In My MemoriesPasta (2010)เก่าแต่ดีของ "กงฮโยจิน" ที่มีดีตรงความลงตัวของตัวละครและบทที่มีพัฒนาการด้วยความที่ดูไปบ่นไปชื่นชอบนักแสดงกงฮโยจินหรือที่เรียกกันสั้นๆว่าเจ๊กง และผู้เขียนก็ยินดีจะเรียกเธอว่าเจ๊แม้ว่าตัวผู้เขียนเองจะอายุมากกว่าแต่ว่าถ้ามีช่องทางใดที่จะลดอายุได้ก็ขอสักเล็กน้อย และการนี้สืบเนื่องมาจากการได้ดูซีรีส์ชั้นดีที่นับว่าเป็นจุดเปลี่ยนในชีวิตผู้เขียน เพราะหลังจากดูเรื่องนั้นผู้เขียนก็กลายมาเป็นคนดูซีรีส์เกาหลีแบบจริงจังหลังจากที่ก็พอดูได้แต่ไม่ถึงกับต้องดูทุกวันเช่นปัจจุบัน งานที่ว่านั้นคือ When The Camellia Blooms ที่ยอดเยี่ยมจนคว้ารางวัลไปมากมาย แน่นอนว่าหลังจากนั้นมาผู้เขียนก็ได้พยายามติดตามเสาะแสวงหางานเก่าของนางเอกกงฮโยจินเพื่อพิสูจน์เสน่ห์และพลังดาราว่าจะเป็นเช่นไร แล้วเมื่อเจอกับเรื่องนี้ที่ตอนที่ผู้เขียนตัดสินใจดูตอนนั้นเพราะความเก่าจึงอยากจะพิสูจน์ว่ากงฮโยจินเมื่อตอนนั้นเสน่ห์และการแสดงมีอะไรต่างไปจากตอนนี้หรือไม่ และสุดท้ายก็ได้พบงานที่ดูสนุกดูดีอีกเรื่องถ้าว่ากันที่เวลานั้นนี่คือเรื่องราวของซอยูกยอง (กงฮโยจิน) เบ๊ในครัวร้านอาหารอิตาเลี่ยนลา สเฟร่า สามปีที่อดทนเป็นเบ๊จนกำลังจะได้เลื่อนมาควงตะหลิวจับกะทะทำพาสต้าที่ใฝ่ฝัน แต่สวรรค์ก็ดันประทานเชฟคนใหม่นามว่าชเวฮยอนอุค (อีซอนคยุน) เข้ามา และการเข้ามาของเชฟชเวก็คือฝันร้ายเมื่อเขามาพร้อมทีมงานคู่ใจและเปลี่ยนแปลงครัวของลา สเฟร่าให้เป็นอย่างที่ต้องการด้วยการหาเรื่องไล่เชฟสตรีออกทั้งหมดแล้วหนึ่งในนั้นคือคนที่กำลังจะได้ลองทำตามฝันคือซอยูกยอง เพียงแต่ซอยูกยองสู้กลับด้วยการเข้าร่วมออดิชั่นการทำพาสต้าผ่านการช่วยเหลือของแขกลึกลับคิมซัน (อเล็กซ์ ชู) จนผ่านมาได้ ทำให้ซอยูกยองกลายเป็นเชฟหญิงเพียงคนเดียวในครัวที่เชฟชเวผู้อารมณ์ร้ายเป็นใหญ่และมีแต่ผู้ชาย แต่ความเจียมบอดี้ไม่มีจิตคิดร้ายของซอยูกยองกลับทำให้เชฟชเวตกหลุมที่เขาขุดไว้เมื่อหัวใจเขาเริ่มละลายเพราะซอยูกยองโดยไม่รู้ตัว แม้จะเป็นงานเก่าที่เมื่อดูตอนนั้นเรื่องนี้ออกฉายมาแล้วเป็นสิบปี แต่อย่างที่บอกไว้คือต้องการดูพัฒนาการการแสดงของกงฮโยจินจึงไม่ได้คาดหวังอะไรนัก แต่สิ่งที่ได้รับกลับเหนือคาดเพราะเวลาไม่ได้ทำให้แก่นและเนื้อหาของบทละครด้อยค่าลง บทที่ตั้งใจดึงอารมณ์ร่วมจากคนดูในเรื่องหลักยังคงแน่นตามาตรฐานไม่มีหลุด ทั้งยังมีพัฒนาการเห็นความเปลี่ยนแปลงของเหตุการณ์ที่จะสร้างพัฒนาการตัวละครที่สัมผัสได้ ดังเช่นเมื่อการมาของเชฟชเวที่คนดูจะมองเขาด้วยสายตาอีกอย่างและไม่เข้าใจ แต่เหตุการณ์ที่ผ่านไปตามเวลาก็ทำให้ความรู้สึกคนดูเปลี่ยนไปทีละน้อยโดยไม่รู้ตัว กระทั่งเมื่อรู้สึกก็กลายเป็นสงสารเห็นใจและรักในความเป็นเชฟชเว นั่นคือการสร้างหลุมพรางทางความรู้สึกแล้วค่อยๆให้พัฒนาการของเรื่องพาหัวใจคนดูไปได้เรื่อยๆอย่างแยบยล แต่ทั้งนี้ก็มีปัจจัยที่เป็นตัวแปรให้เห็นคือตัวละครเชฟโอเชยอง (ฮีฮานี) เรื่องหัวใจที่ดูเหมือนไปเรื่อยๆจึงกลายมาเป็นจับใจเมื่อคนบางคนได้รู้ใจตัวเอง จึงเป็นอุบายที่ร้ายกาจในการเขียนบทที่เนียนๆกับเรื่องรองรายทางที่มาเป็นปัจจัยทางหัวใจหรือเป็นจุดเปลี่ยนก็มีสีสันและทำให้เรื่องดูสนุก การที่เรื่องประดามีที่เข้ามามากำลังพอดีๆไม่ดูล้นเช่นเชฟโอเชยองที่อาจดูเหมือนนางร้ายแต่ก็ไม่ถึงกับเป็นนางอิจฉาเพราะอย่างน้อยยังเห็นที่มาของการกระทำและกระบวนการคิด หรือประเด็นเรื่องครอบครัวของซอยูกยองเกี่ยวกับพ่อที่เป็นพ่อครัวอาหารจีนแต่ลูกอยากเป็นเชฟอาหารอิตาเลี่ยนก็ไม่ได้ออกมาล้นจนรู้สึกว่าจงใจ กลับกันคือให้รู้สึกได้ว่าเป็นกองหนุนของความฝันและการทำตามฝันของตัวเอกและมันมาด้วยความพอดีเพาะการเลือกเรื่องมาเล่นมันพอดี แต่ถ้าจะให้ติดในใจคงเป็นเรื่องของมุมกล้องที่ดูรู้เลยว่านักแสดงไม่ได้ทำอาหารด้วยตัวเองแต่ยังมองเห็นการสวมบทบาทอยู่หน้าเตาได้ดีในระดับเชื่อได้ หรือจะเป็นเรื่องของประกอบฉากที่โดดมาโดดไปเช่นเรื่องการใช้รถกระทั่งตอนจบที่หาทางลงง่ายๆแม้จะลงตัว แต่เมื่อเรื่องดูสนุกสิ่งเหล่านี้ก็ไม่มีผลอะไรอีกส่วนที่มองเห็นจากการดูเรื่องนี้ที่เป็นงานเก่าผ่านเวลามากว่าสิบปี นั่นคือเรื่องของการเขียนบทที่ยังจับต้องได้ในความเป็นมนุษย์ในภาวะเป็นจริง นั่นหมายความว่าการเขียนบทละครของเกาหลีมีพื้นฐานที่แน่นมานาน มีการทำงานหนักในการค้นคว้าจนทำให้เรื่องในครัวและเรื่องอาหารอิตาเลี่ยนโดยเฉพาะเรื่องนี้คือพาสต้าออกมาดูสมจริง แต่สิ่งที่แปลกไปคงเป็นความแปลกตาเรื่องของงานด้านภาพหรือมุมกล้องอะไรแบบนี้ ที่คงติไม่ได้เพราะมันคือเรื่องของยุคสมัยและความเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี แต่ที่เห็นอย่างจริงจังคือการแสดงของนักแสดงเกาหลีที่เห็นการทำงานหนักเช่นกันเพื่อให้สวมความเป็นตัวละครในอาชีพที่จะเล่าและเรื่องนี้เล่าเรื่องของเชฟ และอีซอนคยุนก็คือเชฟที่เชื่อได้เลยว่าเชี่ยวชาญและการแสดงร่วมกับกงฮโยจินคือส่วนที่ดีที่สุด แต่กงฮโยจินมีดีกว่านั้นเพราะไม่ว่าเธอจะเข้าฉากร่วมกับใครก็ดูเนียนตาและด้วยความที่หน้าตาไม่ได้สวยแบบพิมพ์นิยมเลยเห็นว่าลงตัวที่สุดกับบทแบบนี้อีกคนที่เป็นการพบกันโดยบังเอิญเพราะได้ผ่านตางานของเธอมาคืออีฮานีหรือ Honey Lee แม้ที่ผ่านมาจะเห็นเธอในบทบาทรั่วๆเรื้อนๆจนกลายเป็นภาพติดตาแต่เมื่อย้อนกลับไปมองการแสดงในเรื่องนี้ที่เป็นอดีต ก็มองเห็นว่าเธอรับผิดชอบอารมณ์คนดูได้เพราะคนดูจะทั้งชังทั้งสงสาร แต่ก็มองเห็นว่าเธอไม่ค่อยเหมาะกับบทแบบนี้มาตั้งแต่ตอนนั้นที่อาจเพราะภาพจำหรือไม่ก็อาจเป็นได้เพราะหลังจากเรื่องนี้ก็ไม่ค่อยได้เห็นเธอรับบทแบบนี้ที่ดูเรียบร้อยไม่รั่วไม่ก๋ากั่น ส่วนที่เห็นแววและฉายพลังออกมาตั้งแต่ตอนนั้นและในปัจจุบันก็กลายเป็นหนึ่งในนักแสดงแถวหน้าคือชเวจินฮยอก