วันนี้ขอแนะนำให้รู้จักกับ Blumhouse ค่ะ ซึ่งหนังสยองขวัญหลายๆ เรื่องนั้นมี Bluehouse อยู่เบื้องหลัง ซึ่ง Blumhouse Productions คือสตูดิโอที่ปฏิวัติวงการภาพยนตร์สยองขวัญในยุคใหม่ ด้วยการสร้างภาพยนตร์ที่ใช้ทุนต่ำแต่ประสบความสำเร็จสูงลิ่ว ไม่ว่าจะเป็น Paranormal Activity, The Purge, Insidious, หรือ Get Out แต่ละเรื่องคือผลงานที่เปลี่ยนเกมและกลายเป็นที่จดจำในวงการ รับชมหนังซีรีส์ระดับพรีเมียม กดสมัคร TrueID+ ดูได้ทุกที่ 24ชม. คลิก!! จุดเด่นของ Blumhouse ทุนต่ำ แต่ไอเดียล้ำ ความพิเศษของ Blumhouse คือการใช้ทุนสร้างที่ค่อนข้างจำกัด (ส่วนใหญ่ใช้ทุนไม่เกิน 10 ล้านดอลลาร์) แต่มีไอเดียสร้างสรรค์ที่แข็งแกร่ง พวกเขามักจะเล่าเรื่องด้วยบรรยากาศที่ตึงเครียดและความน่ากลัวที่ซ่อนอยู่ในความธรรมดา ผู้กำกับหน้าใหม่และความหลากหลาย Blumhouse เปิดโอกาสให้ผู้กำกับหน้าใหม่หรือผู้สร้างที่มีมุมมองที่แตกต่างได้มาทดลองผลงานของตัวเอง เช่น จอร์แดน พีล ที่แจ้งเกิดกับ Get Out หรือ ลีห์ แวนเนล กับซีรีส์ Insidious เรื่องราวที่ใกล้ตัว หนังของ Blumhouse มักหยิบยกความกลัวที่ใกล้ตัวมาขยาย ไม่ว่าจะเป็นบ้านผีสิง (Paranormal Activity), โลกอนาคตที่ไร้กฎหมาย (The Purge) หรือความกลัวที่ซ่อนอยู่ในระบบสังคม (Get Out) ผลงานเด่นที่ต้องดู Paranormal Activity (2007) หนังที่ปลุกกระแส "Found Footage" หรือการถ่ายทำแบบวิดีโอเสมือนจริง เรื่องนี้สร้างด้วยทุนเพียง 15,000 ดอลลาร์ แต่ทำรายได้ถล่มทลายกว่า 190 ล้านดอลลาร์ Insidious (2010) เรื่องราวของครอบครัวที่ต้องเผชิญหน้ากับวิญญาณชั่วร้าย ผลงานการกำกับของ เจมส์ วาน ที่มอบความสยองขวัญแบบไม่ต้องพึ่งฉากเลือดสาด Get Out (2017) ภาพยนตร์ที่ผสมผสานระหว่างความสยองและการเสียดสีประเด็นเชื้อชาติ ผลงานของ จอร์แดน พีล ซึ่งได้รับรางวัลออสการ์สาขาบทภาพยนตร์ดั้งเดิมยอดเยี่ยม The Invisible Man (2020) การตีความใหม่ของมนุษย์ล่องหนในมุมมองของเหยื่อ ผลงานที่ทั้งหลอนและสะเทือนอารมณ์ Sinister (2012) หนังสยองขวัญจาก Blumhouse ที่เล่าเรื่องนักเขียนนิยายอาชญากรรมพบฟิล์มลึกลับในบ้านใหม่ ซึ่งนำไปสู่การเผชิญหน้ากับ Bughuul วิญญาณร้ายที่เชื่อมโยงกับการฆาตกรรมสยองขวัญ! ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ Blumhouse กลายเป็นสตูดิโอที่เปลี่ยนโฉมหน้าหนังสยองขวัญ ไม่เพียงแต่สร้างกำไรในบ็อกซ์ออฟฟิศ แต่ยังได้รับการยอมรับในแง่ของบทภาพยนตร์และการเล่าเรื่องที่ลึกซึ้ง สิ่งที่ Blumhouse สอนเรา คุณค่าไม่ได้วัดที่งบประมาณ Blumhouse แสดงให้เห็นว่าความคิดสร้างสรรค์สำคัญกว่าการใช้เงินมหาศาล กล้าท้าทายกรอบเดิมๆ หนังอย่าง Get Out และ The Purge ทำให้เราเห็นว่าหนังสยองขวัญไม่จำเป็นต้องวนเวียนอยู่กับผีหรือวิญญาณ มองความกลัวในแง่มุมใหม่ Blumhouse เปลี่ยน "ความกลัว" ให้เป็นสัญลักษณ์ของปัญหาสังคม ความไม่เท่าเทียม และการดิ้นรนของมนุษย์ บทสรุป Blumhouse คือบทพิสูจน์ว่าหนังสยองขวัญไม่จำเป็นต้องหวังเพียงแค่ "หลอกให้ตกใจ" แต่ยังสามารถเล่าเรื่องลึกซึ้งที่สะท้อนถึงสังคมและความรู้สึกของผู้คนได้ หากคุณเป็นแฟนหนังระทึกขวัญที่มีความหมายและน่าจดจำ Blumhouse จะไม่ทำให้คุณผิดหวัง! ภาพจาก Facebook Blumhouse ภาพที่ 1 ภาพที่ 2 ภาพที่ 3 ภาพที่ 4 ภาพหน้าปก เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !