แม้เวลาจะผ่านเลยไปเนิ่นนาน แต่ก็ไม่สามารถปฏิเสธได้ว่าภาพยนตร์ "Harry Potter" ยังคงเป็นสุดยอดภาพยนตร์ตลอดกาลที่ครองใจแฟนหนังทั้งเด็กและผู้ใหญ่ตั้งแต่อดีตจวบจนปัจจุบันเป็นจำนวนไม่น้อย แต่อย่างไรก็ตามหนังเรื่องนี้เป็นภาพยนตร์ลิขสิทธิ์ที่หาดูได้เพียง 2 แหล่งเท่านั้น นั่นก็คือ เว็บไซต์หรือแอพริเคชันทรูไอดี และ Apple TV ถือเป็นภาพยนตร์ที่ควรค่าแก่การดู เนื่องจากเป็นมากกว่าสื่อที่ให้ความสนุกสนาน แต่ยังสอดแทรกไปด้วยปรัชญาชีวิตและข้อคิดจากวิถีชีวิตของแต่ละตัวละครใน position ต่างๆ อย่างมากมาย ภาพยนตร์ "Harry Potter" นั้น ประกอบไปด้วยเนื้อหา 7 ภาคด้วยกัน แต่ด้วยเนื้อเรื่องของภาคสุดท้ายนั้นมีความยาวกว่าภาคอื่นๆ เมื่อนำมาทำเป็นภาพยนตร์แล้ว จึงถูกตัดแบ่งการถ่ายทำออกเป็น 2 ตอน ทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้ ประกอบไปด้วย เนื้อเรื่อง 7 ภาค กับหนัง 8 เรื่อง นั้นเอง สำหรับบทความนี้ ผู้เขียนจะขอนำเสนอ "ความต่างหรือความเหมือนของโลก 2 ใบที่หนังเรื่อง Harry Potter ให้กับเรา" มาเริ่มกันเลยค่าา ♥♥♥ภาค1 : Harry Potter and the Sorcerer's stone(แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับ ศิลาอาถรรพ์) สำหรับภาค1นี้ เป็นอะไรที่เปิดโลกมากๆ เลยค่ะ ทำให้เราได้เห็นความแตกต่างระหว่างโลกเวทมนตร์และโลกของมักเกิ้ล ว่ามันช่างแตกต่างกันมากเหลือเกิน ทั้งด้านวิธีชีวิตและด้านอาหารการกิน สังเกตได้จากตอนที่ แฮร์รี่และรอน เจอกันครั้งแรกที่โบกี้รถไฟ "Hogwarts Express" รอนปฏิเสธการซื้อขนมจากรถเข็น แต่แฮร์รี่นั้นกลับเหมาหมดทั้งรถเข็นซะงั้น..!? อย่างไรก็ตาม ทั้งคู่ก็เพลิดเพลินไปกับการลิ้มลองรสชาติขนมของโลกพ่อมด แน่นอนว่านี่เป็นครั้งแรกของแฮร์รี่กับการลิ้มรสขนมสุดแปลกที่เขาไม่เคยกินที่ไหนมาก่อน เพราะมันไม่มีในโลกมักเกิ้ลยังไงล่าาา และเขาก็ไม่รอรีที่จะแบ่งมันให้แก่รอนด้วย ฉากนี้นับเป็นการเริ่มมิตรภาพที่ดี ระหว่างรอนกับแฮร์รี่ เลยก็ว่าได้ค่ะ นอกจากนี้ความแตกต่างระหว่างโลกพ่อกับโลกมักเกิลนั้นก็ยังมีอีกมากมายค่ะ ไม่ว่าจะเป็น เรื่องของ "ยานพาหนะ" "อาชีพ" และที่น่าสนใจสุดๆก็คือ "สัตว์เลี้ยง" ค่ะ และสิ่งต่างๆ ที่กล่าวมานั้น ฝั่งโลกเวทมนตร์ก็ล้วนจะล้ำหน้าพวกมักเกิ้ลไปมากค่ะ เนื่องจากทุกสิ่งสามารถบันดาลให้เกิดได้โดยศาสตร์แห่งเวทย์นั่นเอง ในขณะที่ฝั่งชาวมักเกิ้ลเรา ยึดเอาหลักเหตุผลและหลักวิทยาศาสตร์มาใช้ ทำให้วิทยาการต่างๆ ล้วนต้องใช้เวลาในการพัฒนา ซึ่งกว่าจะก้าวขึ้นมาสู่ความรุ่งโรจน์เทียบเท่าหรือใกล้เคียงกับโลกพ่อมด ราวกับใช้มนตร์ คาถา กำกับได้เนี่ย ก็ใช้เวลานานมากๆ อาจเป็นปีหรือร้อยๆ ปีเลยก็ว่าได้ค่ะภาค2 : Harry Potter and the Chamber of Secrets(แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับ ห้องแห่งความลับ) สำหรับภาคที่2 นี้ พูดถึง การถูกเปิดขึ้นอีกครั้งของห้องแห่งความลับ ห้องที่ถูกปิดตายมาหลายสิบปีหลังจากที่มีคนเปิดมันได้ ย้อนไปครั้งก่อนกาล เด็กชายคนหนึ่ง เป็นลูกครึ่งพ่อมดกับเผ่าพันธุ์ยักษ์ ชื่อของเขาคือ "รูบิอัส แฮกริด" มีลักษณะนิสัยชอบเลี้ยงสัตว์เอามากๆ เขาชอบสัตว์ทุกชนิดบนโลกใบนี้ แล้วยิ่งถ้าเป็นสัตว์เวทมนตร์ล่ะก็.....แฮกริด คนนี้ สู้ไม่ถอยที่จะดูแล รักษาและปกป้องสัตว์ตัวนั้นแน่นอนค่ะ และด้วยอุปนิสัยรักสัตว์ของเขานี่แหละ ทำให้ชีวิตของเขาไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป พูดถึงเรื่อง "สัตว์เลี้ยง" โลกเวทมนตร์ก็ไม่น้อยหน้าโลกมักเกิ้ลนะคะ เห็นว่าเป็นพ่อมด แม่มด แบบนี้ ก็ยังต้องการสัตว์เลี้ยงคู่ใจ คอยเป็นทั้งเพื่อนคลายเหงาและเป็นผู้ช่วยในยามคับขันเหมือนกันค่ะ แต่ขึ้นชื่อว่าโลกเวทมนตร์ สัตว์เลี้ยงของเหล่าผู้วิเศษจะธรรมดาได้อย่างไรกันคะ แน่นอนว่าเด็กนักเรียนปี1 ทุกคนต้องมีสัตว์เลี้ยงประจำตัว บ้างก็เลือก แมว บ้างก็เลือก นกฮูก บ้างก็เลือกสัตว์เลี้ยงสุดแปลกอย่าง คางคก หนู เป็นต้นค่ะ แต่สำหรับพ่อมด แม่มด ที่อายุมากขึ้น พ้นจากสถานะนักเรียนแล้ว ก็มักจะมีสัตว์เลี้ยงที่แปลกออกไปกว่าสัตว์เลี้ยงขั้นเริ่มต้นอย่างเด็กปี1 มาก ไม่ว่าจะเป็น มังกร ฮิปโปกริฟ งู หมาสามหัว หรือแม้กระทั่งสัตว์ที่ดูจะไม่น่าเลี้ยงสักเท่าไรอย่าง แมงมุม หรือ เจ้าอารากอส สัตว์เลี้ยงของแฮกริด ผู้ซึ่งทำให้เขาถูกไล่ออกจากโรงเรียนเวทมนตร์คาถาพ่อมดแม่มดฮ็อกวอตส์นั่นเองค่ะ ภาค3 Harry Potter and the Prisoner of Azkaban(แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับ นักโทษแห่งอัซคาบัน) ภาคที่3 "นักโทษแห่งอัซคาบัน" เรียกได้ว่าเป็นภาคแรกที่ความจริงหลายๆ อย่างจะถูกเปิดเผย และยังเป็นการปรากฏตัวครั้งแรกของเหล่าแก็งเพื่อนของ "เจมส์ พอตเตอร์" พ่อของ แฮร์รี่ อีกด้วย ไม่ว่าจะเป็น " ซีเรียส แบล็ค " , " รีมัส รูปิน " และ " ปีเตอร์ เพ็ตตีกรูว์ " ในภาคนี้ยังมีเรื่องของศาสตร์การแปลงร่างเข้ามาเกี่ยวข้องอีกด้วยค่ะ เนื่องจาก แก็งพ่อ ของแฮร์รี่ เป็นสุดแสบแห่งรุ่น ของนักเรียนฮ็อกวอตส์ มาก่อน พวกเขาจึงกล้าที่จะทำหลายๆ อย่าง ซึ่งนักเรียนคนอื่นไม่ค่อยจะทำกันสักเท่าไร พวกเขาร่วมกันสร้างสิ่งของเวทมนตร์ขึ้นมาชิ้นหนึ่ง เรียกว่า "แผนที่ตัวกวน" โดยมันจะระบุตำแหน่งของทุกคนในฮ็อกวอตส์ เพื่อให้ทราบถึงความเคลื่อนไหวของคนในโรงเรียน พวกเขาจะได้ดูลาดลเลาได้ง่ายขึ้นนั่นเอง อีกทั้ง 3 คนในกลุ่มนี้ยังใจกล้าแปลงร่างเป็นแอนิเมจัส เพื่อคอยอยู่เป็นเพื่อน และ ดูแลเพื่อน 1 คนในกลุ่มของเขา ขณะที่กลายร่างเป็นหมาป่า โดยไม่เกรงกลัวถึงความดุร้ายของมนุษย์หมาป่าอีกด้วย เรื่องของศาสตร์การแปลงร่างนั้น ฝั่งโลกมักเกิ้ลและโลกเวทมนตร์ต่างกันอย่างสิ้นเชิง สำหรับโลกเวทมนตร์แล้ว เรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับการแปลงร่างนั้นมี 3 แบบ ด้วยกัน ได้แก่ แอนิเมจัส หมายถึง การแปลงร่างเป็นสัตว์ใดๆ ซึ่งยังมีชีวิตจิตใจเป็นคนคนเดิมอยู่ วิธีการที่จะได้เป็นแอนิเมจัสนั้นยากมากๆ ต้องใช้เวลาและความอดทนสูง เราจึงไม่ค่อยเห็นพ่อมด แม่มด ส่วนใหญ่เป็นแอนิเมจัสกันมากสักเท่าไร (ตัวอย่างแอนิเมจัส - เจมส์ พอตเตอร์ เป็น กวางตัวผู้ , ซีเรียส แบล็ค เป็น หมาดำ , ปีเตอร์ เพ็ตตีกรูว์ เป็น หนู , มิโนวา มักกอนนากัล เป็น แมวลายสีเทา , ริต้า สกีตเตอร์ เป็น แมลงปีกแข็ง) , เมตามอร์ฟเมกัส หมายถึง การแปลงร่างเลียนแบบสัตว์ต่างๆ เพียงอวัยวะใด อวัยวะหนึ่งได้ทันที มักได้มาแต่กำเนิด ไม่สามารถฝึกฝนได้ (ตัวอย่างเมตามอร์ฟเมกัส - นิมฟราดอร่า ท็องส์ , เท็ดดี้ ลูปิน) และ มาเลดิกตัส หมายถึง การแปลงลางจากการถูกสาปผ่านสายเลือด เป็นมาต้องแต่กำเนิด ซึ่งเมื่อเวลาผ่านไปคนที่เป็นมาเลดิกตัสจะค่อยๆ กลายร่างเป็นสัตว์ที่ถูกสาปเรื่อยๆ จนกระทั่งวันหนึ่ง เขาจะเป็นสัตว์นั้นไปตลอดกาล ไม่สามารถกลับมาเป็นคนได้อีก (ตัวอย่ามาเลดิกตัส - นากีนีหรืองูของวอเดอมอร์ นั่นเอง) ส่วนอีกสิ่งหนึ่งที่คนมักเขาใจผิดกันมากๆ คือ มนุษย์หมาป่า เนื่องจากมนุษย์หมาป่า เกิดจากการถูกสาปและไม่สามารถพ้นจากคำสาปนั้นได้ สามารถอยู่ในร่างมนุษย์ได้ก็จริง แต่เมื่อถึงคืนพระจันทร์เต็มดวง ผู้นั้นจะต้องกลายร่างเป็นมนุษย์หมาป่า ไม่สามารถบังคับหรือควบคุมตัวเองได้ จึงไม่จัดเป็นการแปลงร่างนั่นเองภาค4 Harry Potter and the Goblet of Fire(แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับ ถ้วยอัคนี) สำหรับภาค4 พูดถึงการแข่งขันกีฬาไตรภาคี ของโรงเรียนที่สอนศาสตร์เวทมนตร์ขนาดใหญ่ ถึง 3 โรงเรียน อันได้แก่ ฮ็อกวอตส์(อังกฤษ) , เดิร์มสแตรงก์(ตอนเหนือของยุโรป) และ โบซ์บาตง(ฝรั่งเศส) ซึ่งการแข่งขันนี้เป็นการแข่งขันเพื่อกระชับมิตร กระชับสัมพันธ์ของทั้ง 3 โรงเรียนให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น และเพื่อเฟ้นหาสุดยอดผู้ชนะที่แข็งแกร่งพอที่จะผ่านด่านการทดสอบสุดโหด มหาหินไปได้ เรื่องราวที่กล่าวมาข้างต้นนั้น หากเป็นโลกของมักเกิ้ลแล้ว ก็คงเปรียบได้กับการแข่งกันกีฬาสี หรือ กีฬาจังหวัด หรือกีฬาโอลิมปิกก็ว่าได้ เนื่องจากมีความเชื่อมโยงระหว่างคนจำนวนมาก ด้วยสิ่งเร้าสิ่งเดียวกัน ในที่นี้ คือ การแข่งกีฬา นั่นเอง แต่สำหรับการแข่งขันของฝั่งโลกเวทมนตร์นั้น เรียกได้ว่าโหดกว่าฝั่งโลกมักเกิ้ลมาก ทุกอย่างถูกบันดาลด้วยมนตร์ คาถา ทุกๆด่านของกีฬาไตรภาคีสามารถคร่าชีวิตผู้เข้าแข่งขันได้เสมอ มีข่าวเศร้าอยู่ไม่น้อยที่เขียนเกี่ยวกับการจากไปของผู้เขาแข่งขันการประลองเวทย์ ไตรภาคี และก็ยังมีข่าวอยู่ไม่น้อยเช่นกันที่เขียนเกี่ยวกับผู้ชนะการประลองและการเฉลิมฉลองของโรงเรียนที่รับชัยชนะไปครองได้สำเร็จ หากเป็นโลกมักเกิ้ลแล้วล่ะก็ จะไม่มีกีฬาใดที่เล่นแล้วถึงตายอย่างแน่นอน จริงมั้ยคะ...!? ☻ภาค5 Harry Potter and the Order of the Phoenix(แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับ ภาคีนกฟีนิกซ์) ภาคที่ 5 นี้ เป็นความโกลาหลครั้งยิ่งใหญ่ที่เกิดขึ้นกับฮ็อกวอตส์ กระทรวงเวทมนตร์หรือแม้กระทั่งตัวของ แฮร์รี่ พอตเตอร์ เองก็ตาม เนื่องจากดัมเบิลดอร์และแฮร์รี่เชื่อว่าเจ้าแห่งศาสตร์มืดกำลังจะกลับมา แต่รัฐมนตรีกระทรวงเวทมนตร์ไม่คิดอย่างนั้น เขาไม่เชื่อว่าเจ้าแห่งศาสตร์มืดจะกลับมา มิหนำซ้ำยังคิดว่าตนกำลังจะถูกหักหลังและยึดเก้าอี้รัฐมนตรีไป โดยดัมเบิลดอร์อีกด้วย เพราะเหตุนี้ รัฐมนตรีกระทรวงเวทมตร์ หรือ ฟัดจ์ จึงส่งโดโรเรส อัมบริดจ์ มาควมคุมฮ็อกวอตส์ เขี่ยดัมเบิ้ลดอร์ออกไปให้พ้นทางและบริหารจัดการโรงเรียนภายใต้อำนาจของอัมบริดจ์ ทำให้กลุ่มปฏิบัติการลับ "กองกำลังของดัมเบิ้ลดอร์" ก่อกำเนิดขึ้น และ "กลุ่มภาคีนกฟินิกส์" มีลมหายใจขึ้นอีกครั้ง สำหรับเรื่องราวของภาคที่ 5 นี้ ทั้งฝั่งโลกมักเกิ้ลและโลกพ่อมด ค่อนข้างที่จะไปในทิศทางเดียวกันเลยค่ะ แก่นของเรื่องนี้ หลักๆ เลย ก็จะชูเรื่องของการบริหารและความรัก ความซื่อสัตย์ให้หน้าที่ เห็นมั้ยคะ ไม่ว่าจะโลกเวทมนตร์ โลกมักเกิ้ล หรือ โลกไหนๆ ก็ยังมีเรื่องของอำนาจและการคดโกงมาเกี่ยวข้องด้วยเสมอ ความยึดติดในอำนาจของฟัดจ์ ทำให้เขาเกิดความหวาดระแวงต่อความสิ้นหวังและใช้อำนาจในทางที่ผิด ความฉลาดแกมโกงของโดโรเรส ทำให้เธอมีหน้ามีตาสูงขึ้นในสังคม ความหลงไหลในอำนาจของโดโรเรส ทำให้เธอหยิ่งทะนงและทำอะไรตามใจชอบ ฮ็อกวอตส์ที่ควรจะเป็นและความสุขของเด็กๆ และหลายคน จึงหายไป เมื่อผู้อ่านได้ดูภาพยนตร์ภาคนี้แล้ว คงจะทราบดีว่า ความวุ่นวายและยุ่งเหยิงที่เกิดขึ้นมากมายมหาศาลขนาดไหน ลองคิดดูสิคะ หากโลกความเป็นจริงของเรา มีคนโกง คนไม่ดี คนเห็นแก่ตัว อย่างในหนังแล้วละก็ ประเทศชาติจะโกลาหลอย่างไรกัน สำหรับเรื่องราวนี้ ผู้เขียนก็อยากจะใช้พื้นที่นี้ในการเชิญชวนและรณรงค์ให้ผู้อ่าน ไม่ว่าจะเด็กหรือผู้ใหญ่ ร่วมกันยุติและต่อต้านการโกง การคอรัปชั่น ทุกรูปแบบนะคะ หากเริ่มตั้งแต่วันนี้ วันข้างหน้าในอนาคต แผ่นดินจะสูงยิ่งขึ้นแน่นอนค่ะ อย่างน้อย ก็ถือว่าการเริ่มต้นของเรา จะเป็นการช่วยเหลืออนาคตของตัวเองและเยาวชนรุ่นหลังต่อไปค่ะภาค6 Harry Potter and the Half-Blood Prince(แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับ เจ้าชายเลือดผสม) เดินทางมาถึงภาคที่6 กันแล้วนะคะ สำหรับภาคนี้ก็จะแสดงให้เห็นถึงการกลับมาอีกครั้งของเจ้าแห่งศาสตร์มืด เขาต้องการที่จะอยู่ไปชั่วนิรันดร์ อีกทั้งยังต้องการทำลายพวกมักเกิ้ล และ ผู้ไม่ใช่สายเลือดบริสุทธิ์ ตามปณิธานแรงกล้าของ "ซัลลาซา สลิธีริน" ผู้เป็นต้นตระกูลเชื้อสายของศาสตร์มืดนานัปการ ผู้ซึ่งต้องการให้มีเพียงพ่อมด แม่มด เลือดบริสุทธิ์เท่านั้น ที่สามารถเข้าเรียนที่ โรงเรียนสอนเวทมนตร์คาถาพ่อมดแม่มดฮ็อกวอตส์ ได้ อีกทั้งภาคนี้ยังเป็นการเปิดเผยบทบาทของผู้ที่เป็นเจ้าของหนังสือปรุงยาและคาถาเวทมนตร์ศาสตร์ชั้นสูง รวมถึงเปิดเผยบทบาทของผู้ที่เป็นส่วนหนึ่งในการสร้างจอมมาร โดยไม่รู้ตัว และยังเป็นภาคที่เกิดเรื่องราวสุดเศร้าครั้งใหญ่ของชาวฮ็อกวอตส์อีกด้วย ***แหม..ภาคนี้นี่มันดาร์กจริงๆ เลยนะคะ นอกจากที่กล่าวมากด้านบนแล้วนะคะ ก็ยังมีอีกอย่างที่จะถูกเปิดเผยในภาคนี้ค่ะ นั้นก็คือ ความทรงจำอันปวดร้าวของ "เซเวอรัส สเนป" นั่นเองค่ะ เห็นสเนปเป็นคนเย็นชาแบบนี้ ใช่ว่าจะรักไม่เป็นนะคะ สำหรับผู้อ่านที่เคยดูภาพยนตร์มาครบทุกภาคแล้ว จะทราบดีว่าสเนปของเรานั้นก็มีความรักเหมือนกันค่ะ แถมยังเป็นความรักที่มีให้แก่หญิงเดียวเป็นนิรันดร์อีกด้วย แต่แม้จะเป็นนิรันดร์ มันก็ไม่สามารถเป็นสะพานเชื่อมต่อความสัมพันธ์ของทั้งคู่ได้ นอกจากความทรงจำเรื่องความรักแล้ว สเนปก็ยังมีความทรงจำที่แสนเจ็บปวดในอดีตอีกด้วย เกี่ยวกับ "เจมส์ พอตเตอร์" นั้นก็มีไม่น้อย ครั้งที่ แฮร์รี่ ใช้ คาถาที่สเนปสอน เสกไปที่ตัวสเนปอย่างจัง แฮร์รี่ สัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดที่ก่อเกิดขึ้นในจิตใจของ สเนป ซึ่งมันเกี่ยวกับพ่อของเขาในวัยเด็ก ครั้งที่ยังเรียนอยู่ที่ฮ็อกวอตส์ กับ สเนป แม่ของเขา(ลิลี่) ซีเรียส รีมัส และ ปีเตอร์ เขาสัมผัสได้ว่า สเนป ถูกพ่อของเขากลั่นแกล้งและล้อเลียน ทำให้ สเนป เกิดความอับอายต่อหน้าเพื่อนๆ อย่างมาก ด้วยความโกรธ สเนป จึงเผลอทำอะไรหลายๆ อย่างไป โดยไม่ทันคิด ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้เขาเสียใจมาตลอดจนถึงทุกวันนี้ สำหรับโลกมักเกิ้ลแล้ว คนอย่าง "เจมส์ พอตเตอร์" ก็ยังนับได้ว่ามีอยู่มาก และเหตุการที่คล้ายคลึงกับเรื่องราวของ สเนป ก็มีอยู่ไม่น้อย สะท้อนให้เห็นถึงปัญหาความขัดแย้งภายในโรงเรียน หรือ ภายในองค์กร ที่ทำให้เกิดความเดือดร้อนต่อผู้อื่น จากการกระทำเพียงเพื่อความสนุกของคนคนเดียวหรือคนกลุ่มหนึ่งๆ และการกระทำเหล่านี้ ก็เป็นการกระทำที่เรียกได้ว่า "ไม่ควรกระทำอย่างยิ่ง" เพราะเสมือนเป็นการทำร้ายผู้อื่น ทั้งด้านร่างกายและจิตใจ ยกตัวอย่างผลการกระทำของ เจมส์ ที่กลั่นแกล้ง สเนป มันสามารถสรุปได้ว่า เหตุนั้นก็เป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันให้ สเนป เข้าสู่ศาสตร์มืดมากยิ่งขึ้น เจมส์ทำให้ชายคนหนึ่ง กลายเป็นผู้เสพความตาย และ ไร้ซึ่งความสุขตลอดการ (สเนปไม่เคยยิ้มอีกเลย หลังจากที่ถูกตัดสัมพันธ์จากลิลี่ เนื่องจากการกระทำของเจมส์) สำหรับเรื่อง ปัญหาความขัดแย้ง นั้น เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ทั่วไป ไม่ใช่เรื่องแปลก แต่หากต่างฝ่ายต่างระงับอารมณ์ พูดคุย เจรจาด้วยเหตุและผล ยึดถึงคุณธรรม เป็นหลักปฏิบัติ ก็จะไร้ซึ่งปัญหาและความวุ่นวายต่างๆ อันเนื่องมาจากความขึ้นแย้งอย่างแน่นอนค่ะ ☻ ภาค7 Harry Potter and the Deathly Hallows(แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับ เครื่องรางยมทูต) และแล้วก็มาถึงภาคสุดท้าย ภาคที่ 7 กันแล้วนะคะ สำหรับ " โลกมักเกิ้ล VS โลกเวทมนตร์ " ของภาคนี้ ผู้เขียนจะขอพูดถึงเรื่องราวที่เป็น "แก่นแท้" ของภาพยนตร์ชุดนี้นะคะ นั่นก็คือ "ความตาย" นั่นเองค่ะ แน่นอนว่าความตายเป็นเรื่องปกติ แต่ไม่ธรรดานะคะ คนเราไม่น้อย กลัว ความตายค่ะ เป็นสิ่งเดียวที่ทุกคนไม่สัมผัสรสชาติของมันกันหลายๆ หน เพราะคนเราเกิดมาชีวิตเดียว ตอนเกิดก็เกิดมาครั้งเดียว ตอนตายก็ต้องพบเจอมันแค่ครั้งเดียวเช่นกันค่ะ วอเดอมอร์ ก็เป็นคนหนึ่งที่กลัวความตายนะคะ เขาต้องการอยู่เป็นนิรันดร์ ซึ่ง วอเดอมอร์ เอง ก็สามารถรอดจากความตายมาได้ถึง 1 ครั้งค่ะ นับว่ามากแล้วนะคะสำหรับชีวิต ชีวิตหนึ่ง ครั้งที่เขาถูกคาถาที่จะใช้ฆ่า แฮร์รี่ พอตเตอร์ ย้อนกลับเข้าตัวของเขาเอง ร่างของเขาแหลกสลายในทันทีค่ะ เหลือเพียงแต่วิญญาณของเขาที่ลอยคว้างไปทั่วบริเวณ พิษของบาดแผลทำให้จอมมารไร้แม้ร่างกายที่จะสิงสู่ ต้องระเหเร่ร่อน เพื่อเยียวยาบาดแผล ให้วิญญาณได้พักฟื้น จนกว่าจะกลับสู่อำนาจและยิ่งใหญ่ได้อีกครั้ง หลังจากเหตุการสังหารครั้งใหญ่ที่ "ก็อดดริก โฮโล" เจ้าแห่งศาสตร์มืดก็หายไปอย่างไรร่องรอย บ้างก็เชื่อว่าเขาตายแล้ว บ้างก็เชื่อว่าเข้าแห่งศาสตร์มืดนั้น ยังมีชีวิตอยู่ และใช่ค่ะ เขายังมีชีวิตอยู่ แต่ก็อย่างที่บอกไป ร่างกายเขาเสียหายจากความรุนแรงของคาถาที่สะท้อนกลับสู่ตัวผู้ร่าย เหลือเพียงเศษเสี้ยวของวิญญาณเท่านั้น เหตุที่ยังเหลือวิญญาณ แต่ไม่ตานั้น ก็เพราะว่าเขาสร้างชื้นส่วนของวิญญาณหลักของเขาเอาไว้ เรียกว่า "ฮอคลักซ์" หากไม่ทำลายมันทิ้ง วอเดอมอร์ ก็จะเป็นพ่อมดอมตะที่ฆ่าอย่างไรก็ไม่ตาย นั้นเอง สำหรับชีวิตของมักเกิด คงไม่มี "ฮอคลักซ์" มาเก็บวิญญาณไว้อย่างแน่นอน ทำให้ความตายนั้นดูเป็นสิ่งที่น่ากลัวและยากจะทำใจรับมัน แต่ผู้อ่านเชื่อเถอะค่ะ ว่าความตายนั้น ไม่อาจน่ากลัวไปกว่าหนทางที่นำไปสู่ความตาย อย่างแน่นอน ก็จบไปแล้วนะคะ กับ " โลกมักเกิ้ล VS โลกเวทมนตร์ " จากภาพยนตร์ "Harry Potter" หวังว่าผู้อ่านจะชอบกันนะคะ สามารถร่วมพูดคุย คอมเมนต์ ติ-ชม ได้เลยนะคะ หรือ อยากให้ผู้เขียนนำเสนอข้อมูลตัวละครไหน ก็สามารถคอมเมนต์บอกมาได้เลยค่ะ ... ♥♥♥ช่องทางการติดตามนักแสดง (Instagram)Ron Weasley (Rupert Grint)Hermione Granger (Emma Watson)Draco Malfoy (Tom Felton)Luna lovegood (Evanna Lynch)Neville Longbottom (Matthew Lewis)Ginny Weasley (Bonnie Wright)Fred Weasley (James Phelps)George Weasley (Oliver Phelps)(*** Harry Potter ไม่เล่น Instagram นะคะ) ขอบคุณภาพหน้าปก ภาพที่1/WarnerBros , ภาพที่2/WarnerBros , ภาพที่3/WarnerBros , ภาพที่4/WarnerBros , ภาพที่5/WarnerBros , ภาพที่6/WarnerBros , ภาพที่7/WarnerBros , ภาพที่8/WarnerBros และ CANVA ขอบคุณภาพประกอบ ภาพที่1/pixabay , ภาพที่2/pixabay , ภาพที่3/pixabay , ภาพที่4/pixabay , ภาพที่5/pixabay , ภาพที่6/pixabay , ภาพที่7/pixabay , ภาพที่8/pixabay , ภาพที่9/pixabay , ภาพที่10/pixabay , ภาพที่11/pixabay , ภาพที่12/pixabayจะฟังเพลงหรือดูหนัง ซีรีส์ใหม่สุดปัง โหลดเลยที่ App TrueID โหลดฟรี !