"One Battle After Another" เสี่ยงขาดทุนระดับร้อยล้าน กอดคอกลุ่มหนังหวังรางวัลที่พากันแป้ก

ดูเหมือนว่าบรรยากาศบ็อกซ์ออฟฟิศโดยภาพรวม ไล่มาตั้งแต่ปลายเดือนกันยายนจนมาถึงเดือนตุลาคมปีนี้ จะค่อนข้างกลับมาเงียบเหงาซบเซาอีกครั้ง ที่บรรดาผู้ประกอบการโรงภาพยนตร์ในอเมริกาต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเป็นช่วงเวลาที่ 'เงียบเป็นเป่าสาก' เพราะคอนเทนท์หนังใหม่ ๆ ที่เป็นตัวเลือกของผู้ชมในช่วงนี้ไม่ค่อยมีสิ่งที่น่าดึงดูดใจสักเท่าไหร่ โดยเฉพาะกลุ่มก้อนหนังหวังรางวัลที่เริ่มทยอยเปิดตัวฉายกันแล้ว ทั้งในรูปแบบฉายวงกว้างและฉายแบบวงจำกัด กลับพบว่ามีหลายเรื่องที่ออกสตาร์ทกับตัวเลขรายได้ที่ค่อนข้างน่าผิดหวัง

"One Battle After Another" ผลงานหนังขวัญใจนักวิจารณ์ที่ได้คะแนนรีวิวแบบสูงลิบ แต่ดูเหมือนว่าจะฉายผิดที่ผิดเวลาไปสักนิด เพราะผลงานหนังเรื่องล่าสุดของผู้กำกับ "พอล โธมัส อันเดอร์สัน" เรื่องนี้กำลังเผชิญหน้ากับอุปสรรคความเสี่ยงที่จะขาดทุนแบบเจ็บตัวพอสมควร นี่คือหนังเรื่องสุดท้ายของปีจากสตูดิโอ วอร์เนอร์ บราเธอร์ส ที่สะสมแต้มบุญดีด้ายรายได้มาตลอดทั้งปี แต่กลายเป็นว่าเจ็บตัวสุด ๆ กลับเรื่องทิ้งท้ายเรื่องนี้

นักวิเคราะห์บ็อกซ์ออฟฟิศมองว่า One Battle After Another มีความเสี่ยงจะขาดทุนไม่ต่ำกว่า 100 ล้านเหรียญ สำหรับการเข้าฉายในโรงภาพยนตร์ทั่วไป เนื่องจากหนังเรื่องนี้ใช้ทุนสร้างไป 130 ล้านเหรียญ บวกกับงบประมาณประชาสัมพันธ์ราว ๆ 70 ล้านเหรียญ และกฎกลไกส่วนแบ่งรายได้ในตลาดแบบ 50-50 ระหว่างค่ายหนังกับโรงหนัง นั่นเท่ากับว่าหนังจะต้องทำเงินให้มากกว่า 300 ล้านเหรียญขึ้นไปให้ได้ จึงจะถือว่าไม่ขาดทุน แต่ปัจจุบันหนังเพิ่งทำเงินทั่วโลกไปได้ที่ 140 ล้านเหรียญเท่านั้น

แต่อย่างไรก็ตาม One Battle After Another ก็ยังเป็นหนังที่วอร์เนอร์ฯ เลือกที่จะเดินหน้าทำแคมเปญผลักดันสู่เวทีรางวัลต่าง ๆ ในช่วงปลายปีนี้ไปจนถึงต้นปีหน้าอย่างมั่นใจ ซึ่งหากว่าหนังเรื่องนี้เข้าตากรรมการสู่การชิงชัยรอบลึก ๆ ก็มีโอกาสที่หนังจะได้ยืนโรงฉายแบบยาว ๆ แม้ว่าสถานการณ์ในตอนนี้จะไม่ค่อยจะสู้ดีเท่าไหร่ แต่อย่างน้อย ๆ ปีนี้ค่ายหนังยักษ์ใหญ่แห่งนี้ก็ยังยิ้มได้ กับสถิติรายได้ที่กวาดทะลุ 4 พันล้านเหรียญไปอย่างน่าประทับใจแล้ว

"The Smashing Machine" หนังชิมลางการแสดงระดับล่ารางวัลเรื่องแรกของ "ดเวย์น จอห์นสัน" ก็น็อกเอ้าท์ เพราะกลายเป็นว่าไม่สามารถดึงดูดแฟน ๆ เดอะร็อกมาดูได้เลย ล่าสุดหนังเพิ่งทำเงินทั่วโลกไปได้แค่ 12 ล้านเหรียญ กับตัวเลขลดลงฮวบที่อเมริกาในสัปดาห์ที่ 2 ของการฉาย ที่ตกลงไปเกือบ -70% ทำให้ความหวังในการโลดแล่นสู่เวทีรางวัลต่าง ๆ ของเดอะร็อกค่อนข้างหรี่แสงลงไปน่าเสียดายด้วย เพราะหนังเรื่องนี้ใช้ทุนสร้างค่อนข้างสูงถึง 50 ล้านเหรียญ แม้ว่าจะเป็นหนังดรามาหวังรางวัล

เช่นเดียวกับ "Roofman" หนังดรามาขายการแสดงของ "แชนนิง เททั่ม" ที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อสุดสัปดาห์ก่อน แต่ทำเงินออกสตาร์ทแค่เพียง 8 ล้านเหรียญ ที่ถือว่าน้อยกว่าที่คิดเอาไว้ ไม่ต่างกับ "Kiss of the Spider Woman" หนังมิวสิคัลหวังรางวัลที่นำแสดงโดย "เจนนิเฟอร์ โลเปซ" ซึ่งใช้ทุนสร้างไประดับ 34 ล้านเหรียญ แต่เปิดตัวได้จอดสนิทกับรายได้ไม่แตะหลักล้านเหรียญ กลายเป็นการตอกฝาโลงไม่ให้ตัวแม่ได้ย่างก้าวไปสู่เวทีออสการ์อีกเรื่องเช่นกัน

แม้กระทั่งหนังบล็อกบัสเตอร์ภาคใหม่ อย่าง "Tron: Ares" ที่เพิ่งเปิดตัวไปหมาด ๆ ก็นับว่าเป็นการออกสตาร์ทที่ค่อนข้างไม่หวือหวาเท่าไหร่ กับตัวเลขเปิดตัวที่ 33 ล้านเหรียญในบ้าน ผิดความคาดหมายที่หลาย ๆ ฝ่ายมองว่าจะทำได้สูงกว่านี้ กับสถานการณ์วิเคราะห์ล่าสุดที่มีสื่อชื่อดังได้สำรวจออกมาและพบว่าหนังแทบไม่ได้เป็นที่สนใจของคอหนัง และเป็นเฟรนไชส์หนังที่แทบจะไม่มีใครรอติดตามหรือแคร์ว่าจะทำรีบูตออกมาใหม่อีกต่อไปแล้ว กลายเป็นโจทย์ที่ท้าทายการสร้างหนังในยุคนี้มาก ๆ

Source: Variety

-------------------------------------

>> ดูหนังออนไลน์ได้ที่ Movie.TrueID <<

หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับทรูไอดีสามารถเข้าไปได้ที่ TrueID Help Center เป็นช่องทางใหม่ที่ให้ข้อมูลและการแก้ไขปัญหาเบื้องต้นเกี่ยวกับทรูไอดี คลิกเลย >> https://bit.ly/3xEgdAa