เครดิตภาพ Facebook Officialกลับมาต่อกันที่ภาคสองของหนังฮีโร่มาร์เวล Thor กันนะครับ หลังจากที่ภาคแรกสร้างตำนานบทใหม่และความประทับใจไปทั่วโลก และภาคนี้ธอร์จะกลับมาสานต่อความมันส์ในรูปแบบที่ดาร์คกว่าเก่า และในภาคนี้ก็มีเรื่องราวต่อจากภาพยนตร์ The Avengers นั่นเองครับหนังเล่าต่อจากภาคแรก เมื่อธอร์ (Chris Hemsworth) ที่ร่วมมือกับทีมอเวนเจอร์ส โดยการปกป้องโลกรวมถึงดินแดนทั้ง 9 จากศัตรูที่ต้องการจะยึดจักรวาล เมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้นเหมือนความสงบสุขจะตามมา ก็ใช่ว่าเรื่องจะจบ จักรวาลยังมีศัตรูที่ร้ายกาจอยู่นั่นคือมาเลคิธ (Christopher Eccleston) เขาต้องการให้จักรวาลต้องพบความสิ้นหวังและเข้าสู่ความมืดอีกครั้ง มีฤทธิ์ร้ายกาจชนิดที่ว่า โอดิน (Anthony Hopkins) ราชาแห่งแอสการ์ดก็ไม่สามารถต่อกรได้ ธอร์เมื่อรู้เรื่องเข้าก็ดับเครื่องชนทันทีโดยได้รับความร่วมมือจากโลกิ (Tom Hiddleston) น้องชายที่เคยเป็นคู่ปรับกันในภาคแรก และทำให้เขาได้มีโกาสพบกับ เจน ฟอสเตอร์ (Natalie Portman) หญิงคนรักอีกครั้งเครดิตภาพ Facebook Officialเปิดเรื่องมาก็ซัดกันนัวเลยครับ เพราะไม่ต้องมาเสียเวลาเล่าเรื่องภูมิหลังของนักแสดงนำอีก หนังเกริ่นให้เห็นว่า มาเลคิธต้องการใช้พลังที่เรียกว่าอีเธอร์ อำนาจของอีเธอร์จะสามารถทำให้จักรวาลกลับสู่ความมืดมิดได้อีกครั้ง แต่ในครั้งแรกแอสการ์ดสามารถยับยั้งและนำอีเธอร์ขุมพลังเจ้าปัญหาไปซ่อนไว้ เพราะมันทำลายไม่ได้ภาคนี้ต้องการสื่อว่าดาร์คสมชื่อ หนังให้น้ำหนักไปกับการทำสงคราม เลยทำให้หนังมีความเข้มข้นน่าตื่นเต้นกว่าภาคแรก เพราะศัตรูใหม่ที่กำลังคลืบคลานเข้ามา มีพลังอำนาจร้ายกาจ แน่นอนว่าถูกใจแฟนธอร์แน่นอน เพราะธอร์จะไม่ได้เกรียนแตกเหมือนภาคแรกอีกต่อไป เขาคือธอร์ชายที่เติบโตและมีคุณสมบัติที่จะเป็นราชา และภาคนี้หนังจะเน้นไซไฟผสมผสานกับวามแฟนตาซีมากขึ้นกว่าเก่าเครดิตภาพ Facebook Officialไม่ใช่แค่ความแฟนตาซีไซไฟอย่างเดียวนะครับที่จะมีให้เห็นในภาพยนตร์เรื่องนี้ หนังยังแทรกมุกตลกโปกฮาตามฉบับมาร์เวลมาด้วย แต่มันอาจจะดูเหมือนตลกร้าย แต่ก็เป็นตลกร้ายที่ทำให้ขำได้ไม่ขาดสายแน่นอน และที่มาสร้างสีสันได้เป็นอย่างดีก็คือทอม