เดนิส วิลล์เนิฟ ถึงกับต้องชื่นชม ทิโมธี ชาลาเมต์ ที่พัฒนาการแสดงไปอีกขั้นใน "Dune: Part 2"
หลังจากปรากฏตัวสั้น ๆ ในภาพยนตร์ของผู้กำกับ คริสโตเฟอร์ โนแลน อย่าง Interstellar (2014) หรือ ทะยานดาวกู้โลก เมื่อช่วงเวลานั้นผ่านไปราวสิบปี ทิโมธี ชาลาเมต์ ก็พิสูจน์ฝีมือทางด้านการแสดง และได้กลายมาเป็นนักแสดงชั้นนำของฮอลลีวูดอย่างเต็มตัวแล้วในตอนนี้
โดยเขาได้นำแสดงในภาพยนตร์อย่าง Call Me by Your Name (2017) หรือ คอล มี บาย ยัวร์ เนม, Bones and All (2022) หรือ โบนส์ แอนด์ ออล และ Wonka (2023) หรือ วองก้า รวมไปถึงมหากาพย์สงครามทะเลทรายอย่าง Dune (2021) หรือ ดูน ในบทบาทของ พอล อะเทรดีส ชายหนุ่มผู้ที่ซึ่งจะกลับมาล้างแค้นในตระกูลของเขาในภาพยนตร์ภาคต่อ Dune: Part Two หรือ ดูน ภาคสอง
ซึ่งเส้นทางการเติบโตอันยากลำบากของ พอล ก็ทำให้ ชาลาเมต์ ต้องพัฒนาการแสดงของเขาอย่างก้าวกระโดดไปพร้อม ๆ กันด้วยเช่นเดียวกัน และนักแสดงชาวอเมริกันก็ไม่ทำให้ผู้ชมอย่างเรา ๆ รวมไปถึงผู้กำกับ เดนิส วิลล์เนิฟ ต้องผิดหวัง เพราะว่าการแสดงในภาพยนตร์เรื่องนี้อาจจะเป็นหนึ่งในการแสดงที่ยอดเยี่ยมที่สุดในอาชีพนักแสดงของเขาก็เป็นได้
วิลล์เนิฟ ได้ออกมาเปิดเผยว่า ชาลาเมต์ แทบจะเป็นนักแสดงคนละคนเลยหากเทียบกับภาพยนตร์ภาคแรก ในการให้สัมภาษณ์กับ เกมส์เรดาร์พลัส
“ผมรู้สึกประทับใจและภูมิใจกับ ทิโมธี การที่ได้ดูเขาโอบรับการเดินทางของ พอล นั่นเป็นเหมือนกับความสุขที่แท้จริง เขาเดินทางเข้ามาสู่ภาคที่สองเป็นเหมือนกันนักแสดงคนละคนจากในภาคแรก ผมรู้สึกว่าเขาเปราะบางน้อยลง, ติดดินมากขึ้น, มั่นใจมากขึ้น”
“แน่นอนว่า ในตอนที่เขาแสดงในภาคแรก เขายังอายุน้อยกว่านี้มาก และมันก็เป็นครั้งแรกของเขาในหนังฟอร์มใหญ่แบบนี้ ดังนั้นเขาจึงต้องปรับตัว, พยายามที่ค้นหาขอบเขตของเขา, พยายามที่จะรักษาสมาธิ เขาได้เรียนรู้อะไรมากมาย ส่วนในภาคที่สอง เขาเข้ามาด้วยประสบการณ์ที่มากกว่าเดิมมาก และพวกเราก็ตื่นเต้นอย่างมากกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นตรงหน้าของเรากับการผจญภัยของ พอล ทิโมธี พร้อมที่จะระเบิดพลังต่อหน้ากล้อง ซึ่งผมภาคภูมิใจเป็นอย่างมาก”
Dune: Part Two หรือ ดูน ภาคสอง เข้าฉายในโรงภาพยนตร์แล้ววันนี้
สำหรับแฟนหนังเมเจอร์ ห้ามพลาดกับบัตรดูหนังสุดคุ้ม M PASS ที่จะทำให้คุณคุ้มเต็มอิ่มกับการดูหนังตลอดทั้งปี เตรียมไปมันส์กับกองทัพหนังดังมากมาย สมัครง่ายๆเพียงแค่คลิก ที่นี่
ขอบคุณข้อมูลจาก Total Film