รีวิวหนัง "Vivarium" หมู่บ้านนี้ยิ่งกว่าผีเฮี้ยน อย่าได้คิดเพี้ยนเลี้ยวรถเข้าไปเยือน
วิจารณ์ รีวิวหนัง Vivarium
ในชีวิตคนเรา...แน่นอนว่าใฝ่ฝันอยากมีบ้านสักหลังเป็นของตัวเอง บ้านที่ปลูกมาจากน้ำพักน้ำแรง บ้านที่เป็นแหล่งพักกายพักใจภายใต้ชายคาอันอบอุ่น แต่คงไม่ใช่บ้านที่ตั้งอยู่ในหมู่บ้าน "Vivarium" แห่งนี้ ที่เตือนเอาไว้ก่อนเลยว่า ที่นี่ไม่ใช่บ้านในฝันที่พวกคุณถามหากันหรอก บ้านแห่งนี้เป็นเหมือนที่กักขัง เหมือนป่าช้า และเหมือนสถานที่ที่ไม่ควรจะเลี้ยวรถหรือย่างก้าวเข้าไปแม้แต่ในความคิด
เรื่องราวของหนุ่มสาวคู่รักวัยกำลังสร้างครอบครัว พวกเขาเตรียมจะลงหลักปักฐานให้มั่นคงยิ่งขึ้น ด้วยการเสาะหาบ้านหลังงามๆ ที่เหมาะกับพวกเขาและลูกในอนาคต แต่เมื่อพวกเขาได้เข้าไปดูบ้านที่หมู่บ้านแห่งหนึ่ง แต่กลายเป็นว่าเข้าไปได้...แต่หาทางออกไม่ได้ พวกเขาจึงต้องติดตามอยู่ในหมู่บ้านประหลาดแห่งนี้ ที่จะมีกล่องใส่เครื่องอุปโภคบริโภคมาเสิร์ฟให้ทุกวัน หมู่บ้านที่เต็มไปด้วยบ้านที่เหมือนจับก็อปปี้ซ้ำๆ กันเอาไว้ชวนขนลุก แล้วพวกเขาจะต้องทนติดอยู่ที่นี่ไปถึงเมื่อไหร่กัน?
ก่อนสิ่งอื่นใดคงต้องบอกกับทุกคนเลยว่า Vivarium ไม่ใช่หนังที่ดูง่าย...แต่ก็ไม่ได้เป็นหนังที่ดูยาก ยอมรับว่าแอบเคลิ้มวูบสัปหงกไปในช่วงแรกของหนัง พูดกันตรงๆ ก็คือหนังมีการถ่ายทอดเชิงสัญลักษณ์ออกมาหลายๆ อย่างตลอดเวลา แต่จะดูแบบไม่ต้องวิเคราะห์ใดๆ ก็เพลิดเพลินไปอีกแบบ แต่ถ้าใครชอบการตีความเนื้อหาจากหนังก็อาจจะสนุกกับการไขปริศนาและเหตุผลต่างๆ ในหนังได้เหมือนกัน
ผลงานของผู้กำกับสายอินดี้ "ลอร์แคน ฟินนิแกน" เขาสร้างเรื่องนี้มาจากบทหนังของตัวเองด้วย หนังมีคอนเซ็ปต์ที่น่าสนใจ แต่โดยรวมอาจจะเข้าไม่ถึงกลุ่มคนดูทั่วไปสักเท่าไหร่ ต้องยอมรับว่าองค์ประกอบศิลป์ต่างๆ ทำออกมาได้ค่อนข้างดี แต่ความซับซ้อนเชิงสัญลักษณ์ต่างๆ ที่ปรากฏอยู่ในหนัง บางครั้งก็อาจจะทำให้คนดูยังไม่ค่อยเข้าใจ แต่ก็ยอมรับว่าเป็นหนังที่จบแล้วไม่ได้รู้สึกงงอะไร
ก็คงรู้สึกคล้ายๆ กับสื่อต่างประเทศหลายสำนักที่เปรียบเทียบหนังเรื่องนี้กับซีรีส์คลาสสิกอย่าง "The Twilight Zone" หนังก็น่าจะมีเค้าโครงกว้างที่คล้ายกัน แต่ในรูปแบบการนำเสนอกลับยั้งลึกไปมากกว่านั้น มีการเชื่อมโยงเปรียบเทียบให้เห็นนับตั้งแต่ฉากแรกที่ขึ้นไตเติ้ลของหนังมา ทุกพฤติกรรมของคนและสัตว์ในหนังเรื่องนี้ต่างเกี่ยวข้องกันไปทั้งหมด และไปเฉลยเหตุผลในช่วงท้ายที่ไม่ได้อยู่เหนือความคาดหมายสักเท่าไหร่
ขณะที่ 2 นักแสดงนำหลักๆ อย่าง "อิโมเจน พูทส์" กับ "เจสซี ไอเซนเบิร์ก" ถือว่ารับบทบาทค่อนข้างหนัก โดยเฉพาะฝ่ายหญิง ที่ดูเหมือนจะต้องแบกรับหนังเอาไว้มากกว่านิดหน่อย การแสดงของทั้งคู่ออกมาอย่างเป็นธรรมชาติ ตามสไตล์การแสดงอันเป็นเสน่ห์ของทั้งคู่ และพยายามสร้างมิติให้กับตัวละครด้วย ถึงแม้ว่าจะยังไปไม่สุดทางก็ตามที
อีกหนึ่งคงองค์ประกอบที่ใส่เข้ามาได้น่ารัก แต่ก็ชวนขนลุกดี ก็คือนักแสดงเด็ก "เซนาน เจนนิงส์" ที่ต้องมาเล่นในบทที่อาจจะโตกว่าวัยน้อยเล็กน้อย แต่ก็ทำออกมาได้ดีในระดับหนึ่งเลยทีเดียว แม้ว่าจะเป็นหนังเรื่องแรกของน้องก็ตาม ทั้งสีหน้าท่าทางที่ผ่านทางแววตาใสสื่อที่แฝงด้วยอะไรบางอย่างซ่อน ถือว่าเป็นหนึ่งในตัวละครขโมยซีนที่มัดใจคนดู และก็ทำให้รู้สึกไม่ไว้วางใจเขาไปพร้อมๆ กันด้วย
อย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่า Vivarium มีข้อความเชิงสัญลักษณ์ปะปนอยู่ในหนังเต็มไปหมด หลังจากดูหนังจบก็ยังคงใช้คำตอบและบอกไม่ถูกว่าหนังเป็นหนังแนวไหนกันแน่ เพราะมีการผสมผสานกันระหว่างเรื่องราวไซไฟประหลาดๆ แต่ก็ให้โทนลึกลับชวนขนลุกและน่าหลาดกลัวอยู่ไม่น้อย หรือว่าเร่จะบัญญัติแนวหนังขึ้นมาใหม่เอง "อึดอัดดรามาดี้" ก็น่าจะพอได้
หนังเรื่องนี้อาจจะเป็นหนังที่ทำให้รู้สึกอึนๆ ในช่วงแรก ก่อนจะเริ่มน่าสนใจขึ้นเรื่อยๆ แล้วนำคนดูไปสู่ห้วงอารมณ์ของความสิ้นหวัง ไร้ซึ่งทางออก ก่อนจะกระชากอารมณ์ด้วยการรวบรัดสู่บทสรุปที่อาจจะไม่ได้อยู่เหนือความคาดคิดเท่าไหร่ แต่ก็ถือว่าเป็นบทสรุปที่เหมาะสมที่สุดที่หนังเรื่องนี้จะทำได้แล้ว
คงจะสรุปได้ว่า Vivarium เป็นหนังที่มีคอนเซ็ปต์และแนวคิดที่ค่อนข้างน่าเสาะหาในพื้นที่จำกัด นี่ไม่ใช่หนังที่เหมาะกับกลุ่มคนดูทั่วไปสักเท่าไหร่ แต่ก็ไม่ใช่หนังที่ดูแล้วจะไม่รู้เรื่องอะไรเลย เป็นหนังที่สนุกที่เอ็นจอยกับเนื้อเรื่องได้ แม้จะมีการสอดแทรกเชิงสัญลักษณ์เข้ามา ขณะที่องค์ประกอบฉากและศิลป์ต่างๆ ของหนังใส่เข้ามาได้เหมาะสม และเพิ่มบรรยากาศความน่าขนหัวลุกได้เป็นอย่างดี แม้จะไม่ใช่หนังผีเฮี้ยนอะไรเลยก็ตาม
ข้อมูลเกี่ยวกับหนัง Vivarium
ประเภท : ลึกลับ / ไซไฟ / สยองขวัญ
ผู้กำกับ : ลอร์แคน ฟินนิแกน
นำแสดงโดย : อิโมเจน พูทส์, เจสซี ไอเซนเบิร์ก, เจสซี ไอเซนเบิร์ก
ความยาว : 98 นาที
จัดจำหน่ายโดย : มงคล เมเจอร์ (Mongkol Major)
เข้าฉาย : 25 มิถุนายน 2020 (ไทย) / 27 มีนาคม 2020 (อเมริกา)
----------------------------------------------------