แล้วเพราะบทที่ดูดีมีพัฒนาการที่เล่าผ่านงานสร้างที่ดูจริงจนไม่ต่างจากคนดูไปอยู่ในครัวที่แสนวุ่นวายนั้นจริง มีความรู้สึกร่วมกับตัวละครกับทุกความรู้สึกจริงโดยเฉพาะกับความรู้สึกของซอยูกยองของกงฮโยจินที่กำหนดอารมณ์คนดู จึงเป็นซีรีส์อีกเรื่องหนึ่งที่เวลาทำอะไรความทรงจำคนดูไม่ได้ ที่น่าชื่นชมอีกอย่างคือการเขียนบทที่มีเนื้อหาร่วมสมัย เพราะต้องไม่ลืมว่าเรื่องนี้ออกฉายมาแล้วสิบกว่าปีในยุคที่ยังไม่มีเทคโนโลยีชั้นสูงเหมือนปัจจุบัน ดังนั้นโจทย์ในตอนนั้นคงต้องตั้งไว้ที่ตัวบทต้องออกมาดูดีก่อน เรื่องจึงถูกเล่าโดยมิติทางบทละครเป็นตัวกำหนดไม่ต้องขายงานด้านภาพหรือเทคนิคที่แพรวพราว ทำให้ถ้าว่ากันที่เนื้อหาจะไม่เชยเพราะต่อให้มาดูตอนนี้จะยังรู้สึกไปกับตัวละครและสนุกมีส่วนร่วมไปกับเรื่อง แต่ที่จะแปลกตาคืออุปกรณ์เครื่องไม้เครื่องมือในตอนนั้นหรืออาจมองเห็นริ้วรอยความไม่เนียนตาเนียนใจในบางอย่าง นั่นเพราะสิบกว่าปีที่ผ่านมาหลังจากเรื่องนี้ออกฉายประสบการณ์ชีวิตคนดูได้ผ่านอะไรที่เลยจุดนั้นมามาก และแน่นอนได้ผ่านตาอะไรที่ดูเรียบร้อยกว่านี้มาเพราะพัฒนาการทางเทคโนโลยีและประสบการณ์ชีวิตของคนเขียนบทที่ได้เจออะไรมากขึ้น และสามารถเล่ามันออกมาผ่านบทละครในแบบของงานในปัจจุบันเท่านั้น แต่สำหรับเรื่องนี้เป็นข้อยืนยันว่าเกาหลีสร้างซีรีส์ที่ดีต่อใจได้ดีมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้วเป็นงานที่มอบความรู้สึกร่วมที่แรงมากเพราะถ้าท่านได้ดูจะมีวลีติดปากท่านตามมาว่า "เย่เชฟ"ดูไปบ่นไปNETFLIX ขอบคุณภาพประกอบภาพปก / ภาพที่ 1 / ภาพที่ 2 / ภาพที่ 3 / ภาพที่ 4 / ภาพที่ 5 / ภาพที่ 6 / ภาพที่ 7,8 จาก program.imbc.comหมายเหตุ ผู้เขียน "ดูไปบ่นไป" คือบุคคลเดียวกับ Facebook Fanpage ดูไปบ่นไปรวมบทความผลงานของ กงฮโยจิน โดยดูไปบ่นไปรีวิวจัดเต็ม When The Camellia Blooms : วันที่ดอกไม้เบ่งบาน (2019) คำพิพากษากับฟ้าหลังฝน มรสุมชีวิตกับความเรียบง่าย งดงามและจริงใจในความทรงจำ It's Okay , That's Love : ถ้ารักกัน...มันก็โอเค (2014) "ความงดงามของความรักที่ชนะได้แม้อาการป่วย"ในความทรงจำ Jealousy Incarnate (Don't Dare to Dream): รักเลยไม่ต้องฝัน (2016) เก่าแต่ดีของ "กงฮโยจิน" รอมคอมสดใสในมุมคมๆ ความรักและครอบครัว *STAR COVER"อย่ามัวแต่ดูมาดังกัน"*ทรูไอดีคอมมูนิตี้ ขอชวนทุกคนมาสนุกโคฟเวอร์ พร้อมลุ้นรับเงินรางวัลมูลค่ารวมกว่า 7,000 บาท (5 รางวัล) โคฟคนที่ใช่ ไลค์คนที่ชอบ`ร่วมสนุกได้ที่ ทรูไอดีคอมมูนิตี้ ห้อง cover บนแอปทรูไอดี`คลิกเลย >> https://ttid.co/UAnK/7y9jfqkqอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://bit.ly/3O1cmUQร่วมสนุกตั้งแต่วันที่ 10 มิถุนายน 2565 - วันที่ 3 สิงหาคม 2565