน ต่อให้เขาจะสร้างทุกอย่างมา สมบัติมีเหลือ สร้างบ้านให้พ่อให้แม่แล้วก็ตาม แต่เขาห่วงว่ากลับมาคนจะยังรักเขาอยู่ไหม ผมได้ถ่ายภาพกับเพื่อน แต่ก็ไม่ได้อะไร เพราะไม่อยากให้ใครเห็นเขาในสภาพที่เขาโทรม เขากลัวว่าเดี๋ยวโทรมแล้วจะไม่มีใครจ้างเขา ผมว่าอ๋อมห่วงแค่งาน อาชีพอ๋อมคือนักแสดง อ๋อมชอบอยู่ในกองถ่ายละคร ชอบเล่นละคร ชอบอยู่กับทีมงาน อยู่กับผู้กำกับ อยู่กับเพื่อนนักแสดง เขาอยากกลับมาเล่นละคร
ที่เขาชอบถามเพื่อนๆ ว่ารักเขาไหม เพราะเขาเป็นคนขี้น้อยใจ แซวนิดแซวหน่อยก็น้อยใจ มันก็เลยจะชอบถามว่ามึงรักกูหรือเปล่า แค่นั้นแหละไม่มีอะไร มันเป็นคนขี้น้อยใจ มันเหมือนเป็นการแซวกันเล่นมากกว่า ตอนอยู่ต่อหน้าผมก็เคยบอกรักเขานะ ตอนที่มันถามนี่แหละ ก็บอกว่าเออ กูรักมึง ก็รักมันจริงๆ ไม่อยากให้มันไปเร็วขนาดนี้ น่าจะอยู่มีเวลาร่วมกันอีกหน่อยก็ยังดี แต่ไม่เป็นไรวันนี้ขอให้เพื่อนขึ้นไปอยู่บนฟ้าและคอยมองลงมาแล้วกัน ชีวิตเราก็โตมาด้วยกันตั้งแต่เข้าวงการ ผ่านทุกข์ ผ่านสุข สนุกสนานกันมาเรียกว่าเต็มที่แล้ว วันนี้ต่างคนต่างมีชีวิต แต่คำว่าเพื่อนมันก็คือเพื่อน ยังไงก็รักมันมากๆ และพยายามจะมาหามันทุกวัน พยายามจะคิดถึงตลอด
ความรักที่ทุกคนมีให้อ๋อมและครอบครัวใน 4 วันที่ผ่านมานั่นเป็นเรื่องดีมากๆ พ่อกับแม่และภรรยาเขาและน้องสาว วันนี้เขาได้เห็นแล้วว่าคนรักอ๋อมเยอะมากๆ จริงๆ นั่นทำให้เขายิ้มได้ว่าคนรักลูกเขาเยอะขนาดนี้ ที่โพสต์ภาพไปกินข้าวกับอ๋อมและกันต์ คือผมกับกันต์ แม้กระทั่งกับอ๋อมอาจจะได้เจอมากกว่ากันต์ด้วยซ้ำ เพราะกันต์เขางานยุ่งพอสมควร แต่เวลาเราเจอกันมันไม่เหมือนคนโตๆ แล้วมาคุยกัน มันเหมือนเด็กคนนึงที่เพิ่งเข้าวงการ แล้วมีพี่ปลาผู้กำกับคนแรกในชีวิตผมมานั่งอยู่ด้วย ทุกสิ่งทุกอย่างที่คุยกันมันเหมือนย้อนกลับไปเมื่อประมาณ 10 ปีที่แล้ว และเราก็เลยอยากให้อ๋อมเขาอยู่ด้วย ณ ตอนนั้น เราไม่รู้หรอกว่าเขาอยู่หรือไม่อยู่ แต่เราอยากให้เขามานั่งอยู่ข้างๆ เรา ฟังเรื่องที่คุยเรื่องเขา เราคุยเรื่องสมัยเด็กที่พบเจอกันมา ถามว่าฝันถึงบ้างไหม ผมไม่ได้เป็นคนมีเซ้นส์อะไรเรื่องพวกนี้ แต่ก็มีคนถามว่ากลัวไหม ก็มาได้เลย แต่อย่ามาแบบน่ากลัว ขอมาแบบดีๆ เคาะบอกมันไปแล้ว”