"ปราปต์ปฎล" ร่ำไห้เป็นห่วงพ่อ หลังมีข่าวเอี่ยว Forex-3D พร้อมเคลียร์ทั้งเรื่องเงิน และ รถหรู
จากกรณีที่นักแสดงดัง "ปราปต์ ปราปต์ปฎล สุวรรณบาง" ได้เข้าพบดีเอสไอ ในคดีฟอกเงิน พร้อมกับปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ล่าสุดวันนี้ (10 ต.ค 65 )่ ได้ออกมาพูดแถลงชี้แจงในกรณีที่ตนนั้นมีเอี่ยว และข้อกล่าวหามีส่วนร่วมในคดีฟอกเงินเชื่อมโยงแชร์ Forex-3D
ภาพจาก True Inside
ภาพจาก True Inside
ภาพจาก True Inside
โดย "ปราปต์-ปราปต์ปฎล สุวรรณบาง" ยืนยันว่าเงินในบัญชีของตนไม่เคยเกิน 3 ล้านบาท และรถหรูที่ถูกยึดไปนั้น ไม่ใช่รถของตนแต่เป็นรถของจิ๊กกี๋ที่เป็นภรรยาใหม่ของตน โดยเล่าถึงที่มาว่าปี 58 ได้รู้จักจิ๊กกี๋ก็คบกันสักพักก็จบกันไป จนปี 62 คุณจิ๊กกี๋ได้โทรมาและได้ติดต่อกัน จนมางานศพของพ่อคุณจิ๊กกี๋ ตนก็ไม่เห็นสามีของเขา ตนจึงได้ถามถึงสามีของเขาและเขาก็บอกว่าเลิกรากันไปนานแล้ว
หลังจากนั้นตนกับคุณจิ๊กกี๋ก็ได้ติดต่อมาพบเจอกันบ้างด้วยรถหรูคันดังกล่าวที่ถูกยึดไป และพอปี 63 ที่เกิดขึ้นท่วมใหญ่ คุณจิ๊กกี๋ก็ได้มาถามตนว่ามีที่จอดรถหรือไม่เพราะน้ำท่วม ตนก็เลยบอกไปว่ามาจอดที่บ้านเพื่อนตนก็ได้ จนมาอยู่วันหนึ่งมีคนนึงมางัดห้องและบอกว่าของในห้องถูกดีเอสไอยึดไป ซึ่งเรื่องนี้ได้มีการแจ้งความไว้ที่ สน.สุทธิสาร ซึ่งตอนนั้น Forex-3D เริ่มเกิดเรื่องขึ้นแล้ว ซึ่งเป็นช่วงที่คุณจิ๊กกี๋เลิกรากับคุณอภิรักษ์และอยู่ในขั้นตอนของการดำเนินการอยู่
พร้อมยืนยันว่า รถหรูคันไม่ได้มีการปกปิดทรัพย์สินอะไรเลย เพราะจอดไว้ที่โรงจอดรถหน้าบ้านเพื่อนตน ไม่ได้มีผ้าคลุมรถด้วยซ้ำ มองผ่านเข้าบ้านไปก็เห็น รวมถึงบ้านหรูที่จังหวัดราชบุรีก็ไม่ใช่ของตนด้วย
ภาพจาก True Inside
ภาพจาก True Inside
ภาพจาก True Inside
ภาพจาก True Inside
กับเรื่องที่เกิดขึ้น ตนถูกทางช่องยกเลิกงาน ทั้งที่ยังไม่มีข้อพิสูจน์เลยว่าตนมีความผิดจริง ตนไม่เคยเกี่ยวข้องอะไรกับ Forex-3D เลย โดยที่ผ่านมาไม่เคยออกมาพูดเรื่องนี้เลย และตอนนี้ได้รับผลกระทบอย่างมาก เพราะงานถูกยกเลิก ซึ่งรายได้มาจากการเป็นนักแสดงเพียงอย่างเดียว ซึ่งเมื่อเป็นเช่นนี้ตนจึงได้รับผลกระทบ เพราะตนจะตกงานแล้ว จึงจำเป็นและถึงเวลาที่ต้องออกมาพูดเรื่องนี้แล้ว
ทำไมสื่อมวลชนถึงพุ่งเป้ามาที่ตน หลังจากที่มีชื่อดารา ป. ทั้งที่ตนไม่เกี่ยวข้องหรือรู้เรื่องด้วยเลย แต่ก็ขอบคุณสื่อมวลชน เพราะทำให้ตนได้รู้ข่าวว่าถูกหมายเรียกมา 2 ครั้งแล้ว แต่ตนไม่เคยได้รับเลย จนเป็นที่มาว่าตนเข้าไปรับทราบข้อกล่าวหากับทางดีเอสไอในวันที่ 5 ตุลาคม ที่ผ่านมา
ยืนยันไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้เลย จะเกี่ยวก็แค่เรื่องเดียวคือขับรถหรูของคุณจิ๊กกี๋ในวันที่เขาป่วยเท่านั้นเอง และยืนยันว่ารู้จักคุณจิ๊กกี๋ดีพอ เพราะเขามาอยู่กับก็ดูแล ส่วนเขาเองก็ไม่อยากอยู่นิ่งๆ เพราะต้องเลี้ยงดูแม่เขาด้วย เพราะจากคนที่มีรายได้มาเป็นไม่มีรายได้ เขาก็พยายามหารายได้ทำขนมขาย ซึ่งตนยังรู้สึกตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้ว่าเขายังเป็นคนดี
ขณะนี้ตนเริ่มถูกบอกเลิกจ้างงานละครแล้ว 2 เรื่อง ถือว่าตกงานและรายได้หายไป การออกมาพูดครั้งนี้ของตนนั้น รู้สึกโล่งใจมากขึ้น และหวังว่าผู้ใหญ่ที่ช่องและผู้จัดจะเข้าใจและเห็นใจตนมากขึ้น ตอนนี้น้ำหนักลด 5 กิโลกรัม เจ็บคำทุกพูดและคำตัดสิน แต่สุดท้ายแล้วเมื่อความจริงปรากฎและมั่นใจในข้อมูลที่ตนพูดในวันนี้ก็มาร่วมกันแก้ไขให้สังคมเข้าใจ
ภาพจาก True Inside
ภาพจาก True Inside
พร้อมกล่าวทั้งน้ำตาด้วยว่า ตนจะไม่ปล่อยมือคุณจิ๊กกี๋ภรรยาอย่างแน่นอน โดยตนไปเยี่ยมน้องทุกวัน แม้จะไม่มีเวลา ก็จะปลีกเวลาไปให้ได้ เชื่อมั่นว่าจิ๊กกี๋เป็นคนดี และชีวิตตนเปลี่ยนไปมากตั้งแต่มีคุณจิ๊กกี๋เข้ามาในชีวิต อย่างเช่น ใจเย็นขึ้น เพราะตนเชื่อมั่นและอยากใช้ชีวิตคู่กับเขาจริงๆ
ขณะที่ที่ปรึกษาทางกฎหมายของ "ปราปต์ ปราปต์ปฎล" เผยว่า "ไม่เข้าใจเจตนารมย์ของดีเอสไอว่าเพราะเหตุใดถึงโยงคุณปราปต์เข้าไปเกี่ยวข้องกับคดี Forex-3D เนื่องจากไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรด้วยเลย ซึ่งถ้าจะพูดก็คงบอกได้ว่าคุณปราปต์ไม่ได้มีซีนอะไรในเรื่องนี้เลย ความสัมพันธ์ของคุณจิ๊กกี๋กับคุณปราปต์ด้วยว่า ตนอยู่ในเหตุการณ์ตลอด และยืนยันว่าช่วงคุณอภิรักษ์ที่เป็นสามีเก่าของคุณจิ๊กกี๋ถูกจับ ในขณะนั้นคุณจิ๊กกี๋ได้เลิกรากันไปแล้วและถึงได้มาคบหาอยู่กินกับทางคุณปราปต์ ซึ่งรถหรูคันดังกล่าวมาทราบทีหลังด้วยว่าคุณอภิรักษ์เป็นคนซื้อด้วยเงินสด"
ด้าน คุณศิริชัย ปิยะพิเชษฐกุล ทนายความที่ปรึกษาทางกฎหมายของคุณปราปต์ กล่าวว่าการจับกุมคดี Forex-3D นั้นตนเห็นด้วย แต่ต้องดูด้วยว่าคนที่จับไปเขาผิดหรือไม่ พร้อมกับบอกว่าตนกล้า การันตีให้กับคุณปราปต์ว่าบริสุทธิ์จริง พร้อมตำหนิการทำงานของทางดีเอสไอ และหลังจากนี้จะดำเนินคดีกับสื่อที่ไม่มีหลักฐานในการนำเสนอข่าวด้วย...
ภาพจาก True Insideภาพจาก True Inside
ภาพจาก True Inside