หลังจาก Kill Boksoon เคยสร้างกระแสฮือฮาไปทั่วโลกด้วยการเล่าเรื่องวงการนักฆ่าในรูปแบบที่สดใหม่ Mantis ก็ขอมารับช่วงต่อปีนี้ Netflix เตรียมสานต่อจักรวาลเดิมด้วยภาพยนตร์ ผลงานใหม่ที่นำแสดงโดย อิมชีวาน และ พัคกยูยอง สองนักแสดงคุณภาพที่มาพร้อมบทบาทมือสังหารผู้มีอดีตร่วมกัน เรื่องนี้ไม่เพียงเต็มไปด้วยฉากแอ็กชันสุดระทึก แต่ยังสอดแทรกดราม่าและความสัมพันธ์ซับซ้อนที่น่าติดตามยิ่งกว่าเดิม เลื่อนลงดู 5 เหตุผลที่คุณห้ามพลาดค่ะ! รับชมหนังซีรีส์ระดับพรีเมียม กดสมัคร TrueID+ ดูได้ทุกที่ 24ชม. คลิก!! 1. การต่อยอดจักรวาลนักฆ่าที่แฝงความดราม่าเข้มข้น Mantis ถือเป็นการสานต่อจักรวาล Kill Boksoon ที่เคยสร้างความฮือฮาไปทั่วโลก ด้วยการเปิดโลกเบื้องหลังวงการนักฆ่าอย่างเป็นระบบ มีองค์กร กฎเกณฑ์ และลำดับขั้นของมือสังหารที่น่าติดตาม การกลับมาในครั้งนี้จึงไม่ใช่แค่หนังแอ็กชันธรรมดา แต่คือการขยายมุมมองจากเรื่องเดิมให้กว้างขึ้น ผู้ชมจะได้เห็นอีกด้านหนึ่งของโลกนักฆ่า ผ่านสายตาตัวละครใหม่ที่ทั้งเก่งกาจและเปี่ยมเสน่ห์ เหมาะสำหรับแฟนเดิมที่อยากรู้จักโลกนี้ให้ลึกขึ้น และผู้ชมใหม่ที่อยากสัมผัสจักรวาลนักฆ่าในมุมที่เข้มข้นและซับซ้อนกว่าเดิม 2. เคมีร้อนแรงระหว่างอิมชีวานและพัคกยูยอง หัวใจของ Mantis คือความสัมพันธ์ระหว่าง “ฮันอุล” (อิมชีวาน) มือสังหารผู้เป็นตำนาน และ “แจอี” (พัคกยูยอง) คู่แข่งเก่าที่กลับมาพบกันอีกครั้งหลังห่างหายไปนาน สิ่งที่น่าติดตามไม่ใช่เพียงฉากต่อสู้ที่ดุเดือด แต่คืออารมณ์ความรู้สึกที่ทั้งคู่มีต่อกัน การปะทะกันของอดีต เพื่อนร่วมฝึกที่แปรเปลี่ยนเป็นคู่แข่ง ความผูกพันและการแข่งขันที่แอบซ่อนความเจ็บปวด รวมถึงความคาดหวังที่ต่างฝ่ายต่างมีต่อกัน นักแสดงทั้งสองคนขึ้นชื่อเรื่องการสื่อสารอารมณ์ทางสายตาและการแสดงที่ลึกซึ้ง จึงทำให้เคมีระหว่างพวกเขาน่าจับตาอย่างยิ่ง และ อาจกลายเป็นเสน่ห์หลักของเรื่องนี้เลยก็ว่าได้ 3. ตัวละครรุ่นใหญ่ที่เพิ่มมิติทางอารมณ์และความลึกให้เรื่อง หนึ่งในจุดแข็งของ Mantis คือการมี “ทกโก” (รับบทโดย โจอูจิน) นักฆ่ารุ่นเก๋าผู้เคยเป็นอาจารย์ของทั้งฮันอุลและแจอี การที่เรื่องราวมีตัวละครที่เป็นเสาหลักในอดีต ทำให้โครงเรื่องมีมิติยิ่งขึ้น เพราะไม่ใช่แค่เรื่องราวของคนรุ่นใหม่ที่แข่งขันกัน แต่ยังเป็นเรื่องของ “ความสัมพันธ์ข้ามรุ่น” ความผูกพันระหว่างครูกับศิษย์ อดีตที่เราแบกไว้สามารถกำหนดอนาคตได้หรือไม่? ตัวละครนี้ยังช่วยเพิ่มน้ำหนักทางดราม่าให้ฉากแอ็กชัน เพราะทุกการต่อสู้ไม่ได้มีแค่ความรุนแรง แต่ยังมีอารมณ์ ความทรงจำ และบาดแผลทางใจที่ซ่อนอยู่ 4. ทีมผู้สร้างมากฝีมือ การันตีคุณภาพด้านภาพและการเล่าเรื่อง ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้ผู้กำกับ บยอนซองฮยอน เจ้าของผลงาน Kill Boksoon, Kingmaker และ The Merciless ซึ่งล้วนเป็นงานที่ขึ้นชื่อด้านการเล่าเรื่องเฉียบคมและการออกแบบฉากแอ็กชันที่มีเอกลักษณ์ อีกทั้งยังได้ผู้ช่วยผู้กำกับ อีแทซอง มาร่วมสร้างสรรค์ คนที่เคยมีส่วนสำคัญใน Kill Boksoon มาก่อน การันตีได้ว่าภาพรวมของ Mantis จะไม่ได้เป็นเพียงหนังบู๊ที่อาศัยความรุนแรงอย่างเดียวแต่เต็มไปด้วยการออกแบบฉากต่อสู้ที่สวยงาม การใช้ภาพและแสงเงาเพื่อขับอารมณ์ และ จังหวะการเล่าเรื่องที่เข้มข้นจนผู้ชมแทบละสายตาไม่ได้ 5. การต่อสู้ที่สะท้อนอัตตาและความหมายของการเป็นนักฆ่า สิ่งที่ทำให้ Mantis แตกต่างจากหนังแอ็กชันทั่วไปคือ การวางเดิมพันของเรื่องไม่ได้อยู่แค่การฆ่าหรือเอาชีวิตรอด แต่ยังอยู่ที่ “การค้นหาตัวตน” ของตัวละคร นักฆ่าที่เก่งกาจอาจไม่ใช่ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุด แต่คือคนที่เข้าใจว่าอะไรคือสิ่งสำคัญในชีวิต การต่อสู้ในเรื่องจึงกลายเป็นสัญลักษณ์ของการเผชิญหน้ากับอัตตา ความทะเยอทะยาน และอดีตที่ไม่อาจหนีได้ ผู้ชมจะไม่ได้เพียงลุ้นฉากบู๊ แต่ยังได้ตั้งคำถามกับตัวเองไปพร้อมกับตัวละครว่า—เราจะยอมแลกอะไรเพื่อได้ในสิ่งที่ต้องการ และเส้นแบ่งระหว่างนักฆ่า กับ ความเป็นมนุษย์ อยู่ตรงไหนกันแน่ ด้วยการผสมผสานระหว่างโลกนักฆ่าสุดเข้มข้นจาก Kill Boksoon การแสดงระดับคุณภาพของอิมชีวานและพัคกยูยอง รวมถึงการกำกับที่การันตีโดยบยอนซองฮยอน Mantis จึงไม่ใช่แค่หนังแอ็กชัน แต่คือการเดินทางของตัวละครที่เต็มไปด้วยอารมณ์และความหมาย ใครที่ชื่นชอบงานแอ็กชันดราม่าแบบมีชั้นเชิง บอกเลยว่าห้ามพลาดเด็ดขาด! ปักหมุดที่ Netflix ได้เลยค่ะ ขอขอบคุณ @NetflixKR ภาพปก ภาพที่ 1/2/3/4/5 จะฟังเพลงหรือดูหนัง ซีรีส์ใหม่สุดปัง โหลดเลยที่ App TrueID โหลดฟรี !