รีวิว Thor: Love and Thunder (ธอร์: ด้วยรักและอัสนี) เมื่อเทพสายฟ้ามาพร้อมกับความฮาและเพลงร็อค บทความรีวิวนี้ ถูกเขียนขึ้นมาจากความรู้สึกส่วนตัวของผม หากผิดพลาดประการใด หรือไม่ถูกใจใครต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ แต่ก่อนจะมาเริ่มการรีวิวเรามาดูเรื่องย่อกันก่อนดีกว่าเรื่องย่อ Thor: Love and Thunder (ธอร์: ด้วยรักและอัสนี)ภาคนี้จะเป็นเรื่องราวต่อจาก Avengers: Endgame (2019) เมื่อหลังจากจบสงคราม Thor (Chris Hemsworth) ที่สูญเสียทุกอย่างไปแล้ว ก็ได้ร่วมออกเดินทางไปกับเหล่า Guardians of the Galaxy จนอยู่มาวันหนึ่งเขาได้รู้ข่าวมาว่ามีวายร้ายตนใหม่ที่ออกไล่ล่าเหล่าทวยเทพ วายร้ายตนนั้นคือ Gorr the God Butcher (Christian Bale) เขามีความแค้นกับเหล่าเทพเจ้า จึงปฏิญาณไว้ว่าจะสังหารเทพทุกองค์ในจักรวาล ทว่าวายร้ายตนนี้นั้นมีพลังมหาศาลอย่างมาก และมีดาบเนโครซอร์ดที่สามารถใช้สังหารเหล่าทวยเทพได้ ดังนั้น Thor จึงต้องรวบรวมกำลังพลเพื่อเอาชนะศึกนี้ เขาได้ไปขอความช่วยเหลือจาก Valkyrie (Tessa Thompson) และ Korg (Taika Waititi) แต่นอกจาก 2 คนนี้แล้ว เขายังได้พบกับ Jane Foster (Natalie Portman) รักเก่าที่แสนเจ็บช้ำของเขา ทว่าคราวนี้เธอกลับมาพร้อมกับค้อนโยเนียร์ และได้กลายเป็นซูเปอร์ฮีโร่นามว่า Mighty Thor สุดท้ายแล้วเรื่องราวทั้งหมดจะลงเอยอย่างไร ทุกคนต้องไปรับชมด้วยตาตัวเอง Thor: Love and Thunder (ธอร์: ด้วยรักและอัสนี) วันนี้ทุกโรงภาพยนตร์ตัวอย่าง Thor: Love and Thunder (ธอร์: ด้วยรักและอัสนี)รีวิว Thor: Love and Thunder (ธอร์: ด้วยรักและอัสนี)เอาละ มาเริ่มรีวิวกันเลยดีกว่า ส่วนตัวถือว่าชอบอยู่ระดับนึง เป็นหนังที่ให้ความบันเทิง ความตลกโปกฮา และเรื่องราวความรักได้ค่อนข้างดี แต่ก็ยังมีหลายจุดที่ผมรู้สึกว่าน่าเสียดายไม่น้อย เริ่มจากเรื่องบทกันก่อนเลย บทของเรื่องนี้ถือว่าทำได้ดีในระดับมาตรฐานนะ แต่ผมแค่รู้สึกว่าบทอ่อนไปหน่อย แค่นิดเดียวเท่านั้น ส่วนนี้ถ้ามีเวลาเล่าเรื่องเพิ่มซักหน่อย น่าจะแก้ไขได้ง่ายๆ รู้สึกทุกอย่างมันเร็วไปหมด ถ้าหนังเพิ่มให้เป็นความยาวซัก 2 ชั่วโมงกว่า และไปเล่าเรื่องราวเบื้องหลังของตัวละคร Gorr the God Butcher (Christian Bale) เพิ่มอีกซักนิด เพราะประเด็นของดาวที่ตัวละครนี้อยู่ คือดาวที่งมงาย น่าจะให้เราได้เห็นบรรยากาศ และความเชื่อของชนเผ่านี้หน่อย และเราจะได้เข้าใจตัวละครมากขึ้นด้วย ส่วนนี้ผมเสียดายจริงๆ แต่ที่เขาตัดออกอาจเป็นเพราะเวลาไม่พอ เพราะเนื้อเรื่องค่อนข้างเยอะ แต่นอกจากส่วนนี้บทในส่วนอื่น ก็ยังธรรมดา ไม่ได้น่าติดตามอะไรมากมาย แต่ยังอยู่ในเกณฑ์ที่รับได้ สนุกบันเทิงเหมือนเดิมต่อมาด้านการดำเนินเรื่อง ส่วนนี้ก็ทำออกมาได้ดีใช้ได้เลยทีเดียว เล่าเรื่องกระชับ ไม่เร็วไปไม่ช้าไป มีแวะเล่นมุขให้เราได้ขำอยู่ตลอด ที่สำคัญไม่มีช่วงไหนที่ผมรู้สึกว่าน่าเบื่อหรือง่วงเลย ถือว่าเพลินดี แต่ขอเตือนไว้ก่อน มุขบางมุขมันเป็นมุขอเมริกามากๆ บางคนอาจจะไม่ขำก็ได้ อย่างตัวละคร Axl ที่เป็นลูกของ ไฮม์ดัล (Heimdall) ก็เป็นชื่อของนักร้องวง Guns N' Roses ซึ่งถ้าสังเกตแต่ต้นเรื่อง เราจะเห็นเด็กคนนี้ใส่เสื้อวงนี้ตลอด และในห้องนอนก็ติดโปสเตอร์ไว้ และยังมีมุขอื่นๆอีก ที่ค่อนข้างลึกพอสมควร แต่ก็ไม่ใช่ปัญหาเพราะมีมุขฮาๆที่เข้าใจง่ายอีกเยอะ โดยรวมแล้วการดำเนินเรื่องถือว่าทำได้ดีใช้ได้ไม่ถึงกับดีมากต่อด้วยด้านการแสดง ในส่วนนี้ผมรู้สึกว่าทุกคนแสดงได้ดีตามมาตรฐานของ Marvel คือตัวละครส่วนใหญ่เป็นตัวละครที่เราคุ้นหน้าคุ้นตาอยู่แล้ว ทุกคนเล่นได้ตามเดิมหมดเหมือนที่เราเคยเห็นในหนังเรื่องก่อนๆ จะมีนักแสดงใหม่แค่ไม่กี่คนเท่านั้น แต่คนใหม่ที่มาก็ถือว่าแคสต์มาได้ดีเลย อย่าง Russell Crowe ในบท Zeus ป๋าแกก็แสดงได้ดีตามมาตรฐานของแกเลย และแกก็ดูเหมาะกับบทนี้พอสมควรเลย และอีกคนที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลยคือ Christian Bale ในบท Gorr the God Butcher คนนี้คือแสดงดีโคตรๆ เป็นตัวร้ายที่ดูทรงพลังมากๆ ทุกครั้งที่แกเข้าเฟรม บรรยากาศหนังจะเปลี่ยนไปเลย เสียดายจริงๆที่บทไม่ค่อยส่งเท่าไหร่ เพราะแกแสดงดีมากแล้ว ถ้าบทส่งกว่านี้ มีเวลาให้เราได้รู้จักเขามากกว่านี้มันคงจะสุดยอดมากๆแน่นอน เพราะเราแทบไม่ได้เห็นความโหดร้ายของเขาเท่าไหร่เลย ส่วนตัวผมเลยรู้สึกว่าเวลาแกแสดงให้ดูน่ากลัวมันเลยกลายเป็นล้นไปเลย แต่ถ้าให้เขาได้โชว์ความอำมหิตมากกว่านี้ก่อน การแสดงแบบนี้มันจะพอเหมาะพอดี เปรียบง่ายๆ ก็เหมือน Thanos อะครับ ที่กว่าจะได้มามีบทบาท คือเราได้เห็นวีรกรรมเขามาก่อน ดังนั้นตอนมาปรากฎตัวมันเลยดูยิ่งใหญ่ขึ้นไปอีกเรื่องย่อ Thor: Love and Thunder ธอร์: ด้วยรักและอัสนีส่วนสุดท้าย งานภาพและการโปรดักชั่น ส่วนนี้ถือว่าทำได้สวยงามตามมาตรฐาน Marvel เช่นกัน แต่ที่ผมชอบมากๆ คืองานดีไซน์ และการออกแบบ ทั้งเสื้อผ้าหน้าผมตัวละคร สีสันในเรื่อง พร็อบประกอบฉากต่างๆ ไปจนถึงเพลงประกอบ ทุกสิ่งอย่างของภาคนี้ผมชอบมากๆ (ยกเว้นเรื่องบท) ชุดตัวละครดูฉูดฉาดให้ความรู้สึกสนุกสนานมากขึ้น มันไม่ใช่แค่ชุดพระเอกนะ แต่ชุดทุกคนมันดูมีอะไรมากขึ้น อย่างชุด Star-Lord ก็ยังมีสีสันมากขึ้นนิดหน่อย และชุดเกราะใหม่ของ Thor ที่เท่เหลือร้ายจริงๆ งานภาพออกมาดีงามสวยทุกซ็อต งานโปรดักชั่นจัดหนักจัดเต็ม ฉากแอ็คชั่นสุดมันส์เหมือนกับที่เราเห็นในภาค Thor: Ragnarok สรุปโดยรวมถือว่าเป็นหนังที่สนุกใช้ได้เลย ไม่ได้แย่ซะทีเดียว แต่อย่าเชื่อผม ทุกคนต้องลองไปพิสูจน์ด้วยตาตัวเอง ท้ายสุดนี้ผมขอให้คะแนนภาพยนตร์เรื่อง Thor: Love and Thunder (ธอร์: ด้วยรักและอัสนี) ไว้ที่ 7.5/10 คะแนนสุดท้ายนี้ ฝากกดแชร์ และกดติดตามด้วยนะครับชื่อเรื่อง : Thor: Love and Thunder (ธอร์: ด้วยรักและอัสนี)ผู้กำกับ : Taika Waititiแนว : แฟนตาซี , แอ็คชั่น , คอมเมดี้ความยาว : 119 นาทีระบบเสียง : พากย์ไทยและบรรยายไทยช่องทางการรับชม : วันนี้ทุกโรงภาพยนตร์คะแนน : 7.5/10ช่องทางอื่นๆในการติดตาม ละเลงหนังFacebook Fanpage : ละเลงหนังกลุ่มสำหรับพูดคุยเรื่องหนัง : พูดคุยเรื่องหนังทุกเรื่องบนโลก By ละเลงหนัง บทความอื่นๆของ ละเลงหนัง :รีวิว Stranger Things 4 ภาคต่อที่แสนยอดเยี่ยม สนุก ตลก เศร้า ครบรสเต็มอิ่มรีวิว Lightyear บัซ ไลท์เยียร์ (2022) ภาคแยกที่สนุกเกินคาด จัดเต็มความบันเทิง แฟนๆ Toy Story ไม่ควรพลาด!รีวิว Elvis (2022) ถ่ายทอดเรื่องราวชีวประวัติของราชาร็อกแอนด์โรล จากสูงสุดสู่สามัญรีวิว Money Heist: Korea – Joint Economic Area (ทรชนคนปล้นโลก: เกาหลีเดือด)เปิดวาร์ปนักแสดง Money Heist: Korea – Joint Economic Area (ทรชนคนปล้นโลก: เกาหลีเดือด)เครดิตภาพทั้งหมดจาก Facebook : Marvel Thailandภาพปก : ภาพที่ 1 ภาพประกอบ : ภาพที่ 1 / ภาพที่ 2 / ภาพที่ 3 / ภาพที่ 4 / ภาพที่ 5วิดีโอ : Marvel Studios' Thor: Love and Thunder ธอร์: ด้วยรักและอัสนี | ตัวอย่าง Official จาก Youtube : Marvel Thailand *STAR COVER"อย่ามัวแต่ดูมาดังกัน"*ทรูไอดีคอมมูนิตี้ ขอชวนทุกคนมาสนุกโคฟเวอร์ พร้อมลุ้นรับเงินรางวัลมูลค่ารวมกว่า 7,000 บาท (5 รางวัล) โคฟคนที่ใช่ ไลค์คนที่ชอบ`ร่วมสนุกได้ที่ ทรูไอดีคอมมูนิตี้ ห้อง cover บนแอปทรูไอดี`คลิกเลย >> https://ttid.co/UAnK/7y9jfqkqอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://bit.ly/3O1cmUQร่วมสนุกตั้งแต่วันที่ 10 มิถุนายน 2565 - วันที่ 3 สิงหาคม 2565