รีวิวหนัง "Train Dreams ทางรถไฟสายฝัน" ลำนำชีวิตชายตัดไม้..กับเส้นทางทางเดี่ยวไร้หมุดหมาย
ถึงแม้ว่าฤดูกาลหนังล่ารางวัลจะเริ่มขึ้นมาสักระยะเวลา แต่ก็ต้องบอกตรง ๆ ว่ายังไม่เจอคอนเทนท์ไหนที่โดดเด่นจัดจ้านออกมาอย่างเปล่งประกายสักเท่าไหร่ แต่ก็คาดหวังว่าในช่วงโค้งสุดท้ายของปีนี้ ความเข้มข้นของหนังสายรางวัลจะถูกยกระดับขึ้น เหมือนกับการมาของหนังดรามาเรื่องนี้ "Dream Trains ทางรถไฟสายฝัน" ที่กลายเป็นหนังชีวิตฟอร์มธรรมดา ๆ แต่เนื้อหานำพาแทรมซึมทะลุทะลวงเข้าไปถึงก้นบึงหัวใจของผู้ชมได้อย่างแตกฉาน
เรื่องราวชีวิตของชายรับจ้างตัดไม้ประจำฤดู อย่าง โรเบิร์ต เกรเนียร์ เขาที่มีชีวิตส่วนหนึ่งวนเวียนอยู่กับสร้างทางรถไฟข้ามฝั่งทวีปในอเมริกา แม้ว่าจะมีต้นกำเนิดชีวิตที่ไม่รู้จักแม้กระทั่งวันเกิดของตัวเอง แต่เมื่อเขาได้มีภรรยาและลูกสาวอยู่เคียงข้าง โลกใบเดิมที่เงียบงันของเขาก็ได้เปลี่ยนแปลงไป พร้อมกับย่างก้าวไปข้างหน้ากับวิถีชีวิตของโลกที่พัฒนาต่อเนื่องเรื่อย ๆ บนเส้นทางที่แตกต่าง ในแบบที่เขาต้องปรับตัวเข้ากับยุคสมัยของมัน
หนังเรื่องนี้ดัดแปลงสร้างมาจากนิยายขายดีระดับชนะรางวัลของ เดนิส จอห์นสัน ที่ได้ผู้กำกับหนุ่มไฟแรง "คลินต์ เบนต์ลีย์" ทำหน้าที่กำกับและร่วมเขียนบทหนังกับ "เกรก คเวดาร์" ซึ่งผลงานหนังเรื่องนี้นับว่าการสร้างหนังสตูดิโอชั้นแนวหน้าเรื่องแรกของเขา หลังจากที่เดบิวต์แจ้งเกิดมาจากหนังอินดี้วงการแข่งม้า อย่าง Jockey และเขียนบทหนังที่เคยชิงออสการ์มาก่อน อย่าง Sing Sing เมื่อไม่กี่ปีที่แล้ว ทำให้ Train Dreams เป็นอีกครั้งที่เขาได้ทำการละเลงรังสรรค์ผลงานผ่านวิสัยทัศน์ตัวเองได้อย่างเปล่งประกาย
จังหวะและโทนหนังเรื่องนี้อาจจะไม่ใช่หนังประเภทเชิงพาณิชย์ทั่วไป แต่ไม่ใช่หนังที่ดูยากหรือต้องตีความใด ๆ เยอะแยะ เพราะวิธีการเล่าเรื่องของหนังก็ลำเลียงไปตามเหตุการณ์ ราวกับบ่อยไปตามสายน้ำที่ไม่ไหลย้อนกลับไปทีละเรื่อย ๆ โดยที่มีเสียงบรรยายมาช่วยอธิบายและเป็นคำนำให้กับแต่ละเหตุการณ์ให้กระจ่างขึ้นอย่างกลมกล่อม หนังเจาะเข้าสู่ห้วงชีวิตที่แสนสันโดษของผู้ชายคนหนึ่ง ที่ต้องผ่านเหตุการณ์ต่าง ๆ มากมายบนเส้นทางชีวิตธรรมดา ๆ ของเขา โดยที่ผลลัพธ์ที่ออกมากลายเป็นว่าเป็นหนังที่ยิ่งดูยิ่งเหงา ยิ่งถลำลึกก็ยิ่งโดดเดี่ยวมากขึ้นเรื่อย ๆ
ไม่ประหลาดใจสักเท่าไหร่ ที่ Train Dreams จะกลายเป็นอีกหนึ่งทางเลือกของการเป็นนอมินีหนังสายรางวัลปีนี้ เพราะหลาย ๆ องค์ประกอบค่อนข้างส่งเสริมด้วยดี และขณะนี้หนังก็เริ่มตระเวนเก็บรางวัลจากเวทีต่าง ๆ ทั่วโลกกลับบ้านเป็นว่าเล่นอยู่ เพราะเนื้อหาในการสร้างงานชิ้นเต็มไปด้วยองค์ประกอบที่แตะถึงระดับล่ารางวัลได้สบาย ๆ ที่นอกจากลีลาการดัดแปลงบทหนังที่ทำออกมาได้พิถีพิถันและน่าหลงใหลดีอยู่แล้ว ยังเติมเต็มด้วยการดีไซน์มุมภาพมุมกล้อง ที่จัดจ้านด้วยการใช้แสงธรรมชาติเข้ามาเติมอารมณ์ของหนังได้อย่างเต็มเปี่ยม
โดยหนังเรื่องนี้เป็นการหวนกลับมาร่วมงานของ "อดอลโฟ เวโลโซ" ช่างภาพหนุ่มฝีมือดีที่เคยทำงานกับผู้กำกับผู้นี้มาแล้วใน Jockey และยังดึงตัวมือตัดต่อหนังอนาคตไกล "พาร์คเกอร์ ลาราไม" มาช่วยร้อยเรียงหนังเรื่องนี้ได้อย่างมีรสชาติและมีกิมมิกที่ชวนถวิลหา กับอีกหนึ่งองค์ประกอบที่ต้องกล่าวถึงเช่นนั้น ก็คือการออกแบบเสื้อผ้าหน้าผมในหนังเรื่องนี้ ลงรายละเอียดได้อย่างเฉียบขาด ผ่านไทม์ไลน์สไตล์การเปลี่ยนผ่านช่วงเวลาที่แสนคมคาย และงานประพันธ์บทเพลงของ "ไบรซ์ เดสเนอร์" (จาก The Revenant) ก็พรรณาได้กินใจ นับว่าเป็นการรวมตัวของกลุ่มนักสร้างหนังเจนวายที่โดดเด่นเข้ากันอย่างกลมกล่อม
อีกส่วนหนึ่งที่ขาดไปได้เลยก็คือการแสดง Train Dreams คงจะกลายเป็นหนึ่งในผลงานการแสดงที่ยอดเยี่ยมที่สุดอีกชิ้นหนึ่งในอาชีพของ "โจล เอ็ดเกอร์ตัน" ที่เราหวังใจว่าครั้งนี้น่าจะเป็นครั้งแรกที่เขาน่าจะมีโอกาสได้ทะลุไปถึงการเข้าชิงรางวัลออสการ์ เพราะทุกองค์ประกอบของหนังเรื่องนี้ไปได้ดีกับทิศทางการแสดงที่เขาแบกรับมันเอาไว้ตลอดทั้งเรื่องนี้ได้อย่างเต็มเปี่ยมในแบบที่มืออาชีพเขาทำกัน บทหนังส่ง นักแสดงก็ส่ง ทำให้มิติของตัวละครนี้ได้รับการถ่ายทอดออกมาที่น่าสนใจดีตลอดทั้งเรื่องเลยก็ว่าได้
Train Dreams ยังมีทีมนักแสดงสมทบที่จัดจ้านอยู่หลายคนไม่น้อย แม้ว่าแอร์ไทม์จะไม่ได้เยอะสักเท่าไหร่ แต่การปรากฏตัวของพวกเขาก็ล้วนแต่มีความหมายและแฝงด้วยไปการแสดงที่ตกผลึกไปด้วยมิติที่ชวนว้าว ไม่ว่าจะเป็น "เฟลิซิตี โจนส์", "คลิฟตัน คอลลินส์ จูเนียร์", "เคอร์รี คอนดอน" หรือ "วิลเลียม เอช. มาซีย์" เป็นคาแรกเตอร์เสริมแทรกที่ส่งเสริมพลังในส่วนการแสดงได้อย่างเปล่งประกายได้อีกส่วนหนึ่งอย่างทรงพลังทีเดียว
ดังนั้นโดยภาพรวมแล้ว Train Dreams กลายเป็นหนังดรามาระดับซิวรางวัลที่ค่อนข้างเจิดจรัสในแง่คุณภาพ ที่อาจจะเป็นแค่เพียงหนังชีวิตธรรมดา ๆ ไมได้หวือหวาฉูดฉาดใด ๆ แต่ในความธรรมดานั้นก็เต็มไปด้วยพลังที่ขับเคลื่อนหนังได้อย่างเหมาะเจาะทุกองค์ประกอบ โปรดักชันงานสร้างค่อนข้างส่งเสริมการเป็นหนังรางวัล พล็อตเรื่องที่อาจจะไม่ได้แปลกใหม่ แต่เต็มไปด้วยมิติที่กัดแทะอารมณ์ผู้ชมให้ได้เปล่าเปลี่ยวถึงแก่นแท้ ยิ่งมาเสริมด้วยการแสดงระดับมืออาชีพของแคสติ้งระดับดรีมทีม กลายเป็นว่านี่คือหนังชีวิตที่ดูเหมือนจะไม่มีอะไร แต่กลับได้แง่คิดและพลังกลับไปอย่างคาดไม่ถึงเลย
ข้อมูลเกี่ยวกับหนัง Train Dreams ทางรถไฟสายฝัน
- ประเภท: ดรามา
- ผู้กำกับ: คลินท์ เบนต์ลีย์
- นำแสดงโดย: โจล เอ็ดเกอร์ตัน, เฟลิซิตี โจนส์, คลิฟตัน คอลลินส์ จูเนียร์, เคอร์รี คอนดอน
- ความยาว: 102 นาที
- กำหนดฉายในไทย: 21 พฤศจิกายน 2025 (ที่ Netflix)
Movie.TrueID METRIC: Train Dreams ทางรถไฟสายฝัน
- ภาพรวม
⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐✰✰ (8.4/10) - การเล่าเรื่อง
⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐✰✰✰ (7.8/10) - การแสดง
⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐✰✰ (8.8/10) - เทคนิคงานสร้าง
⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐✰✰ (8.3/10) - บทภาพยนตร์
⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐✰✰ (8.5/10)
ห้ามพลาด! แพ็กเกจ True 5G Super Netflix เอาใจคนรักความบันเทิงสนุก
กับการดู Netflix ได้คมชัดทุกจอ เริ่มต้นแค่เพียง 499 บาท/เดือน คลิกเลย!
-------------------------------------
>> ดูหนังออนไลน์ได้ที่ Movie.TrueID <<
หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับทรูไอดีสามารถเข้าไปได้ที่ TrueID Help Center เป็นช่องทางใหม่ที่ให้ข้อมูลและการแก้ไขปัญหาเบื้องต้นเกี่ยวกับทรูไอดี คลิกเลย >> https://bit.ly/3xEgdAa