Movie Review Lost in Starlight (2025) เลือนหายในแสงดาว ถ้าไม่นับว่าเป็นงานอะนิเมชันนี่ก็คืองานโรแมนติกดราม่าที่ดีทุกทางแต่ตรงไปตรงมาจนเนื้อหาไม่ว้าวแต่ก็ไม่มีอะไรให้ติเพราะยังดูเพลินตาเพลินใจ รับชมหนังซีรีส์ระดับพรีเมียม กดสมัคร TrueID+ ดูได้ทุกที่ 24ชม. คลิก!! ปกติผู้เขียนจะไม่ค่อยได้ดูอะนิเมชันเกาหลีเท่าไหร่อาจเพราะทำออกมาไม่เยอะหรือผู้เขียนยังไม่เจอหรือเผลอไผลไม่ได้ดูเพราะไม่น่าสนใจก็ไม่ทราบ ส่วนใหญ่จะเป็นไปทางญี่ปุ่นมากกว่ากับอะนิเมชันที่เป็นลายเส้นพอมาทางเกาหลีด้วยความที่ไม่คุ้นก็ทำให้ไม่ค่อยสนใจ แต่กับหนังอะนิเมชันเกาหลีที่ออกทุนสร้างโดย NETFLIX เรื่องนี้ที่เรียกว่าเป็นเรื่องแรกของเกาหลีกับงานอนิเมชัน Original ของค่ายสตรีมมิ่งเจ้านี้กลับมีความน่าสนใจ แต่ก็ไม่ใช่ด้วยเนื้อหาที่น่าดูแต่เป็นเพราะคนที่มาให้เสียงประกอบต่างหากนั่นคือคิมแทรีที่ผู้เขียนไม่มีทางที่จะไม่ดูงานของเธอ และแม้ว่าเรื่องนี้จะมาแค่เสียงไม่เห็นหน้าแต่ด้วยความที่ดูงานแสดงขอเธอมาทุกเรื่องทั้งหนังทั้งซีรีส์แค่ได้ยินเสียงก็รู้แล้วเพราะจำได้ ทำให้ก็คงไม่ต่างจากการดูคิมแทรีแสดงนั่นแหละเพราะอยากพิสูจน์เหมือนกันว่าเมื่อนักแสดงระดับยอดฝีมืออายุน้อยอย่างคิมแทรีมาให้เสียงประกอบอะนิเมชันที่ไม่ได้สื่ออารมณ์โดยตรงจะเป็นยังไงกันนะ ส่วนเนื้อหาจะเป็นยังไงไม่สนเพราะแค่คนให้เสียงประกอบก็ดึงดูดใจมากพอแล้ว จูนันยอง (คิมแทรี) นักบินอวกาศชาวเกาหลีที่ผิดหวังจากการถูกปฏิเสธให้ร่วมทีมทำภารกิจสำรวจดาวอังคารเธอจึงพกความผิดหวังนั้นกลับมา ซึ่งเหตุที่จูนันยองอยากไปดาวอังคารก็เพราะว่าแม่ของเธอคือทีมสำรวจชุดก่อนไปแล้วไม่กลับมาทำให้เธอมีเป้าหมาย จนวันหนึ่งเธอเอาเครื่องเล่นแผ่นเสียงเก่าๆที่เป็นมรดกตกทอดจากแม่ไปซ่อมและได้พบกับเจย์ (ฮงคยอง) ที่สามารถซ่อมได้ และนั่นคือการเริ่มต้นสานสัมพันธ์ของเธอและเขาจนกลายมาคบกันโดยที่จูนันยองมีความฝันที่จะไปดาวอังคารแต่เจย์กลับละทิ้งความฝันที่จะเป็นนักร้องนักแต่งเพลง จนเมื่อจูนันยองสามารถสร้างเครื่องแสกนสัญญาณสิ่งมีชีวิตบนดาวอังคารได้สำเร็จเธอจึงได้รับโอกาสร่วมทีมสำรวจที่เป็นความฝันของเธอเสมอมา ในขณะที่เจย์ที่เพิ่งมารู้ว่าแม่ของจูนันยองเสียชีวิตอยู่บนดาวอังคารความหวาดหวั่นก็ตามมาและสุดท้ายก็ตกลงแยกทางกันเพราะฝันของจูนันยองมั่นคงกว่า แล้วเมื่อจูนันยองไปตามฝันของตัวเองเจย์จะตามฝันของเขาบนโลกได้หรือไม่หรือรักครั้งนี้จะเลือนหายในแสงดาวกันแน่นะ ในความเป็นหนังนี่คือหนังที่ตรงไปตรงมาเนื้อหาไม่หนีไปจากสูตรสำเร็จและในความเป็นอะนิเมชันลายเส้นก็ยังไม่สมบูรณ์แบบ หนังจะดีหรือแย่มักถูกกำหนดโดยบทภาพยนตร์ซึ่งเรื่องนี้แม้ไม่ใช่หนังคนแสดงยังไงก็ยังเป็นหนังที่มีบทหนังที่ค่อนข้างสมบูรณ์ เพราะมาครบรูปประโยคประธานกริยาและกรรมมีที่มาที่ไปมีแรงจูงใจไม่มีรอยรั่ว แต่น่าเสียดายที่เมื่อเป็นหนังอะนิเมชันว่ากันเรื่องโลกอนาคตแต่พล็อตหลักยังเพลย์เซฟเกินไปผิดวิสัยเกาหลีที่มักมีเรื่องเหนือความคาดหมายอยู่เนืองๆ แต่เรื่องนี้ที่บทหนังออกมาดีหนังก็ดีและแต่มันตรงไปตรงมาเดินตามสูตรสำเร็จชนิดที่ว่าดูไปสักสิบนาทีก็รู้แล้วว่าเรื่องจะพัฒนาไปยังไงต่อไป ส่วนในความเป็นอะนิเมชันลายเส้นสารภาพว่าผู้เขียนดูของญี่ปุ่นมามากก็รู้สึกว่าลายเส้นเอนเอียงไปทางญี่ปุ่นจนถ้าคนไม่รู้มาดูคงคิดว่าเป็นงานญี่ปุ่น อีกอย่างคือความลื่นไหลและการเคลื่อนไหวยังไม่เนียนตายังมีกระตุกอยู่บ้าง แต่ถ้าว่ากันงานด้านภาพก็อวดชาวโลกได้เหมือนกันว่าเกาหลีทำอะนิเมชันได้ประมาณนี้ที่อาจไม่สมบูรณ์แบบแต่ก็มีดีพอตัว ถ้าไม่นับว่านี่คืองานอะนิเมชันนี่ก็คือหนังโรแมนติกดราม่าที่เนื้อหาอาจไม่ว้าวแต่มีดีที่การซ้อนเรื่องความฝันของคนสองคนมาดึงดูดใจ ถ้าตัดความเป็นงานอะนิเมชันออกไปว่ากันที่เนื้อหาล้วนๆนี่คืองานโรแมนติกดราม่าที่จัดว่าเข้าท่าแต่ติดตรงที่ความตรงไปตรงมาตามสูตรเกินไปเท่านั้น คือเอาจริงเรื่องนี้ไม่ได้ลุ้นอะไรเลยเรื่องความรักก็รู้อยู่ว่าหนังจะมาประมาณไหน แต่หนังยังทำได้ดีด้วยการให้คนดูเอาใจช่วยในตอนท้ายที่ถ้าว่ากันที่ความเห็นส่วนตัวคือถ้าจะทำร้ายจิตใจไปเลยน่าจะสวยกว่า แต่ก็อย่างว่าเมื่อต้องการมาเป็นหนังรักใจฟูมันก็ไม่ใช่ปัญหาที่จะจบแบบนี้และการซ้อนเรื่องความฝันและความทะเยอทะยานไว้นั่นแหละที่เป็นแรงดึงดูดชั้นดี เพราะการจะทำตามฝันของตัวเองให้ได้นั้นอาจต้องใจร้ายที่จะไม่ทำเพื่อใครหรือเห็นแก่ตัวบ้างถ้าไม่มีใครเข้าใจความฝัน เมื่อหนึ่งฝันที่ชัดเจนกับอีกหนึ่งฝันที่ถูกปล่อยทิ้งไว้มาเกื้อหนุนกันพลังความน่าติดตามจึงมีเพราะอยากรู้เหมือนกันว่าเจย์จะลุกขึ้นมาตามฝันตัวเองเมื่อไหร่จึงเป็นการซ้อนดราม่าไว้อย่างพอเหมาะพอดี