ฮิลเดลตัน ที่มาเป็นคู่กัดกับธอร์เหมือนเดิม เหมือนพี่น้องทะเลาะกันทั่วไปเลยครับ จากเดิมที่ผมชอบโลกิอยู่แล้ว ภาคนี้ผมชอบมากกว่าเดิมอีก เพราะหนังกำลังทำให้เรารู้จักโลกิมากยิ่งขึ้น ในภาคแรกที่โลกิพยายามที่จะยึดบัลลังค์และมความแค้นต่อธอร์ มีความเย็นชาเหมือนไร้หัวใจ แต่ที่จริงแล้วโลกิเหมือนมีนิสัยชอบเก็บงำความรู้สึก ไม่แสดงออกให้เห็นถึงความอ่อนแอฉากสงครามที่มีมากขึ้นในภาคนี้แสดงให้เห็นถึงเนื้อเรื่องที่เข้มข้น แต่ฉากเครื่องบินที่บินกันเต็มน่านฟ้าแอสการ์ดคือความแอ็คชั่นแฟนตาซีที่ผู้กำกับเน้นความสวยงามเป็นพิเศษ แต่ก็ยังไม่สุดเท่าไหร่นักเครดิตภาพ Facebook Officialคะแนนเนื้อเรื่อง 9/10 หนังเข้มข้นขึ้นเพราะศัตรูตัวฉกาจที่ยากจะรับมือ และเราจะได้เห็นพี่น้องที่เคยตีกันกลับมาร่วมแรงร่วมใจอีกครั้ง ทำให้เสน่ห์ของหนังมีเพิ่มมากขึ้นเป็นเท่าตัว แต่ภาคนี้เราอาจจะไม่เห็นฉากโรแมนติคเท่าที่ต้องการ แถมหนังต้องการให้ครบทุกรสชาติเพื่อให้เกิดความดราม่ามากยิ่งกว่าเก่าโดยการที่มีตัวละครสำคัญตายคะแนนเอฟเฟคต์ 10/10 ภาคนี้หนังได้คะแนนเอฟเฟคต์เต็มไปเลยครับ หนังเน้นที่ความดาร์คของดวงดาว อารมณ์ดาร์คบลูนะครับ ไม่ได้ไซไฟแฟนตาซีโดดเด่น แต่ว่าภาพสวยถูกใจแน่นอน ฉากการต่อสู้ในต่างดาวคือจิตนาการใหม่ ๆ ที่ทีมงานต้องการสื่อนั่นเอง และสิ่งที่เป็นเสน่ห์ของเอฟเฟคต์ในภาคนี้คือซากปรักหักพังของยานอวกาศที่อยู่บนดาวที่ธอร์จะสู้กับศัตรูเครดิตภาพ Facebook Officialข้อคิดที่ได้จากภาพยนตร์1. โลกิผู้เย็นชาก็มีหัวใจ ภาคนี้โลกิต้องพบกับความสูญเสียคนที่เขารักที่สุด นั่นทำให้เราได้เห็นมุมอ่อนแอของโลกิว่าเขาก็มีหัวใจ มีความรักและความรู้สึก เพียงแค่เขาไม่ต้องการให้ใครเห็นความอ่อนแอ2. สายสัมพันธ์ของพี่น้อง ภาคนี้ธอร์และโลกิหันหน้ามาคุยกันในฐานะพี่น้องมากขึ้น ทำให้เราได้เห็นมุมที่อบอุ่นของทั้งคู่ เพราะทั้งคู่เคยตีกันในภาคแรก และภาคนี้ก็กลับมาร่วมมือกันสามัคคีกันครับภาคนี้หนังจะเน้นความดาร์คหน่อยนะครับ แต่หนังแฝงความเข้มข้นและสาระไว้หลาย ๆ อย่าง เราจะได้เห็นธอร์ชายหนุ่มที่มีความสุขุมนุ่มลึกมากกว่าเดิม เพราะภาคที่แล้วเขาใจร้อนและเกรียนเหลือเกินเครดิตภาพ Facebook Official