Series Full Review : Live Up To Your Name : คุณหมอสองภพการค้นพบตัวตนของตนเองที่อยู่เหนือสัญชาตญาณ ในงานแฟนตาซีข้ามภพที่ดูสนุกเบาสมอง แต่แฝงอารมณ์ดราม่าเต็มพิกัดNETFLIX , viu : 1 Season 16 Episodes (2017)เมื่อครั้งที่ดูไปบ่นไปตัดสินใจดูเรื่องนี้ที่กำลังจะบ่นแนะนำกันแบบยาวๆ ตอนนั้นคือหลังจากอารมณ์อิ่มเอมน้ำตานองจาก Dear My Friends จนเกิดอาการที่วัยรุ่นข้างบ้านบอกว่า Move On ไม่ได้ ซึ่งทางแก้ของผู้เขียนตอนนั้นคือการพยายามปรับอารมณ์ในการดูหาดูเรื่องเบาสมองได้หัวเราะด้วยความสนุกสนานบ้าง จึงเป็นที่มาของการดูเรื่องนี้ที่ออกมาในโทนเบาสมองในฉากหน้าตามต้องการ แล้วพอเริ่มดูพลันก็เริ่มคุ้นหน้าคุ้นตานักแสดงนำ และเริ่มคุ้นๆกับโทนเรื่องและดนตรีประกอบที่ทำให้ผู้เขียนคิดไปถึงซีรีส์ที่ครอบครัวผู้เขียนติดกันงอมแงมทั้งบ้าน The Fiery Priest (บาทหลวงเลือดระอุ 2019) คือเรื่องนั้นนอกจากนั้นเรื่องนี้ก็ยังออกมาที่ออกมาในแบบการ์ตูนเหมือนกัน มีนักแสดงนำคนเดียวกัน (ตอนแรกคุ้นๆแต่จำไม่ได้เพราะมีหนวด...ฮา) ในงานที่ฉากหน้าคือความเป็นโรแมนติกคอมมิดี้ที่น่าจะดูเบาดูสบายๆตามสไตล์แนวข้ามภพข้ามเวลาหารัก แต่เกาหลีก็ยังคงเป็นเกาหลีที่ไม่ว่ายังไงไต้องมีความหมายฝังอยู่หลังฉากเสมอ เบื้องหลังจึงจัดหนักในความเป็นดราม่าค้นหาตัวตนของตนในฐานะหมอ เพียงแต่น่าเสียดายที่เห็นชัดว่าพยายามมากเกินไปในเรื่องดราม่าเลยทำให้งานแม้จะออกมาสนุก แต่ก็มีบางอย่างที่ล้นจนเยอะไปอย่างน่าเสียดาย แต่...ถ้าว่ากันที่เรื่องนี้คืองานที่ออกฉายมาเมื่อปี 2017 ก็พอเข้าใจได้ Live Up To Your Nameเรื่องย่อหมอฮออิม (คิมนัมกิล) ผู้เชี่ยวชาญการฝังเข็มในยุคโชซอนที่มีลูกศิษย์คนสนิทที่ดูปราดเดียวก็รู้ว่าเป็นหญิงสาวแต่งเป็นชายชื่อมักแก (มุนกายอง) หมอฮอใช้เวลากลางวันรักษาคนป่วยที่เป็นคนยากไร้และใช้เวลากลางคืนรักษาชนชั้นสูงเพื่อสะสมเงินทอง ซึ่งในใจของเขาหวังมาตลอดว่าจะมีชื่อเสียงเงินทองเพราะเขามาจากชาติตระกูลที่ต่ำต้อย จึงพยายามใช้ทักษะทางการแพทย์เพื่อตามล่าหาความฝัน จนวันหนึ่งเขาได้รับโอกาสให้เข้าไปรักษาองค์ราชาแล้วเกิดความผิดพลาดแล้วต้องหนีหัวซุกหัวซุนและถูกยิงตกลงไปในแม่น้ำและเขาน่าจะตายไปแล้วแต่เขากลับมาฟื้นในยุคปัจจุบันปี 2017แล้วโชคชะตาก็ได้พาให้เขาได้พบกับหมอชเวยอนคยอง (คิมอาจุง) ศัลยแพทย์ทรวงอกที่เป็นสาวมั่นผู้มีอคติและปมในใจบางอย่างกับการแพทย์แผนตะวันออก