ไม่รู้เพราะอะไรที่ทำให้เสียงประกอยโดดเด่นกว่าภาพจนทำให้ลอยๆแต่โดยรวมแล้วการสื่อสารทางอารมณ์ถูกกำหนดด้วยเสียงมากกว่า ถ้าจะมีอะไรให้ติดอยู่ในใจตงิดๆบ้างคงเป็นการที่เสียงพากย์โดยคิมแทรีและฮงคยองดูลอยๆคือเสียงโดดเด่นออกมาเลยจะเป็นเพราะการบันทึกเสียงการมิกซ์เสียงหรือไม่ก็ไม่ทราบ แต่สิ่งที่เป็นมันคือทำให้เสียงพากย์เด่นกว่าตัวละครส่วนหนึ่งคงเพราะในส่วนของตัวละครที่เป็นลายเส้นยังไม่สามารถสื่อสารกับคนดูได้ดีพอในเรื่องของอารมณ์ ซึ่งตรงนี้ก็คงต้องพัฒนากันต่อไปถ้าเอาไปเทียบกับทางญี่ปุ่นแล้วเมื่อเสียงพากย์สื่ออารมณ์ออกมาได้แต่ภาพสีหน้าแววตาของตัวละครมันไม่ร้อยเปอร์เซนต์มันเลยกลายเป็นเสียงเด่นกว่าภาพหรือไม่ นั่นทำให้การสื่อสารทางอารมณ์ถูกกำหนดด้วยเสียงมากกว่าภาพเพราะมิติเชิงลึกยังทำไม่ถึงแต่ก็ต้องชื่นชมทีมงานที่มาให้เสียงที่พาหนังไปได้เรื่อยๆ ซึ่งก็ไม่รู้เหมือนกันว่าถ้าเป็นเสียงของคนอื่นที่ไม่ใช่คิมแทรีที่ผู้เขียนจำได้แล้วความรู้สึกจะเหมือนเดิมหรือไม่เอาง่ายๆคือรู้ว่านี่คือคิมแทรีแต่ที่ตาเห็นมันไม่ใช่ ดูเพลินภาพสวยเพลงเพราะอาจไม่เร่งเร้ารุนแรงจนคล้ายเรียบเรื่อยแต่ก็มีดีพอที่จะตรึงคนดูให้อยู่กับที่ได้ในเวลาที่มี แต่ไม่ว่ายังไงนี่คือหนังโรแมนติกดราม่าสวยใสมาเพื่อให้ดูกันเพลินๆไม่มีตัวร้ายนางอิจฉาไม่ใส่สถานการณ์ที่เร่งเร้าแบบรุนแรงจนคล้ายจะเรียบเรื่อยด้วยซ้ำ แต่ด้วยเวลาฉายที่พอเหมาะกับชั่วโมงครึ่งไม่รวมเอนด์เครดิตกับหนังที่สัตย์ซื่อที่จะมาตามสูตรแบบนี้นี่คือหนังที่เอาดีได้ เพราหนังยังสามารถดึงดูดคนดูให้ดูได้ยาวๆจนจบไปได้ไม่หยุดก่อนแล้วมาต่อเพราะด้วยเนื้อหาที่เป็นรักใสๆหัวใจสองดวงมาพร้อมกับความฝันความทะเยอทะยานและแรงบันดาลใจ ด้วยภาพสวยๆคมๆกับงานลายเส้นที่อดนึกไปถึงอนิเมะญี่ปุ่นไม่ได้มาพร้อมกับเพลงประกอบเพราะๆตามสไตล์หนังแนวนี้ ทำให้ดูแล้วสบายตาสบายใจไม่มีมลพิษทางหัวใจเพราะรู้อยู่ว่าเรื่องจะเดินไปยังไงจะจบลงยังไงที่น่าเสียดายที่ไม่ใจร้ายพอ เพราะสำหรับผู้เขียนแล้วถ้าเลือกจบแบบไม่ใช่แบบนี้คือจบเศร้าไปเลยมันคือการฉีกความตรงไปตรงมาที่เป็นข้อครหาออกเป็นริ้วๆแล้วมันจะเป็นที่น่าจดจำกว่านี้ ดูไปบ่นไป ขอบคุณภาพประกอบ ภาพปก / ภาพที่ 2,3,4,5,6,7 จาก Instagram netflixkr ภาพที่ 1 จาก Instagram netflixth เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !