ภาพยนตร์ The Raid 2: Berandal เป็นภาพยนตร์สัญชาติอินโดนีเซียที่สานต่อความร้อนแรงจาก The Raid: Redemption ครับ หลังจากที่ภาคแรกได้เปิดตัวอย่างงดงาม ทำให้คนดูรู้จักศิลปะการต่อสู้ที่เรียกว่า "ปันจักสีลัต" มากขึ้น ด้วยเอกลักษณ์สไตล์การต่อสู้ที่ดุเดือดเลือดสาด ทำให้ The Raid ถูกวิจารณ์ว่าเป็นภาพยนตร์แอ็คชั่นที่ "เดือด" มากที่สุดอีกหนึ่งเรื่องในวงการภาพยนตร์ แถมยังแจ้งเกิด Iko Uwails อย่างเต็มตัวเมื่อภาคแรกทำเงินได้ดีและเสียงวิจารณ์ในแง่บวก การจะเข็นภาคที่ 2 ออกมาจึงไม่ใช่เรื่องแปลกนัก คราวนี้พวกเขาจะมาในชื่อต่อท้ายว่า Berandal และเป็นเรื่องที่น่ายินดีที่ภาค 2 นี้ได้มีโอกาสเข้าโรงภาพยนตร์ในไทยด้วย ส่วนมันจะเป็นอย่างไร จะเดือดระทึกเทียบเท่าภาคแรกหรือไม่ ก็ต้องมาดูกันครับใน The Raid 2: Berandal กับชื่อภาษาไทยสุดแหวกแนวคือ "ฉะ..ระห้ำเมือง"เรื่องราวของ The Raid 2 จะเล่าต่อจาก The Raid ภาคแรกทันทีเมื่อ รามา กับเพื่อนรอดออกจากตึกนรกได้ เขาก็ได้ถูกส่งไปทำภารกิจลับด้วยการแฝงตัวไปเป็นลูกน้องในแก๊งมาเฟียที่มีอิทธิพลมากที่สุดในอินโดนีเซีย เพื่อสืบความลับบางอย่าง ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับแก๊งยากูซ่าญี่ปุ่นในประเทศ นอกจากนี้ยังมีกลุ่มมาเฟียกลุ่มใหม่ ผู้หมายจะทำลายทุกอย่างแล้วครอบครองอำนาจไว้แต่เพียงผู้เดียวสำหรับ The Raid ภาคนี้คงต้องบอกว่ามันเป็นการยกระดับเนื้อหา ยกระดับสเกลหนังให้ใหญ่ขึ้น จากภาคแรกที่วนเวียนกันในตึกเล็ก ๆ พอมาภาคที่ 2 จะเล่นในเรื่องการหักเหลี่ยมเฉือนคม การแผ่ขยายอาณาเขตในเมืองหลวง มีการปะทะกันในสถานที่โอ่อ่าขึ้นใหญ่โตขึ้นเช่น คุก, ร้านเหล้า, ห้องครัว, ห้องโถง, รถไฟ เป็นต้น แน่นอนครับว่าความโหดก็เพิ่มขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัยมาดูกันที่เนื้อเรื่องการดำเนินเนื้อหากันก่อนครับ โดยภาคที่ 2 ดูจะเล่นในเรื่องของการหักเหลี่ยมกันระหว่างแก๊ง การแฝงตัวเป็น Double Agent การซื้อใจ-ไว้ใจ-ทรยศหักหลัง ก็จะมีในภาค Berandal ราวกับว่าได้แรงบันดาลใจ มาจากภาพยนตร์ฮ่องกงสมัยก่อนครับ แต่การเล่าเรื่องก็ค่อนข้างมีปัญหาอยู่บ้าง เพราะด้วยตัวละครมากขึ้น มีแก๊งให้จดจำเพิ่มขึ้น ทำให้เราสับสนพอสมควรว่าใครอยู่แก๊งไหน ใครกำลังทำอะไรอยู่การเขียนบทให้ซับซ้อนกว่าเดิม ก็ดูจะเป็นข้อเสียของภาคนี้ แต่ถ้าเพ่งสมาธิตั้งจำจำชื่อตัวละครให้ถูก ก็พอจะเข้าใจเรื่องราวได้บ้างครับ แต่การใช้ธีมหนังเป็นการหักเหลี่ยมเฉือนคมกัน ท่ามกลางฉากหลังเป็นประเทศอินโดนีเซียมันก็ดูแปลกตาไปอีกแบบ แต่โดยรวม ๆ แล้วเนื้อหาหลักโดยหลักก็ทำความเข้าใจได้ไม่ยากครับทางด้านฉากแอ็คชั่นที่เป็นจุดแข็งของเรื่องก็ยังคงความโหดเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือการออกแบบฉากต่อสู้ที่ดูแปลกตา เช่นการมีตัวละครถือไม้เบสบอลกับตัวละครถือค้อน มันก็ทำให้เราสงสัยว่าพวกเขาจะต่อสู้อย่างไร ซึ่ง The Raid 2 ก็ทำให้รู้แจ้งทันทีว่า ไม่ว่าจะเป็นสิ่งของแบบไหนก็สามารถฆ่าคนได้ทั้งนั้น รวมถึงการต่อสู้แบบใหม่ ๆ โดยมีศิลปะปันจักสีลัตผสมผสานไปด้วยก็ยังดูเพลินตา เดือดถึงใจเหมือนเดิมสิ่งที่ชอบในภาพยนตร์เรื่องนี้ก็คงไม่พ้นฉากสู้ล่ะครับ มันได้ถูกออกแบบมาอย่างดี บวกกับการเล่นมุมกล้อง+ตัดต่อทำให้ทุก ๆ หมัด ศอก เท้า ที่ตัวเอกกระแทกลงไปทำให้เรารู้สึกเจ็บไปด้วย งานนี้ก็ต้องยกเครดิตให้กับคุณ Gareth Evans อีกครั้งที่เขายังรับหน้าที่ ผู้กำกับ-เขียนบท-ออกแบบคิวบู๊ ด้วยตนเอง โดยเฉพาะฉาก "ห้องครัว" เป็นอะไรที่เลือดพล่านพอสมควร แต่ถ้าเทียบกับฉาก 2 รุม 1 ในภาคแรกยังถือว่าดรอปเล็กน้อยเสริมเล็กน้อยอีกก็คือมีฉากไล่ล่าด้วยรถยนต์ ก็ทำออกมาได้ดีมาก ๆ เป็นอีกฉากที่น่าจดจำ เพราะไม่ใช่แค่การขับรถอย่างเดียวแต่มีการต่อสู้และยิงปืนปะทะไปพร้อม ๆ กันด้วย เรียกว่าถ้าตัดเอาเฉพาะฉากนี้ดูกี่รอบก็ไม่เบื่อครับนอกจากนี้สิ่งที่ The Raid 2 ยังถ่ายทอดให้เห็นอีกคือ สภาพสังคมในเมืองหลวงของอินโดฯ ระบบแก๊งมาเฟียในประเทศ หรือการทำงานของแวดวงตำรวจที่มักจะมีลับลมคมใน ชนิดที่ว่าการจะไว้ใจคนในองค์กรดูจะเป็นเรื่องที่ยากทีเดียวถือว่า The Raid 2: Berandal เป็นภาคต่อที่ยกสเกลหนังให้เล่นใหญ่ขึ้น อาจจะดูสับสนในเรื่องเนื้อหาไปบ้าง แต่ถ้าโฟกัสกับฉากแอ็คชั่นเตะต่อยก็ไม่ทำให้ผิดหวัง คงความโหดเลือดสาดเหมือนเดิม หลาย ๆ ฉากสู้ออกแบบคิวบู๊ได้ดีมาก รวมถึงฉากไล่ล่าด้วยรถยนต์ก็ทำได้มันส์ถึงใจ ก็หวังว่าจะมี The Raid 3 มาให้ชมกันนะครับ เพราะประเด็นทิ้งท้ายในภาค 2 น่าสนใจมาก ๆ เลยทีเดียวใครที่ถวิลหาภาพยนตร์แอ็คชั่นมันส์ถึงเลือกถึงเนื้อ ก็ขอแนะนำ The Raid ทั้ง 2 ภาคครับไม่ผิดหวังแน่นอนที่มารูปภาพ: รูปภาพปก / รูปภาพ 1 / รูปภาพ 2 / รูปภาพ 3 / รูปภาพ 4 / รูปภาพ 5