ใครจะเชื่อว่าหนังซอมบี้ที่ออกฉายตั้งแต่ปี 2002 จะยังคงเป็นที่พูดถึงในทุกยุคสมัย! ตอนนี้ข่าวคราวของ "28 Years Later" กำลังมาแรง และเราอดไม่ได้ที่จะย้อนกลับไปดู "28 Days Later" เพื่อรำลึกถึงความหลอน ความระทึก และความสมจริงที่ทำให้มันกลายเป็นหนึ่งในหนังที่พาแนวซอมบี้เข้าสู่ระดับตำนาน รับชมหนังซีรีส์ระดับพรีเมียม กดสมัคร TrueID+ ดูได้ทุกที่ 24ชม. คลิก!! เนื้อเรื่อง "28 Days Later" ผลงานกำกับของ Danny Boyle และเขียนบทโดย Alex Garland ถือเป็นภาพยนตร์ซอมบี้ที่เปลี่ยนเกมของวงการหนังแนวนี้อย่างแท้จริง เรื่องราวเริ่มต้นด้วยการระบาดของไวรัสที่เรียกว่า "Rage" ที่เกิดจากการทดลองผิดพลาด ไวรัสนี้เปลี่ยนคนให้กลายเป็นสิ่งมีชีวิตคลั่งกระหายเลือดภายในไม่กี่วินาที 28 วันหลังการระบาด จิม (Cillian Murphy) ชายหนุ่มที่ฟื้นจากโคม่าที่โรงพยาบาลในลอนดอน ตื่นขึ้นมาเผชิญโลกที่กลายเป็นนรกบนดิน เขาได้พบกับผู้รอดชีวิตไม่กี่คน เช่น เซลีน่า (Naomie Harris) และ แฟรงค์ (Brendan Gleeson) ที่ร่วมกันเดินทางค้นหาความปลอดภัย พร้อมกับเผชิญหน้ากับศัตรูที่ไม่ได้มีเพียงผู้ติดเชื้อเท่านั้น แต่ยังรวมถึงความโหดร้ายของมนุษย์เอง นักแสดง Cillian Murphy (จิม) บทบาทของจิมคือหัวใจสำคัญของเรื่อง การแสดงของ Cillian Murphy ถ่ายทอดอารมณ์ความตกใจ ความกลัว และการพัฒนาจากคนธรรมดาสู่ผู้นำกลุ่มได้อย่างยอดเยี่ยม ฉากที่จิมเดินในลอนดอนที่ร้างไร้ผู้คนเป็นภาพจำของแฟนหนังทั่วโลก Naomie Harris (เซลีน่า) เซลีน่าคือผู้หญิงที่แข็งแกร่งและเด็ดเดี่ยว Naomie Harris ทำให้ตัวละครนี้มีมิติ ทั้งในด้านความแกร่งและความอ่อนโยนที่ซ่อนอยู่ Brendan Gleeson (แฟรงค์) บทของแฟรงค์สร้างความอบอุ่นในโลกที่เต็มไปด้วยความสิ้นหวัง Brendan Gleeson ถ่ายทอดความเป็นพ่อผู้ปกป้องลูกสาวได้อย่างน่าประทับใจ Christopher Eccleston (พันเอกเฮนรี่ เวสต์) บทบาทของเขาสะท้อนด้านมืดของมนุษย์ในภาวะสิ้นหวัง การแสดงของ Eccleston ช่วยเพิ่มความน่ากลัวในมุมของศัตรูที่ไม่ใช่ซอมบี้ ความสนุกและความน่าจดจำ ไวรัสซอมบี้ที่เร็วและดุร้าย หนังเรื่องนี้เปลี่ยนมาตรฐานซอมบี้ที่เคยช้าและอืดอาดให้กลายเป็นสิ่งมีชีวิตที่วิ่งไล่ล่าดุจเสือชีตาห์ เพิ่มความตื่นเต้นและลุ้นระทึกในทุกฉากแอ็กชัน บรรยากาศที่น่าขนลุก การถ่ายทำฉากลอนดอนที่รกร้างโดยใช้กล้องดิจิทัลคุณภาพต่ำช่วยเพิ่มความสมจริงและความอึดอัดให้กับผู้ชม ธีมเรื่องที่ลึกซึ้ง หนังไม่ได้เล่าแค่การเอาชีวิตรอดจากซอมบี้ แต่ยังขุดลึกไปถึงธรรมชาติของมนุษย์เมื่อเผชิญความโหดร้าย โดยเฉพาะประเด็นศีลธรรมและความเสียสละ สรุป "28 Days Later" เป็นมากกว่าหนังซอมบี้ทั่วไป มันคือเรื่องราวของความสิ้นหวัง การเอาชีวิตรอด และธรรมชาติด้านมืดของมนุษย์ที่ถ่ายทอดออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม ด้วยการแสดงระดับมาสเตอร์พีซของนักแสดงหลัก และการเล่าเรื่องที่ลุ้นระทึกและแฝงข้อคิด ทำให้หนังเรื่องนี้กลายเป็นหนึ่งในภาพยนตร์แนวเอาชีวิตรอดที่ดีที่สุดตลอดกาล ส่งท้าย ถ้าคุณชอบหนังซอมบี้หรือหนังที่พูดถึงธรรมชาติของมนุษย์ในสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด 28 Days Later จะไม่ทำให้ผิดหวัง! อ้างอิง ภาพจาก Facebook 28 Days Later / ภาพที่ #1 / ภาพที่ #2 / ภาพที่ #3 / ภาพที่ #4 / ภาพหน้าปก เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !