รีเซต

แซม ยุรนันท์ เปิดใจ โควิดกระทบหนัก ปิดโรงแรมภูเก็ตนาน 2 ปี-ฟิตเนสถาวร

แซม ยุรนันท์ เปิดใจ โควิดกระทบหนัก ปิดโรงแรมภูเก็ตนาน 2 ปี-ฟิตเนสถาวร
ข่าวสด
21 สิงหาคม 2564 ( 16:32 )
187

แซม ยุรนันท์ เปิดใจ โควิดกระทบหนัก ปิดโรงแรมภูเก็ตนาน 2 ปี - ปิดฟิตเนสถาวร ยื้อไม่ไหว รายจ่ายมหาศาล หลังถูกสั่งปิด

แซม ยุรนันท์ เปิดใจ - เซ่นพิษโควิด ปิดกิจการฟิตเนสถาวร แซม ยุรนันท์ ภมรมนตรี นัดแสดง พยุงธุรกิจมานานกว่า 10 ปี ต้องหยุดชะงัก เมื่อประสบปัญหาวิกฤต19 ช่วง 2 ปีหลัง โดยมีรายจ่ายคงที่ แต่รายรับกลับเป็นศูนย์ จึงตัดสินใจปิดกิจการ ด้วยสถานการณ์ที่ไม่รู้ว่าโรคระบาดจะหายไปเมื่อไหร่ และเมื่อไหร่เศรษฐกิจจะกลับมาฟื้นตัวอีกครั้ง

ล่าสุด แซม ยุรนันท์ ให้สัมภาษณ์กับข่าวสดออนไลน์ เผยถึง ผลกระทบช่วงโควิดมาระลอก 1-3 ที่ทำให้ต้องปิดฟิตเนสไปชั่วคราว ซึ่งเจ้าตัวก็อดทนรอมานานกว่า 2 ปี จนกระทั่งตัดใจปิดฟิตเนสอย่างถาวร

จากโพสต์ในไอจีที่บอกว่าธุรกิจฟิตเนสไปไม่ไหวแล้ว? "อย่างที่เคยโพสต์ไปก่อนหน้านี้ เราก็พยายามประคองไว้ เพราะว่าเราก็ยังอยากให้มันอยู่ สำหรับพี่การทำธุรกิจอะไรแล้วได้ผลกำไรมันไม่ได้หมายความว่ากำไรมันต้องเป็นตัวเงินเสมอมา ฟิตเนสเรารู้อยู่แล้วว่าธุรกิจมันไม่ได้รุ่งเรืองอะไรมาก

แต่เรามองว่าเราได้สุขภาพที่ดี ดูแลร่างกายในครอบครัว เพื่อนสนิทครับ ได้มิตรภาพ สมาชิกที่น่ารักอยู่กันมา 10 ปี เราก็ยังมีที่ให้เราไว้ได้เจอ ได้พูดคุย ที่สำคัญคือทำให้ลูกน้องเรามีรายได้ เพราะบางคนก็อยู่กับเรามาเป็น 10 ปี เราก็คงอยากให้เขาอยู่กับเรา มีรายได้ เราก็ช่วยเหลือกันมาเรื่อยๆ

ทีนี้เมื่อมันถึงเวลา มันมีวิกฤตแบบนี้มันก็ยิ่งบั่นทอนไปเรื่อยๆ เราก็พยายามรักษาสิ่งที่เรามีอยู่ แต่ว่าอย่างที่บอกเวลาปิด ค่าใช้จ่ายมันไม่ได้ปิดไปด้วย ตึกนี้ค่าส่วนกลางมันก็แพงครับ ปีหนึ่งประมาณ 6 แสนบาท สำหรับห้องฟิตเนส ไม่เกี่ยวกับค่าเช่านะ ค่าจิปาถะ ช่วงปิดมันอาจจะลดแค่ค่าน้ำค่าไฟเพราะเราไม่ได้ใช้ แต่ค่าอื่นๆมันไม่ได้ลดลง

โดยเฉพาะเรื่องของไฟแนนซ์มูลค่าหลาย 10 ล้าน มันก็จะมีดอกเบี้ยที่ต้องผ่อนก็เดือนละหลายแสนอยู่ ฉะนั้นถ้ามันปิดแล้วไม่รู้ว่าจะเปิดได้เมื่อไหร่ ก็คุยกันว่าธุรกิจทำไปมันคงไปไม่ได้ ซึ่งกว่าจะหมดโควิดกว่าจะฟื้นตัว ต้องบอกว่าธุรกิจฟิตเนส บางคนมองว่าเป็นสิ่งจำเป็น บางคนมองว่าเป็นเรื่องฟุ่มเฟือยในยุคที่เศรษฐกิจกำลังจะฟื้นก็ต้องตัดเรื่องที่ฟุ่มเฟือยไป เพื่อเรื่องที่จำเป็นก่อน เราก็รู้ว่ามันไม่ได้จริงๆก็อย่าไปฝืน ลูกน้องเราก็ช่วยเรื่องอื่นกันต่อไป เราเองก็ต้องกัดฟัน"

ช่วงโควิดระลอก 1-3 ตอนนั้นเป็นยังไงบ้าง? "มันก็โดนในทุกเรื่อง เรื่องของตัวเองที่ต้องเล่นละคร เราเป็นนักแสดงก็ต้องช่วยกันหลายวิธี อยู่บ้านกันให้ปลอดภัย ไม่เป็นภาระให้กับคุณหมอ และบุคลากรทางการแพทย์ แต่ละครบางเรื่องก็มีความจำเป็น เพราะบางเรื่องเหลืออีกไม่กี่ฉากกี่ตอนก็จะปิดแล้ว ก็ต้องช่วยเยียวยากันไปเท่าที่จะทำได้ ถ้าเรื่องไหนจำเป็นมีมาตรการที่เพียงพอ ไม่เป็นภาระให้ใครก็ทยอยทำได้ เราก็หยุดค้างไปเลย 4 เดือน ก็เห็นใจนะครับ คนที่รับรายได้รายวันด้วย แอบสงสารครับ

ส่วนฟิตเนสได้ผลกระทบครับ ต้องปิด เพราะรัฐตีความว่าฟิตเนส คนต้องรวมกันเยอะๆ ขาดอากาศหายใจ ซึ่งจริงๆพี่ว่าพื้นที่ของเราไม่ได้เป็นแบบนั้นหรอก เพราะว่าของเราเป็นแบบพื้นที่ส่วนตัว ไม่ได้รับคนมากมายขนาดนั้น แต่คำจำกัดความก็เป็นฟิตเนสเหมือนกัน ก็คือต้องปิดในรอบ 1-3 ฟิตเนสมักจะถูกปิดเป็นกิจการแรกเลย ถ้าอยู่ในเครือข่ายแล้ว กทม.ก็ตัดสิทธิ์ฟิตเนสเป็นสถานที่ออกกำลังกายปิดก่อน แล้วก็จะถูกเปิดเป็นลำดับสุดท้าย เป็นธุรกิจต้องห้ามในช่วงโควิด ทำไงได้ แต่พี่ก็ยังได้เล่นเองนะช่วงโควิด ถึงแม้จะไม่มีรายได้ พยายามมองอะไรที่ไม่ดีให้มันเป็นเชิงบวกให้ได้ เราจะได้อยู่ได้แบบที่ไม่ต้องไปทุกข์อะไร

ธุรกิจโรงแรมในภูเก็ต มันก็ปิด 100 เปอร์เซ็นต์จะ 2 ปีแล้ว กะจะมีภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์มันก็ไปไม่ถึงฝั่ง ก็มองในแง่ดีครับว่าทะเลภูเก็ตก็จะสวยขึ้น เราก็มีโอกาสได้ปรับปรุงโรงแรมของเรา คิดแบบนี้มาจะ 2 ปีแล้ว ต้องปรับปรุงใหม่แล้ว ส่วนเขาใหญ่ มายโอโซนยังพอได้ ช่วงศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ ยังพอมีลูกค้าให้พอเลี้ยงพนักงานได้ จริงๆก็แค่พออยู่ได้นะ บาดเจ็บนิดหน่อย แต่ก็ดีกว่าต้องปิด

ส่วนโรงพยาบาล คลินิคก็ยังเปิดนะครับ ต้องบอกว่าติดลบนะครับ เปิดแต่ลูกค้าไม่ได้มาเยอะเหมือนแต่ก่อน จะมาเฉพาะทำให้ร่างกายให้แข็งแรง ก็พออยู่ได้ครับ เลี้ยงลูกน้องได้ ไม่ต้องเอาลูกน้องออก เพราะว่าบุคลากรที่สำคัญที่สุดของธุรกิจคือทีมงานดีๆซึ่งเราก็อยู่กันมานานไม่อยากให้เขาลำบาก ถ้าประกาศหาใหม่ เริ่มต้นใหม่ จะยากขึ้นไปอีก"

คิดหนักไหมที่ต้องปิดธุรกิจไปหลายแห่ง? "ไม่มีใครแกล้งนะครับ การทำธุรกิจมันก็ไม่มีบอกว่าธุรกิจไหนจะมีกำไรไปตลอดชีวิต ทำให้เราคิดว่าบางเรื่องเราก็ต้องเผื่อใจในเหตุการณ์แบบนี้ไว้ด้วย เพราะที่ผ่านมาชีวิตอาจจะไม่เคยเป็น ต่อไปนี้ธุรกิจเราก็ต้องคิดถึงเรื่องความเสี่ยงอื่นๆก็ได้ แต่คิดว่าทำยังไงที่จะประคอง อย่าให้มันมากระทบกับชีวิตเราจิตใจเรามากๆ อะไรที่มันยังไม่จบ มันบอกไม่ได้ว่าจะกลับมาดีเมื่อไหร่ มันบอกไม่ได้ว่าจะจบเมื่อไหร่ ก็ให้กำลังใจซึ่งกันและกัน เพื่อนๆหลายคนก็แย่ มันก็มีเวลาทบทวนตัวเอง โทรหาเพื่อนว่าใครได้อะไร เสียหายอะไรบ้าง เชื่อว่า ยังมีคนที่แย่กว่าเราอีกมากเราอาจจะเคยกับสิ่งที่เคยเป็นมาตลอด"

ใจหายไหม สำหรับคนรักสุขภาพ? "สะเทือนใจก็แป๊บเดียว ใจหายครับ ก็ขอบคุณมากๆที่ทุกคนให้กำลังใจมาครับ ผมก็ไม่ได้ฟูมฟายอะไร ทุกอย่างมันมีเวลาและวาระของมัน มันเข้ามาแล้วจากไปเป็นเรื่องธรรมดา ใจหายก็เสียดายไม่ได้ สงสารลูกน้องก็ไม่เป็นไร เยียวยากันไป ชดเชยให้เขาเป็นเรื่องที่ดี ส่วนตัวเราเองก็หาอะไรทำต่อ ยังไม่ได้ล้มเหลว

 

ชีวิตสำคัญที่สุดตอนนี้ต้องรักษาตัวเองให้แข็งแรง ถึงไม่มียิมก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะเลิกออกกำลังกาย เครื่องบางเครื่องก็เอามาเล่นเองที่บ้าน เดี๋ยวก็หาห้องที่ไม่ใหญ่มาก เราก็ได้ออกกำลังกายของเราเอง อาจจะไม่ได้เป็นยิมใหญ่ๆ ก็ลดสเกลลงมาให้เราอยู่ได้กับภาวะแบบนี้ อยู่ที่วิธีคิดครับ ไม่ต้องห่วงครับ ยังไงร่างกายเราต้องฟิตครับ คลินิคก็มีอยู่บำรุงวิตามิน ต่อให้ฉีดวัคซีนแล้ว ถ้าร่างกายไม่แข็งแรง วัคซีนก็ไม่ได้ช่วยอะไร"

หลายสงสัยว่าจะปิดถาวร หรือ ปิดชั่วคราว? "ธุรกิจฟิตเนส มันเป็นธุรกิจที่ไม่น่าเปิด ตั้งแต่เราเปิดมาเป็น 10 ปี ยังไม่เคยได้ผลกำไรเป็นจำนวนเงินกลับมา มีติดลบบ้างนิดหน่อย แต่อย่างที่บอกเมื่อสักครู่กำไรของพี่ไม่ได้หมายถึงเงินเสมอไป กำไรหมายถึงสุขภาพที่ดี สังคมที่ดี มีโซเชี่ยลของเราเล็กๆ ดูแลลูกน้อง วันนี้เราไม่ได้มองเรื่องที่ว่าจะกลับมาเปิดแล้วล่ะ เพราะธุรกิจฟิตเนสมันไม่ได้น่าสนใจที่จะทำเป็นธุรกิจได้ครับ"

ตอนนี้สถานการณ์โควิดหนัก เราวางแผนการทำธุรกิจในข้างหน้ายังไง? "ตอนนี้แค่ประคองตัวเองครับไม่ให้แย่ แล้วก็เริ่มมาดูไฟแนนซ์ในบ้านตัวเอง ว่าเรามีอะไรที่จำเป็นก็ค่อยลดทอน เราก็ต้องเริ่มมองอนาคตเยอะขึ้น ตอนมีโควิดแรกๆคิดว่าจะแค่ระยะเวลาสั้นๆ แต่ทีนี้มันเป็นยาวจนไม่รู้จะจบเมื่อไหร่ ก็ต้องกลับมาดูเสถียรภาพของครอบครัว ว่าถ้ายาวกว่านั้นจะเป็นยังไง

ส่วนธุรกิจอันไหนที่เป็นธุรกิจของเราเองเราตัดสินใจเองได้ว่าจะอยู่หรือจะไป ส่วนธุรกิจที่ต้องทำงานร่วมกับหุ้นส่วนคนอื่นก็ต้องคุยกันว่าเราจะเดินทางกันไปในทิศทางไหน มันก็เริ่มทำให้เราได้เห็นธุรกิจรูปแบบใหม่ที่จะเกิดในอนาคตมากขึ้น

ส่วนธุรกิจของลูกชายที่ทำอาหารเสริม ปรากฏว่าดีขึ้นเขาดูแลสุขภาพตัวเองมากขึ้น เขาขายได้ดีขึ้น แต่ผลกำไรอาจจะน้อยลงเพราะว่าเราก็ต้องดูสินค้าให้ราคาหยิบจับได้ง่ายมีของแถมมากขึ้น ซึ่งยอดขายก็สูงขึ้นก็สนับสนุนกันไปเราก็อยู่ได้"

เคยได้รับการเยียวยาไหม? "เอาเป็นว่าไม่ได้คาดหวังอะไรดีกว่า เราก็ดูแลตัวเองให้ดีที่สุดนั่นแหละ"