Short CommentGlitch กลิตช์ (2022)ความตั้งใจดี องค์ประกอบดูดี เดินหน้าด้วยความสงสัย แต่ไม่ใช่ความเพลิดเพลิน... ซะงั้นสิ่งหนึ่งที่เป็นความพยายามของ NETFLIX ในการเข้าถึงคนดูในภูมิภาคต่างๆคือการสนับสนุนการสร้างคอนเทนต์ท้องถิ่นที่เริ่มเยอะขึ้นกับงานประทับยี่ห้อ NETFLIX Original ซึ่งก็น่าสนใจเพราะเท่าที่ดูมา (แต่อาจไม่ได้เขียนถึงทุกเรื่อง) เพราะคล้ายกับว่าทีมงานผู้สร้างมีอิสระในการทำงานมากขึ้นไม่ติดกับกรอบเดิมๆ มีออกนอกกรอบมากบ้างน้อยบ้างก็ถือว่าเป็นนิมิตหมายอันดีที่น่าจะสามารถต่อยอดไอเดียเพื่อที่คุณภาพทางงานสร้างจะยกระดับขึ้นจากพื้นฐานที่คนดูชาชิน เช่นกันเมื่อวงการที่มีงานติดตลาดอยู่แล้วอย่างเกาหลีมาสร้างงาน Original ของแพล็ตฟอร์มฝรั่งอย่าง NETFLIX ทำให้เห็น DNA ที่เปลี่ยนไปชัดในสายตาคนที่ดูละครหรือหนังเกาหลีทุกวันอย่างดูไปบ่นไป อาจเพราะความที่ต้องฉายทั่วโลกเลยทำให้ต้องใส่นมใส่เนยลงมาในกิมจิที่อาจมีรสชาติแปลกไม่คุ้นลิ้นแต่บางทีถ้าส่วนผสมมันลงตัวก็จะได้อาหารจานใหม่ที่ชวนลิ้มลองหลงไหล ทว่ามันก็อาจไม่เป็นเช่นนั้นเสมอไปฮงจีฮโย (จอนยอบิน) หญิงสาวที่ดูธรรมดาแต่ไม่ธรรมดาเพราะความธรรมดาคือเธอคือคนทั่วไปมีงานทำมีแฟนและกำลังถูกขอแต่งงานมีบ้านใหม่ แต่ความไม่ธรรมดาของเธอคือคือเธอมองเห็นสิ่งที่ใครไม่เห็นนั่นคือมนุษย์ต่างดาวที่ไม่นุ่งผ้าแต่ว่าใส่หมวกเบสบอลสีเขียว เรื่องก็บอกตรงๆว่าเป็นผลมาจอกการที่เธอได้เจอกับ UFO แบบจังเบอร์ในสมัย ม.ต้น จนทำให้ในปัจจุบันเธอต้องเข้ารับคำปรึกษาจากจิตแพทย์ กระทั่งวันหนึ่งความผิดปกติของเธอเริ่มลุกลามทำให้ความสัมพันธ์ของเธอกับอีชีกุก (อีดงฮวี) สั่นคลอน จนเมื่อชีกุกไปนั่งทอดถอนใจในวันเลิกราแสงสีฟ้าประหลาดก็มาปกคลุมและเขาหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย เมื่อรู้ว่าแฟนหายไปฮงจีฮโยจึงพยายามตามหาจนพบว่าที่ชีกุกหายไปอาจเพราะถูกมนุษย์ต่างดาวลักพาตัวไปแต่พูดไปใครเขาจะเชื่อ เธอจึงพยายามหาลู่ทางทางอินเตอร์เน็ตจนพบเครือข่ายของคนที่เชื่อว่ามนุษย์ต่างดาวมีจริงและมีเรื่องลึกลับมากมายที่ไม่คลี่คลายให้คนหา จึงพาให้ฮงจีฮโยมาพบกับฮอโบรา (นานะ) เพื่อนเก่าที่จะประสานงากันค้นหาชีกุกที่ถูกมนุษย์ต่างดาวหิ้วไป แต่มันจะง่านปานนั้นหรือเป็นความตั้งใจดีแต่เรื่องแบบนี้อาจควรจบได้เร็วกว่านี้ เอาตามตรงเรื่องของมนุษย์ต่างดาวหรืองานไซไฟเอเลี่ยนที่มาพัวพันกับลัทธิคลั่งแบบนี้ไม่มีอะไรให้เหนือความคาดหมายแม้ว่าตอนท้ายจะมีอะไรให้อึ้งนิดหน่อยแต่เมื่อระหว่างทางมันเจาะเข้าไม่ถึงกลางใจก็อาจไม่ว้าว