แต่การที่พวกเขามาเจอกันกลับไม่ใช่เรื่องบังเอิญแต่มันคือโชคชะตาที่จะทำให้การแพทย์แผนโบราณและการแพทย์แผนปัจจุบันได้ศึกษาซึ่งกันและกัน หมอผู้เก่งกาจจากสองยุคแต่มีอะไรในใจที่เหมือนต่างแต่ก็คล้ายกันได้เรียนรู้ซึ่งกันและกัน และเรื่องราวก็ดำเนินผ่านเหตุการณ์ต่างๆที่ให้บทเรียนกับคุณหมอทั้งสองคนตามแบบความเป็นแฟนตาซีข้ามเวลาพึงมี ด้วยอารมณ์ขบขัน สนุกสนาน แทรกความเป็นดราม่ามาระหว่างทาง และลงเอยอย่างที่คนดูคาดหวัง แต่แม้ว่าบทจะดีไม่มีหลุดมันกลับล้นในบางเรื่องอย่างน่าเสียดายบทที่ดูล้นในเรื่องดราม่าแต่ว่าสุดลงตัวในเรื่องโรแมนติกและอารมณ์ขัน ทำให้มีพัฒนาการและต่อยอดไปไปสู่การเยียวยาหัวใจว่ากันที่บทที่ว่าดีคือดีที่การคุมโทนของเรื่องไม่ให้เป๋ไปจากที่ต้องการจะสื่อเพราะเรื่องแนวนี้ง่ายมากที่จะหลุด บทของเรื่องนี้วางตัวเองไว้สามส่วน หนึ่งคือเรื่องความเปิ่นความใสซื่อและตลกของการข้ามเวลามาอยู่ยุคปัจจุบันของหมอฮออิม สองคือเรื่องบทเรียนในชีวิตของหมอฮออิมที่จะได้พิสูจน์ความแกร่งในใจและเรียนรู้ที่จะเป็นแพทย์ระดับสุดยอด และสามคือเรื่องความโรแมนติกระหว่างหมอจากสองยุค ซึ่งตัวละครที่มีส่วนสำคัญในชีวิตหมอฮออิมต้องเป็นหมอชเวยอนคยอง (เพราะเป็นนางเอก) ที่เริ่มความสัมพันธ์จากความเคลือบแคลงจนพัฒนาสู่ความเข้าใจและไปไกลถึงตกหลุมรัก บททำได้ดีในการคุมเรื่องให้อยู่ตามแนวและมีพัฒนาการไม่มีอะไรหลุดหรือละเลยทิ้งไว้กลางทาง เรื่องหลักแน่นและมีความลงตัวดีแต่ที่น่าเสียดายคือประเด็นย่อยๆรายทางที่เป็นดราม่าที่ใส่มาเพื่อเป็นบทเรียนชีวิต กลับมองเห็นความพยายามจนคล้ายจะยัดเยียดจนดูจงใจไม่เป็นธรรมชาติ ทั้งในเรื่องของการพิสูจน์จิตใจของหมอชเวกับการต้องเลือกที่จะซื่อสัตย์กับใจตัวเองในบางเรื่อง ประเด็นจิตวิญญาณของความเป็นหมอผ่านกลไกของการรักษาทั้งชีวิตและเยียวยาจิตใจของผู้ป่วยรวมถึงตัวเอง หรือจะเป็นฝั่งหมอฮอที่ต้องพิสูจน์ตัวเองในฐานะความเป็นหมอเมื่อต้องเผชิญกับกิเลสในใจ ความรวดร้าวในปูมหลัง การต่อสู้ระหว่างด้านมืดกับด้านสว่างในกมล เรื่องราวเหล่านี้ดูจงใจและยัดเยียดซึ่งมันส่งผลให้ดูล้นๆไม่กลมกล่อมนักทั้งที่เรื่องหลักเป็นเส้นตรงดีแต่ส่วนที่น่าจดจำและทำให้สนุกและน่าติดตามในทุกตอนคืออารมณ์ขันและความโรแมนติกที่พอดี ถ้าในความเป็นดราม่าดูล้นแต่อารมณ์ขันกับความโรแมนติกก็คือความพอดีและลงตัว ด้วยเรื่องราวของการข้ามเวลาหารักมันก็ไม่ต้องไปหาความสมเหตุผลใดๆอยู่แล้ว แต่สิ่งที่น่าชื่นชมคือการใส่อารมณ์ขันในเรื่องของการหลงยุคที่เอาจริงก็เล่นมากันไม่รู้กี่ครั้งแล้วแต่กับเรื่องนี้ก็ยังได้ผลดี ได้หัวเราะได้ยิ้มกับความเปิ่นๆเซ่อๆของคนยุคโบราณที่ต้องมาเผชิญโลกปัจจุบัน หรือการที่คนในยุคปัจจุบันต้องไปงกๆเงิ่นๆในยุคโบราณ ความฉลาดของบทส่วนนี้คือการที่ไม่ได้วางให้คนใดคนหนึ่งมาใช้ชีวิตอยู่ในยุคใดยุคหนึ่งคนเดียว แต่กลับไปๆมาๆสลับกันไปเพื่อที่จะได้เรียนรู้ตัวตนที่แท้จริงซึ่งกันและกันและนำพาไปสู่ความโรแมนติกในช่วงท้ายที่ได้ผลและได้ใจซึ่งเป็นเพราะเรื่องส่วนนี้มีพัฒนาการที่ชัดเจนจนเชื่อได้ ส่งให้ตัวเรื่องน่าติดตามในทุกๆตอนและลุ้นว่าท้ายที่สุดจะลงเอยอย่างไรและมันมีความพอดีไม่น้อยจนพร่องหรือเยอะจนล้นเลี่ยน อีกส่วนที่ทำได้ดีคือชั้นเชิงการเล่าเรื่องที่แฝงปริศนาความลับที่วางไว้แล้วค่อยๆเฉลยจนมากระจ่างในตอนท้ายถือว่าชี้นำคนดูให้คาดเดาได้ผล แม้จะไม่ยากต่อการคาดเดานักแต่เงื่อนปมบางอย่างก็เก็บซ่อนไว้ได้มิดชิด รวมถึงอารมณ์ความซาบซึ้งกินใจในประเด็นของการช่วยเหลือชีวิตอย่างมีมนุษยธรรมและการเยียวยากระทั่งเรื่องของจิตใจความแพรวพราวของ "คิมนัมกิล" ที่เข้ากับเสน่ห์เหลือล้นของ "คิมอาจุง" อย่างลงตัวที่สุด พร้อมกับประกายที่เปล่งปลั่งของ "มุนกายอง"อีกสิ่งที่ผู้เขียนมองว่าเป็นเสน่ห์ที่ทำให้เรื่องออกมาน่าดูน่าติดตามคือเคมีของนักแสดงหลักที่ลงตัวที่สุดที่มาจากเสน่ห์ของนักแสดงที่ขึ้นกล้องมาก แม้ความจริงจะเห็นอยู่ว่าตลอดสิบหกตอนยังเห็นริ้วรอยในการแสดงอยู่บ้างในหลายฉากหลายซีน ไม่ใช่ว่าแสดงไม่ได้หรือไม่ดีมันดีแต่มันยังไม่เรียบเนียนเหมือนขับรถไปเจอเนินลูกระนาดบนถนนที่ไม่บ่อยแต่มีบ้าง บางฉากบางซีนยังเห็นความตั้งใจเกินไปในการแสดง แต่ก็เข้าใจว่าเนื่องเพราะบทมันล้นไปในทางดราม่าอย่างที่ว่าเลยกลายเป็นภาคบังคับ เพราะอย่างที่บอกคือบางประเด็นบทก็ดูล้นเกินไปจนกลายเป็นความยัดเยียด เลยมีผลให้บางซีนการแสดงของนักแสดงดูเหมือนตั้งใจเกินไปและไม่เป็นธรรมชาติเล็กๆแต่สิ่งที่จะทำให้คนดูมองข้ามไปได้คือเคมีที่ลงตัวกันระหว่างพระเอกคิมนัมกิลกับนางเอกคิมอาจุง ด้วยเสน่ห์ส่วนตัวของนักแสดงที่ห้ำหั่นเฉือนกันไม่ลง ตัวคิมนัมกิลนั้นผู้เขียนเคยดูเขาเล่นได้อย่างไปสุดทางในแบบการ์ตูนๆกับบทบาทหลวงพันธ์ุหายากแต่นั่นคืองานที่มาทีหลัง การแสดงของเขาในเรื่องนี้คือดีใช้ได้เลยแต่ก็ไม่ถึงกับน่าจดจำเหมือนบทคุณพ่อคิม ซึ่งก็เข้าใจได้เพราะนี่คืองานที่มาก่อนแต่สิ่งที่เห็นคือเสน่ห์ในความที่เขาเล่นบทเปิ่นๆฮาๆได้อย่างตลก ซีนที่แสดงอารมณ์ก็ทำได้น่าดูทำให้แม้จะมีหลายๆซีนที่ดูจงใจไปอย่างว่าแต่ผู้ชมก็เชื่อว่าเขาคือคุณหมอฮอและไม่โดนพลังแรงทะลุจอของคิมอาจุงบดบังเช่นกันกับคิมอาจุงที่เสน่ห์ล้นจอพลังดาราออร่าทะลุออกมานอกจอเต็มตาคนดู ความสวยนั้นไม่ต้องเอ่ยแต่สิ่งที่ติดตาตรึงใจคือเสน่ห์ล้วนๆที่ทรงพลัง ส่วนคนที่ขโมยซีนทุกครั้งที่ปรากฏตัวอย่างน่าทึ่งคือมุนกายองในบทมักแกที่แต่งเป็นชาย แม้จะดูออกว่าเป็นผู้หญิงแต่บทก็ไม่ได้จงใจให้คนดูมองว่าเป็นผู้ชายอยู่แล้ว การแสดงและเสน่ห์เปล่งประกายผ่านบทที่ไม่ต้องแต่งหน้ามาก เล่นน้อยแต่น่าจดจำ ซึ่งเมื่อมาแต่งเป็นหญิงก็มีราศีขึ้นมาทันที ส่วนคนอื่นๆก็คือตามมาตรฐานงานทางเกาหลีที่แสดงได้อย่างน่าเชื่อถือในทุกๆบท มีล้นบ้างตามที่บทมันพาไปแต่อย่างน้อยมันก็ไม่ได้พร่องไปจนน่ารำคาญเป็นอีกเรื่องที่ผู้เขียนดูแล้วสนุกมาก ความสนุกของผู้เขียนมันมีพื้นฐานบนความไม่รู้ ไม่รู้เรื่องราวเกี่ยวกับการแพทย์ไม่ว่าจะเป็นแผนตะวันออกหรือตะวันตก และมันส่งผลดีที่ไม่ต้องไปพะวงเรื่องความสมเหตุสมผลในเรื่องของการแพทย์ การผ่าตัด หรือการฝังเข็ม ทำให้จิตใจปล่อยวางไปเแล้วเพลิดเพลินไปกับมัน และถ้าว่ากันที่ตัวเรื่องนี่คืองานที่ดูสนุกดูเพื่อความบันเทิงได้ ความสนุกนั้นมีพอที่จะทำให้ไม่ถูกเททิ้งกลางทาง ตลอดเวลาไม่มีช่วงที่เนือยเอื่อยดูได้เรื่อยๆหากแต่ก็ไม่ถึงกับหยุดดูไม่ได้เช่นกัน บนความสนุกนั้นอยู่บนความพอดีในอารมณ์ขัน พัฒนาการของตัวเรื่องและตัวละครรวมถึงอารมณ์ความโรแมนติก แต่ที่จะมีขัดใจบ้างคือเรื่องของความล้นของบทในประเด็นรองที่ว่ากันถึงการค้นพบตัวตน และถ้าจะมีอีกที่ที่ขัดใจเราคือการที่ไม่กล้าพอที่จะทำร้ายคนดูในตอนจบ ที่คิดว่าถ้าจบอีกอย่างน่าจะลงตัวกว่าแต่เมื่อมันจบแบบนี้มันก็ยังโอเคไม่เสียหาย ซึ่งรวมๆแล้วเป็นซีรีส์ที่ดูสนุกบทและเรื่องหลักชัดเจนไม่เป๋ แต่ยังไม่เนี้ยบจนขนาดไร้ที่ติทำให้เป็นอีกหนึ่งงานที่สนุกๆดูเพื่อความบันเทิงและได้ความบันเทิง แต่ก็ยังไม่ถึงขนาดประทับใจมากมายจนยกไว้บนหิ้งอะไร ดูจบแล้วก็จบกันจะมีติดใจนิดๆคือ มุนกายองดูไปบ่นไปNETFLIXviuhttps://www.facebook.com/viuthailand/videos/356720302986395ขอบคุณภาพประกอบ ภาพปก / ภาพที่ 1 และ VDO จาก Facebook Viu Thailandภาพที่ 2 / ภาพที่ 3 / ภาพที่ 4 / ภาพที่ 5 /ภาพที่ 6 / ภาพที่ 7 จาก Facebook tvN (International)เกาะติดซีรีส์เรื่องใหม่ ๆ ได้ที่ App TrueID โหลดฟรี !