Short CommentThe Makanai: Cooking for the Maiko House แม่ครัวแห่งบ้านไมโกะ (2023)ชิ้นส่วนยิบย่อยร้อยเรียงเป็นความธรรมดาที่เหนือธรรมดา อาจไม่หวือหวาแต่ว่าหยุดดูไม่ได้กับซีรีส์ที่ท่านกำลังจะได้อ่านบทความต่อไปนี้สารภาพเลยว่าดูไปบ่นไปยังหาเหตุผลที่ชัดเจนไม่ได้เช่นกันว่าทำไมตัดสินใจดูในตอนดึกของคืนหนึ่ง ก็ใช่ที่ผู้เขียนชอบดูซีรีส์ญี่ปุ่นเป็นอันดับสองรองจากซีรีส์เกาหลีเพราะชอบการเล่าเรื่องในแบบญี่ปุ่นและเหมือนมีความผูกพันกันมานาน แต่ก็ใช่ว่าจะดูทุกเรื่องเลือกดูที่น่าสนใจเท่านั้นซึ่งคำว่าน่าสนใจนี่เองที่เป็นสิ่งสำคัญเพราะทันทีที่ผู้เขียนเห็นซีรีส์เรื่องนี้ผ่านตาที่มีชื่อไทยโฆษณาว่า "แม่ครัวแห่งบ้านไมโกะ" และนั่นอาจเป็นจุดสัมผัสให้สมองสั่งหัวใจให้ดูเพราะซีรีส์ทำอาหารของญี่ปุ่นคือเชิดหน้าชูตาได้ ด้วยความที่ญี่ปุ่นจะเล่าเรื่องของขนบธรรมเนียมวัฒนธรรมและวินัยของชนชาติออกมาผ่านจานอาหารได้อย่างน่าทึ่งเสมอไม่ว่าเรื่องที่เล่านั้นจะออกมาแนวไหน เพราะไม่ว่ายังไงท่านลองนึกดูงานทางญี่ปุ่นที่เคยผ่านตามาจะมีเรื่องเหล่านี้แฝงอยู่และมีความหมายเสมอไม่เว้นแม้แต่เรื่องที่มาเพื่อเบาสมอง สิ่งเหล่านี้อาจเป็นเหตุผลหลักที่ผู้เขียนตัดสินใจดูเรื่องนี้โดยที่ไม่ได้คาดหวังคือถ้าง่วงก็ปิดไฟนอนแต่ช่างน่าประหลาดเหลือเกินที่ตรึงผู้เขียนได้ตั้งแต่ฉากแรกจนยากที่จะปิดไฟนอนอย่างที่ตั้งใจ ไมโกะคือชื่อเรียกของนักแสดงชั้นสูงที่แสดงศิลปะการรำ "ไม" ให้กับอาคันตุกะผู้มีเกียร์ติโดยมีช่วงอายุตั้งแต่สิบห้าถึงยี่ยิบปีก่อนที่จะเป็นเกอิโกะหรือเกอิชาเมื่ออายุยี่สิบเอ็ดปีที่มีหน้าที่ขายความงดงามทางศิลปะทางวัฒนธรรมหาใช่เรือนร่าง ทำให้เพื่อนสนิทจากสองคนจากอาโอโมริคือคิโยะ (นานะ โมริ) กับสุมิเระ (นัทสึกิ เดกูชิ) เดินทางจากบ้านมาเกียวโตเพื่อเรียนรู้การเป็นไมโกะฝึกหัด ทว่าก็อาจไม่ใช่เรื่องของทุกคนแค่ความฝันและความพยายามอาจไม่พอสุมิเระที่มีพรสวรรค์จึงได้ไปต่อแต่คิโยะไม่ แต่เมื่อเส้นทางหนึ่งถูกปิดกลายเป็นอีกเส้นทางปรากฎเมื่อแม่ครัวในบ้านไมโกะที่เรียกว่ามากาไนคนเดิมป่วยจนต้องเลิกทำงานไปคิโยะจึงอาสารับหน้าที่นี้แทน แล้วด้วยความที่คิโยะได้เคยช่วยงานและชอบการทำอาหารที่เหมือนถูกถ่ายทอดมาจากยายที่บ้านเกิดรสมือที่เหมือนธรรมดาในอาหารที่ธรรมดากลับมีความหมาย เมื่อคนในบ้านก็ต่างคนต่างที่มาได้ลิ้มรสชาติที่ธรรมดาแต่กระตุ้นความรู้สึกอาหารธรรมดาของมากาไนคนใหม่นามว่าคิโยะก็มัดใจนพวกเธอได้ เรื่องราวของการร่ายรำที่เบื้องหน้าและพลังสนับสนุนจากห้องครัวจึงเริ่มขึ้น ความยากของการทำอาหารมากาไนคือการทำให้ออกมาธรรมดา คำพูดของมากาไนคนเก่าที่พุดกับคิโยะอาจอธิบายความเป็นซีรีส์เรื่องนี้ได้ชัดเจนเมื่อเรื่องที่ถูกเล่าออกมามาจากเรื่องที่ไม่ธรรมดาทั้งการเรียนและการใช้ชีวิตเป็นไมโกะหรือเกอิโกะและแม้กระทั่งอาหารหนึ่งจานที่กว่าจะมาเป็นอาหารรสเลิศล้วนผ่านกระบวนการที่ไม่ธรรมดา ทว่าความไม่ธรรมดาที่ว่ากลับถูกถ่ายทอดให้ออกมาแสนธรรมดาประหนึ่งว่าจะเอื้อมมือเข้าไปสัมผัสได้เพราะเหมือนเป็นหนึ่งชีวิตอยู่ในนั้น กับการใช้ชิ้นส่วนยิบย่อยมาร้อยเรียงให้เป็นความธรรมดาที่เหนือธรรมดากับเรื่องราวของมิตรภาพ ความรัก ความฝัน ความอดทน พรสวรรค์ โชคชะตาหรือว่าชีวิตลิขิตเองมาเป็นองค์ประกอบในงานเชิงวัฒนธรรมที่มองเห็นมุมของการยกย่องและอนุรักษ์อยู่ในทีแต่กลับไม่รู้สึกว่าจงใจหรือยัดเยียดเพราะดูไปก็คล้ายว่าชีวิตผ่านไปในแต่ละวันแบบธรรมดาผ่านอาหารไปแต่ละมื้อ ที่ยอดเยี่ยมคือบทสนทนาไม่ได้เล่ามากไม่ว่าจะเป็นเรื่องของใครแต่คนดูกลับรู้สึกได้ว่าทุกคนต่างมีเรื่องราวของตัวเอง ที่บางทีก็ไม่จำเป็นต้องรู้ว่าเป็นเรื่องอะไรเพราะบางครั้งชีวิตก็เป็นเช่นนี้แค่ได้รับรู้ว่ามีโดยไม่ต้องรู้รายละเอียดก็สบายใจกว่าความพยายามอยู่ร่วมกับโลกใหม่ของโลกเก่าให้ได้โดยไม่เสียตัวตน ที่ต้องชื่นชมด้วยใจคือการบอกเล่าเรื่องของช่วงวัยที่มีช่องว่างแยกเป็นโลกเก่ากับโลกใหม่ชัดเจน แต่ครั้งนี้ไม่ได้ถูกเสนอออกมาในเชิงขัดแย้งแต่เป็นการบอกกับคนดูที่อาจมีช่องว่างนั้นในใจว่าโลกเก่ากับโลกใหม่สามารถอยู่ร่วมกันได้โดยไม่เสียตัวตน สิ่งที่ชัดคือเรื่องของคนสามรุ่นในบ้านที่มีตั้งแต่เด็กวัยรุ่นไปจนถึงคนชราแต่คนที่ชราที่สุดกลับชอบนักแสดงเกาหลี การอยู่ในบ้านไมโกะในพื้นที่ที่เหมือนเวลาถูกหยุดไว้กับการอ้างอิงถึงชีวิตสมัยใหม่ผ่านตัวละครเรียวโกะ (อาจู มากิตะ) ที่คิดนอกกรอบ และความสัมพันธ์ระหว่างโมโมโกะ (อาอิ ฮาชิโมโตะ) กับโยชิโนะ (มายุ มัตสึโอกะ) ที่เหมือนเป็นกระจกสะท้อนตัวตนของกันและกัน และแน่นอนเรื่องของศิลปะการแสดงทางวัฒนธรรมชั้นสูงที่ไม่ใช่ใครก็สามารถเป็นได้อย่างไมโกะหรือเกอิโกะ ที่เยี่ยมเหลือเกินในการสร้างสมดุลระหว่างเบื้องหน้าคือการร่ายรำที่งดงามกับเบื้องหลังที่เป็นงานครัวที่อาจไม่มีโอกาสได้เห็น แล้วทุกอย่างก็มีกรอบของมันจนบางคนต้องเจออะไรบางอย่างเช่นรักแรกของคุณแม่ที่ทั้งรู้สึกดีและบีบหัวใจ หากบ้านหลังนี้คือสังคมหรือครอบครัวนี่คือคือสังคมแห่งความเกื้อกูลหรือครอบครัวในฝัน เพราะนี่คือการเกื้อกูลกันด้วยทุกชิ้นส่วนเล็กน้อยไปถึงใหญ่ตั้งแต่หน้าบ้านจนถึงก้นครัว แน่นอนว่ามองเห็นเรื่องชนชั้นความเหลื่อมล้ำและระบบอาวุโสที่เข้มแข็งอย่างเช่นเรื่องของประตูและการปฏิบัติในฐานะรุ่นพี่รุ่นน้อง แต่ทุกอย่างถูกสลายด้วยการให้เกียรติและเคารพในหน้าที่ของกันและกันแม้ว่าคนคนนั้นจะเป็นคนแต่งตัวให้ไมโกะเป็นคนที่ทำงานช่างเล็กน้อยหรือคนส่งของ และแน่นอนคนครัวหรือมากาไนที่เป็นชิ้นส่วนสำคัญที่สุดเพราะเป็นควบคุมพลังงานในบ้านด้วยอาหารปรุงสุกใหม่และรสชาติที่มีอารมณ์ถวิลหาผ่านความรู้สึกที่ใส่ไปในอาหารด้วยหัวใจ ภาพของจานอาหารที่น่ากินได้ถูกสื่อร่วมกับความงดงามของอาชีพไมโกะและภาพของการสัมผัสรสอาหารของแต่ละคนก็ทำให้รู้ว่า แท้จริงแล้วเบื้องหน้าที่หารายได้เข้ามาต้องมีพลังสนับสนุนที่ดีอยู่เบื้องหลังและในที่นี้คือผู้ควบคุมกระเพาะอาหารของทุกคนในบ้าน การเกื้อกูลให้เกียรติและเคารพกันเช่นนี้เองที่ทำให้ที่ที่เวลาหยุดนิ่งกลับไม่มีเรื่องราวร้ายแต่มีรอยยิ้มและอิ่มเอมอิ่มท้องอิ่มใจเป็นครอบครัวในฝันได้ต่อให้โลกเบื้องนอกจะเปลี่ยนไปยังไงก็ตามเด็ดขาดในการสร้างความธรรมดาให้กับตัวเรื่องด้วยการแสดงที่เป็นธรรมดาแต่ไม่ธรรมดา ที่คนดูได้เห็นเด็กสาวที่ธรรมดาสองคนที่เดินทางมาตามหาความฝันนั้นคือการแสดงที่ไม่ธรรมดาเพราะเรื่องนี้ก็บอกแล้วว่าการจะทำให้ดูธรรมดานั้นเป็นเรื่องยาก โดยเฉพาะนักแสดงที่มีเสน่ห์มีความน่ารักตามแบบฉบับคนญี่ปุ่นอย่างนานะ โมริด้วยแล้วยากมากที่จะทำให้เธอออกมาดูเป็นเด็กบ้านนอกธรรมดา แต่ด้วยการออกแบบตัวละครและการคุมเสน่ห์ตัวเองไม่ให้ล้นของตัวนักแสดงเองก็ทำให้ความน่ารักนั้นออกมาเป็นความธรรมดาที่ดูเป็นเป็นธรรมชาติ เรื่องจึงเดินไปด้วยพลังของนานะ โมริไปเจ็ดส่วนที่เหลือเป็นของนัตสึกิ เดกูชิที่ต้องไม่ธรรมดาเพราะคนดูต้องมองเห็นแววว่าเธอคือคนที่ใช่ในการเป็นไมโกะ ทั้งยังต้องเชิดชูการแสดงที่เข้ากันดีและลื่นไหลจนคนดูเชื่อว่าทั้งคู่ต้องได้ใช้ชีวิตผ่านอะไรด้วยกันมามากพอที่จะแนบแน่นยิ่งกว่าพี่น้องอย่างที่เห็น เอาง่ายๆฉากที่สุมิเระขอโทษคิโยะเรื่องการขโมยความฝันของเพื่อนนั้นออกมาง่ายชัดเจนและกินใจเพราะสิ่งที่ตอบมาคือคิโยะกลับได้พบทางของตัวเองในการนั้น ส่วนนักแสดงคนอื่นก็คือคนธรรมดาที่น่าชื่นชมพอกันแต่เป้าสายตาคนดูอยู่ที่เด็กสองคนนั้นอย่างที่บทต้องการเสียแล้ว อาจเหมือนเป็นงานโลกสวยเรียบๆเรื่อยๆง่ายๆแต่กลับหยุดดูไม่ได้อย่างน่าประหลาด เพราะบางครั้งความสวยงามอาจต้องใช้ทัศนคติในการมองไม่ใช่ความซาบซึ้งกินใจแต่เป็นความจริงในชีวิต ซีรีส์เรื่องนี้จึงพยายามมองในมุมที่งดงามผ่านทัศนคติเชิงบวกมองเห็นเป็นการให้กำลังใจและแรงใจแต่ไม่รู้สึกว่าเป็นการปั้นแต่งแต่เหมือนกับเป็นการสนทนาทั่วไป ซึ่งในความจริงมีช่องมากมายที่จะขายหรือดึงดราม่าเพราะถ้าจะให้เจาะลึกจริงๆทุกตัวละครเล็กใหญ่สามารถหยิบมาเล่าได้แต่เรื่องกลับให้คนดูสัมผัสด้วยความรู้สึกและเข้าใจในสิ่งที่เห็นโดยไม่ต้องอธิบาย เพราะในโลกแห่งความจริงก็เป็นแบบนี้คือไม่จำเป็นต้องรู้ทุกเรื่องโดยละเอียดแต่แค่รู้ว่ามีและเข้าใจเท่าที่เข้าใจได้เพราะชีวิตคนคนนั้นต้องจัดการด้วยตัวเขาเอง ตลอดทางเก้าตอนที่ดูเรื่อยๆแต่ดูจนลืมเวลานั้นถูกงานด้านภาพและเพลงในแบบซีรีส์ญี่ปุ่นขนานแท้สะกดเพราะบางครั้งภาพนิ่งๆกับห้องโถงเปล่าๆพร้อมเพลงคลอแผ่วเบาก็รู้สึกบางอย่างแล้ว ยังไม่รวมถึงบทเรียนชีวิตที่ถูกบอกออกมาอย่างเนียนๆแต่สัมผัสได้ด้วยใจที่จะว่าไปถ้าจะตีความก็มีให้คิดทุกฉาก จึงเป็นซีรีส์ญี่ปุ่นชั้นเยี่ยมเปิดต้นปีที่ดูแล้วมีรอยยิ้มมีความรู้สึกเหมือนน้ำตาคลอบ้างแต่ไม่ไหลพรากตลอดเวลาในทุกตอนที่คู่ควรต้องดูดูไปบ่นไปขอบคุณภาพประกอบภาพปก / ภาพที่ 1 / ภาพที่ 2 / ภาพที่ 3 / ภาพที่ 4,5 / ภาพที่ 6,7,8 จาก Instagram netflixjp อ่านบทความซีรีส์ญี่ปุ่น (ไม่จำกัดแนว) โดย "ดูไปบ่นไป" ได้ที่นี่ความเห็นหลังชม Love You as the World Ends : รักเธอตราบวันสิ้นโลก (2021) ความสนุกเร้าใจที่มีคำถามมากมาย ในอารมณ์อ่านมังงะความเห็นหลังชม Doctor-X 7 : หมอซ่าส์พันธุ์เอ๊กซ์ ปี 7 (2021) อาจดูเหมือนเดิมไม่มีอะไรใหม่ แต่ยังสนุกเร้าใจได้อย่างที่หวังรีวิวจัดเต็ม FISHBOWL WIVES (2022) ซีรีส์ญี่ปุ่นที่ตั้งคำถามอย่างคมคาย ภายใต้ฉากหน้า 18+รีวิวจัดเต็ม Million Yen Women มิลเลี่ยน เยน วีเมน (2017) "งานชั้นเยี่ยมที่ลึกลับน่าค้น เสน่ห์ดึงดูดสายตา ท้าทายให้คาดเดา"ความเห็นหลังชม First Love รักแรก (2022) เมื่อได้ยินเพลง First Love คุณคิดถึงใคร ตราตรึง ดีต่อใจ กับว่าที่ซีรีส์ญี่ปุ่นแห่งปีความเห็นหลังชม Alice in Borderland Season 2 อลิซในแดนมรณะ (2022) ลงตัวขึ้นด้วยชั้นเชิงง่ายๆเดิมๆแต่ยกระดับความคุ้นเคยสู่ความสนุกสุดๆและได้ใจเกาะติดซีรีส์เรื่องใหม่ๆ App TrueID โหลดฟรี!