เลื่อน Youtube ไปเรื่อย ๆ แล้วอยู่ ๆ ก็รู้สึกสะดุดตากับชื่อหนึ่งมาก คือเพลง " คำอำลาในงานศพของฉัน " ตอนเห็นครั้งแรกรู้สึกตกใจเล็กน้อย เพราะปกติไม่ค่อยได้เห็นเพลงแนวนี้เท่าไหร่ แต่เมื่อลองฟังถึงได้ลองเปิดประสบการณ์สัมผัสความรู้สึกนึกคิดแบบใหม่ของวงการเพลง และก็เกิดรักเพลงนี้ขึ้นมา แต่ก็ไม่กล้าที่จะเปิดฟังมากนัก เพราะเนื้อหาเพลงค่อนข้างกระทบจิตใจมากสำหรับใครหลายคน แต่เป็นเพลงที่อยากให้ลองไปฟังและบอกเล่าความรู้สึกออกมาดูนะคะภาพ Chanel จาก Official Youtube CHANGHUM เพลงคำอำลาในงานศพของฉัน เป็นเพลงของ ช่างหำ วงนี้มักทำเพลงแนวนอกกระแส เพลงอื่นก่อนหน้าที่เคยฟัง เป็นเพลงสบาย ๆ ให้กำลังใจ เพลงรักเบา ๆ เช่น 50 กม. เพลงหน้าฝน แต่พอมาได้ฟังเพลงคำอาลาในงานศพของฉัน ไม่เคยคิดเลยว่าช่างหำจะทำเพลงแนวนี้ออกมา เปลี่ยนแนวความคิดเพลงก่อนหน้าของเราไปเลย ความรู้สึกแตกต่างจากทุกเพลงที่เคยฟังของช่างหำ เป็นความรู้สึกประหลาดใจและชื่นชมอย่างบอกไม่ถูกคำอำลาในงานศพของฉัน Version 1 เพลงคำอำลาในงานศพของฉัน เป็นดนตรีสบายแต่แฝงด้วยท่วงทำนองที่ให้ความรู้สึกดำดิ่งลึกลงไป ตัว MV ไม่มีอะไรเลยนอกจากทะเล และท้องฟ้า ท่อนแรกของเพลงคือ " คงเป็นวันสุดท้ายฉันคงไม่ได้บอกลา คงเป็นวันสุดท้ายที่ฉันไม่ได้ไปส่งเธอ ที่หน้าบ้านของฉัน " ฟังท่อนแรกประกอบกับดนตรีก็รู้สึกได้ถึงความหม่นของเพลง เพลงจะค่อย ๆ ไล่ระดับความดิ่งลงไปเรื่อย ๆ ท่อนหลักที่ร้องว่า " ไม่มีสิ่งใดสิ่งไหนที่จะหยุด ความรักมากเท่าไหร่ วันสุดท้ายฉันคงต้องไป " ความรู้สึกเหมือนเป็นการบอกลาที่พร้อมอยู่ก่อนแล้ว รั้งแค่ไหนก็คงต้องไป รักแค่ไหนก็รั้งไว้ไม่ได้ พอฟังเพลงนี้จบ จากที่อารมณ์ดีมาก ๆ อยู่ ๆ ก็จมดิ่งลงไปเลย รู้สึกหม่นลงในทันที เป็นเพลงที่เล่นกับความรู้สึกมาก ทั้งที่ดนตรีค่อนข้างสดใสอยู่ มีความรู้สึกเศร้าและอึดอัดโผล่ขึ้นมาจากความสดใสก่อนฟังเพลง จนต้องไปอ่าน Comment ซึ่งรุนแรงต่อความรู้สึกมาก แอบคิดเหมือนกันว่าคนเป็นโรคซึมเศร้าไม่ควรฟังเพลงนี้คำอำลาในงานศพของฉัน Version 2 เนื่องจาก Version หลักที่ทำออกมา มันดิ่งเกินไป เป็นเพลงที่ดี แต่อาจทำให้เกิดความหม่นหมองที่มากเกินไป ทางช่างหำจึงได้ทำ Version ที่ 2 ออกมา เป็นเนื้อร้องเดียวกันแต่ปรับดนตรีให้ใสขึ้น ทำนองเร็วขึ้น ให้เพลงดูสว่างขึ้น จากตัวแรกที่มืดดำลงไปเลย ตัวที่สองนี้จะเป็นคำอำลาที่สว่าง ให้ความรู้สึกเหมือน " ฉันต้องไปแล้วนะ ถึงฉันจะตั้งใจไม่ตั้งใจก็ไม่ต้องห่วง ฉันสบายดี สุดท้ายทุกคนก็ต้องตายนั่นแหละ " แต่กับตัวแรกให้ความรู้สึกว่า " ฉันไม่ไหวแล้ว ฉันอยากไป " ถึงแม้เพลงจะมีถึงสอง Version ถึงแม้ตัวแรกจะหม่นแค่ไหน ก็ไม่มีใครขอให้ลบออก ถือว่าเป็นเพลงที่ทรงอิทธิพลกับความรู้สึกมาก ที่สามารถเปลี่ยนอารมณ์คนได้ในพริบตา ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าจะได้ฟังเพลงอะไรที่ลึกซึ้งขนาดนี้ และความตายไม่ใช่เรื่องน่ากลัวเลยสำหรับเนื้อหาในเพลง แต่ก็ขอเตือนไว้ว่าใครเศร้ามาก ๆ ก็ไม่ควรฟังนะคะ แบบเราเก็บไว้เป็นเพลงที่ดี แต่แทบจะไม่เปิดฟังเลย