หนังเรื่องนี้เป็นหนังที่ได้รับการเข้าชิงรางวัลออสการ์และก็ได้คว้ารางวัลมาด้วยกันถึง4สาขาเลยทีเดียว หนังเรื่องนี้จะเป็นหนังแนวดาร์กคอมเมดี้ระทึกขวัญและดราม่าเนื้อเรื่องของหนังเรื่องนี้จะเป็นยังไงลองไปอ่านบทความนี้ดูค่ะหนังเรื่องนี้ก็จะเล่าถึงเรื่องราวของครอบครัวหนึ่งซึ่งเป็นชนชั้นล่างฐานะยากจนที่ต้องอยู่อาศัยกันอย่างยากลำบากในชุมชนแออัดและแม้แต่อินเตอร์เน็ตก็ยังต้องใช้ร่วมกับบ้านอื่น ครอบครัวนี้ก็ประกอบไปด้วย คิมกีแท็ก(พ่อ) คิมชุงซุค(แม่) คิมคิอู(ลูกชายคนโต) คิมคิจอง(ลูกสาวคนเล็ก) ซึ่งครอบครัวนี่เป็นครอบครัวที่มีความเกียจคร้านพ่อและแม่ตกงาน ส่วนลูกทั้งสองก็สอบมหาลัยไม่ได้เพราะไม่มีเงินเพียงพอที่จะเรียน แต่ทั้งครอบครัวก็ต้องรับงานจ้างทุกอย่างเพื่อหาเงินเลี้ยงครอบครัว(cr. facebook.com/GisaengchungFilm)อยู่มาวันนึงลูกชายของครอบครัวนี้ได้บังเอิญได้รับการไหว้วานจากเพื่อนสนิทของเขาให้ไปช่วยสอนพิเศษภาษาอังกฤษเด็กชั้นมัธยมที่ชื่อว่าทาเฮให้หน่อยเนื่องจากตัวเค้าเองจะต้องไปต่างประเทศและเห็นว่าคิอูนั้นมีทักษะภาษาอังกฤษที่ดี แต่มีข้อแม้คือต้องปลอมตัวเป็นเด็กมหาลัยให้แนบเนียนและน่าเชื่อถือพอที่เค้าจะจ้างได้ เนื่องจากคนที่เค้าจะจ้างนั้นเป็นพวกมีอันจะกินมีบ้านหลังโตตั้งอยู่ในย่านไฮโซที่สุดของเกาหลี และแน่นอนว่างานดี ๆ แบบนี้มีหรือที่คิอูจะปฏิเสธ เค้ารับหน้าที่สอนพิเศษให้ทาเฮและได้ปลอมแปลงเอกสารและเปลี่ยนชื่อเป็นเควิน อีกทั้งคิอูยังได้งานนี้อีกทันทีและยังสามารถหลอกคุณนายผู้แสนซื่อได้สำเร็จว่าเค้าคือติวเตอร์ระดับเทพที่แท้จริงและเมื่อเค้าสามารถเข้าไปที่บ้านหลังหรูได้สำเร็จก็ได้เห็นความร่ำรวยของครอบครัวนี้และมันทำให้คิอูนั้นเกิดความคิดอื่นๆนอกจากจะแค่สอนพิเศษอย่างเดียวและนี่คือจุดเริ่มต้นของเรื่องนี้(cr. facebook.com/GisaengchungFilm)ต้องบอกก่อนเลยนะคะว่าพล็อตของเรื่องนี้ทำออกมาได้ดีมาก ๆ เลยล่ะค่ะ ที่เล่าไปนะคะเป็นแค่ส่วนนึงของเรื่องเท่านั้นนะ แค่30นาทีเองค่ะเพราะหนังเรื่องนี้เค้ามีความยาวประมาณ 2ชั่วโมงเลยทีเดียวและตลอดทั้งเรื่องก็จะมีการหักมุมไปมาคาดเดาเหตุการณ์ล่วงหน้าได้ยากพอสมควร อีกทั้งตัวเรื่องก็จะมีความตลกและตลกมาก ๆ เลยล่ะค่ะมีมุขต่าง ๆ มาไม่ขาดสาย โดยมุขเหล่านี้แหละค่ะที่มีไว้พรางฉากหลัง หนังเรื่องนี้มีเนื้อหาที่ค่อนข้างจะหนักมาก ๆ เพราะนี้คือความหมายของดาร์กคอเมดี้ การดำเนินเรื่องแสดงให้เห็นถึงปัญหาด้านสังคม ชนชั้น คนจน คนรวยและสิ่งที่พวกเค้าเจอนั้นแตกต่างกันขนาดไหนและต้องขอชื่นชมทางผู้กำกับเลยนะคะเพราะนักเขียนชอบในการเล่าของเรื่องนี้มาก ๆ เพราะปกติแล้วหนังแนวนี้จะเลือกวิธีเล่าแบบซื่อตรงซึ้งทำให้ค่อนข้างจะมีความน่าเบื่อและจะไม่อินกับหนังเท่าไหร่ แต่บองจุนโฮ(ผู้กำกับ)กลับซ่อนเรื่องนี้ไว้ท่ามกลางความตลกขบขันเพราะตลอดระยะเวลาที่เราดูหนังเรื่องนี้เราก็จะหัวเราะไปกับมุขตลกเหล่านี้ค่ะ แต่ในใจมันก็จะคิดว่านี้มันโคตรน่าเศร้าเลยนี่หว่า parasite ไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้ตรง ๆ เลยแม้แต่น้อยค่ะแต่กลับเล่าผ่านฉากต่าง ๆ ผ่านภาพ ผ่านสิ่งแวดล้อมรอบตัวและทั้งหมดก็จะถูกปกคลุมไปด้วยความขำขันค่ะ (cr. facebook.com/GisaengchungFilm)ซึ่งถ้าเพื่อน ๆ ดูผ่าน ๆ อาจจะไม่รู้สึกถึงเรื่องนี้มากนัก แต่พอหนังเริ่มเข้าจุดพีค ช่วงนี้แหละค่ะที่จะทำให้เราย้อนกลับมาคิดได้ว่าฉากธรรมดานั้นมีความหมายขนาดไหนอีกทั้งเรื่องยังสามารถเล่นต่อความรู้สึกคนดูได้ดีมาก ๆ เลยที่เดียวค่ะกับการไล่ระดับความรู้สึกของคนดูของเค้า เหมือนว่าเรานั้นกำลังเล่นรถไฟเหาะที่กำลังขึ้นที่สูงก่อนจะตกวูบอย่างรวดเร็ว ความรู้สึกต่าง ๆ ถาโถมเข้ามาใส่เหมือนเขือนแตก เรียกได้ว่าตอนเดินออกจากโรงยังรู้สึกมึน ๆ ไม่หาย และการแสดงของเรื่องนี้ก็ไม่ได้ไก่กาเลยค่ะแต่ละคนเรียกได้ว่าถึงบทบาทมาก ๆ และฝั่งคนจนทั้ง4คน ก็เข้าถึงบทบาทมิจฉาชีพขั้นโปรแต่ที่ดีที่สุดต้องขอยกให้กับคุณนายไฮโซที่ตีบทคุณนายผู้ใสซื่อได้แตกมาก ๆ เลยทีเดียวค่ะ เป็นคุณแม่มีอันจะกินที่อยากให้ลูกได้แต่สิ่งที่ดีที่สุดแต่ก็ยังมีอีกด้านที่ซ่อนไว้ด้วย เรียกได้ว่าเอาอยู่จริง ๆ กับคุณแม่ที่ยังสาวคนนี้ (cr. facebook.com/GisaengchungFilm)เรียกได้ว่าการแสดงของเรื่องนี้เป็นอีกหนึ่งจุดแข็งเลยล่ะค่ะ สรุปนะคะ parasite นั้นเป็นหนังที่ครบทุกองค์ประกอบที่หนังดี ๆ เรื่องนึงควรจะมี ทั้งพล็อตที่ดี การดำเนินเรื่องระดับปรมาจารย์ การสอดแทรกเนื้อหาหนัก ๆ ไว้ใต้มุขตลก การใช้ภาพสื่อความหมาย ทั้งหมดรวมกันออกมาเป็นภาพยนตร์ที่ดูง่ายและเป็นธรรมชาติ พูดกันมาถึงขนาดนี้แล้วนักเขียนให้คะแนนเรื่องนี้ไปเลยค่ะ 10/10 แนะนำให้เพื่อน ๆ ไปหาดูกันนะคะ รับรองว่าไม่ผิดหวังแน่นอน