แต่ทั้งนี้นี่คืองานที่มีความตั้งใจดีที่จะบอกเล่าเรื่องวิทยาศาสตร์ไปพัวพันกับความเชื่อที่ซ่อนเงื่อนให้ค้นหาและเดินหน้าด้วยความสงสัยแต่มันดันมีแค่นั้น ส่วนหนึ่งคือความเป็นซีรีส์ NETFLIX Original ทำให้มีอิสระที่จะคิดและบอกเล่าให้ต่างไปทำให้บทของจินฮันแซจาก Extracurricular (2020) ที่เล่าเรื่องแบบนับหนึ่งถึงร้อยแบบซีรีส์ฝรั่ง และถ้าสังเกตดีๆการซ่อนเรื่องเพื่อสร้างความสงสัยคล้ายกับมีพิมพ์เขียวเดียวกันเพราะเรื่องเดินด้วยความน่าสงสัย แล้วค่อยๆขมวดปมไปเรื่อยๆตามเวลาและจำนวนตอนที่ผ่านไปเพื่อที่ทุกอย่างจะสุกงอมในตอนท้ายและเป็นไคลแมกซ์ที่โดน ทว่าปัญหาของเรื่องที่เล่ากันเป็นหนังเรื่องยาวแบบนี้ที่ไม่ค่อยคลายปมระหว่างทางก็คือเวลา เพราะเมื่อเล่านานเรื่องที่จะเล่าก็เริ่มหมดทำให้กลายเป็นวกไปวนมาแก่นของเรื่องน่าสนใจที่มาพร้อมองค์ประกอบชั้นดีแต่มีปัญหาด้านการสื่อสาร เพราะเรื่องแบบนี้จะดีมากหากเป็นหนังที่เล่าไม่เกินสองชั่วโมงหรือเป็นซีรีส์ที่จำนวนตอนไม่เกินหกตอน เพราะองค์ประกอบของบทออกมามีแกนเรื่องที่มีแก่นสารชัดคือเรื่องของวิทยาศาสตร์กับความงมงายและการใช้ความศรัทธามาเป็นเครื่องมือ ทั้งยังมีเรื่องรองของมิตรภาพที่ถูกหลงลืมหรือถูกกลบฝังในส่วนลึกขอความทรงจำที่ไม่อยากขุดขึ้นมาเพราะการพยายามหนีความจริง หรือเรื่องในมุมเสียดสีสังคมชนชั้นกลางเรื่องของการสร้างตัวและตั้งตัวเป็นครอบครัวที่เหมือนถูกสังคมบีบคั้นกลายๆ และยังมีกลิ่นอายของดราม่าครอบครัวออกมาจางๆซึ่งอาจรวมถึงเรื่องของจินตนาการบนภาพหลอนที่มาปะปนกับเรื่องจริงที่ตั้งใจมาให้คนดูไขว้เขว รวมไปถึงอารมณ์ขันแบบตลกร้ายซึ่งเมื่อแจกแจงออกมาอาจดูเยอะแต่ทุกอย่างดันมาเพียงน้อยนิดสะกิดแค่ผิวไม่ลงลึกเลยสักอย่าง ทำให้ถ้าจำนวนตอนไม่มากเท่านี้หรือเป็นหนังสั้นๆจบไปเลยองค์ประกอบดีๆเหล่านี้เท่าที่มีจะดูลงตัวกว่า เพราะเมื่ออยากเล่ามากแต่อะไรเทือกนี้ยังสื่อออกมาไม่สุดก็กลายเป็นอืดอาดืทำให้เรื่องเดินหน้าด้วยความสงสัยไปตลอดทางแต่จืดจางความเร้าใจ เมื่อมิติที่ตั้งใจมาโดนใจแต่เฉียดไปแค่ผิวที่เหลือคือความน่าสงสัยที่ยังคงเข้มพอให้คนดูที่มีความอดทนและต้องการพิสูจน์อะไรบางอย่างยังไปด้วยกันได้ เอาจริงไม่เอาใจคือเรื่องนี้พร้อมจะเปิดประเด็นออกมาแล้วไม่ตามเก็บแต่ปล่อยให้คิดไปเองหรือคิดเข้าข้างอยู่ร่ำไปแต่ถ้าบทออกมาเป๊ะจริงคนดูจะไม่มีทางคิดเข้าข้างด้วยความพยายามแบบนี้ เพราะคนดูจะมีความรู้สึกร่วมจนผูกติดไปกับเรื่องราวไม่ใช่พอมีอะไรหลุดๆหรือเอะใจต้องพยายามคิดในทางบวกให้หรือหาคำอธิบายที่ชอบธรรมให้ตัวเองแบบนี้ และด้วยความที่เรื่องเล่าด้วยการค่อยๆปล่อยจุดเล็กจุดน้อยเรื่องของการตามหาเบาะแสของมนุษย์ต่างดาวที่พัวพันกับอดีตทำให้มีชิ้นส่วนมากมายที่ต้องจับจ้องและห้ามหลุด แน่นอนเมื่อเรื่องแบบนี้ถูกเล่านานเกินไปย่อมต้องมีช่วงที่ไม่มีอะไรจะเล่นเลยกลายเป็นเล่าเรื่องซ้ำไม่เดินหน้าทำให้บนความสงสัยไม่มีความเร้าใจ แต่การที่คนดูยังต้องดูจบให้ได้เพราะอยากรู้ว่ามนุษย์ต่างดาวมีจริงหรือไม่หรือเป็นแค่ภาพหลอนในใจนางเอกเท่านั้นส่วนที่ดีที่สุดคือเสน่ห์ของสองนักแสดงนำที่ยังประคองความน่าดูไปสุดทาง ซึ่งถือเป็นความโชคดีที่ได้นักแสดงชั้นดีมาเป็นตัวเดินเรื่องกับพล็อตและบทที่อึนๆมึนๆทั้งเรื่องแบบนี้ ด้วยความที่เรื่องเดินไปด้วยความสงสัยเรื่องของสัมผัสมนุษย์ต่างดาวของนางเอกเป็นว่าเป็นเรื่องจริงหรืออาการป่วยทำให้คนดูทั้งอึนทั้งมึนไม่ต่างกัน แถมยังมีอาการชืดชาไม่ต่างจากตัวละครที่โดนมนุษย์ต่างดาวจับไปทำมิดีมิร้ายหรือไม่ด้วยการทดลอง เสน่ห์ของจอนยอบินจึงออกมาบนความอึนไปพร้อมกับความสงสัยในทุกมิติของตัวละครฮงจีฮโยทั้งสงสัยในเหตุการณ์สงสัยทุกเรื่องและสงสัยตัวเอง แล้วยังได้เพื่อนร่วมจอที่ศีลเสมอกันมีเสน่ห์พอกันอย่างนานะทำให้เคมีของสองนักแสดงหลักลงตัวเพราะนานะก็มีมิติของการถือชุดความจริงที่ฮอโบรารู้แต่ฮงจีฮโยลืม น่าเสียดายที่บทลงลึกไม่ได้เพราะมัวไปทำอะไรไม่รู้เช่นตัวละครบางคนที่เป็นส่วนเกินทำให้เรื่องไม่โดนใจแต่ที่ยังสัมผัสได้เพราะนักแสดงทำให้เห็น ส่วนอีดงฮวีนั้นจะว่าแสดงไม่ดีก็ไม่ใช่เพราะบทของเขาคือความท้าทายเรื่องของความรักและความงมงายในมนุษย์ต่างดาวของนางเอกมากกว่าสุดท้าย...นี่อาจไม่ใช่ความบันเทิงสำหรับทุกคน ผู้เขียนพยายามทำความเข้าใจในความตั้งใจครั้งนี้และก็เข้าใจว่าพยายามตีโจทย์ที่ไม่ยากแต่พยายามซับซ้อน เพราะเรื่องแบบนี้ไม่ใช่ไม่มีคนเคยเล่นมาก่อนที่เหลือจึงอยู่ที่รายละเอียดซึ่งเมื่อพยายามทบทวนดูหลังจากพยายามดูจบคือเรื่องนี้จะไปทางไหน เพราะงานไซไฟมนุษย์ต่างดาวสามารถไปได้หลายทางอย่างที่เคยมีคนแผ้วถางไว้คือจะหลอนแบบสยองขวัญหรือระทึกลึกลับแบบ The X Files ไปเลยก็น่าจะได้ และอาจจะดีด้วยเพราะพล็อตของเรื่องนี้เอื้อเต็มที่ให้ไปทางนั้นหรือจะออกมาเป็นงานสยองขวัญปนตลกหรือตลกเสียดสีไปเลยก็ไม่น่าจะเสียหาย แต่เมื่อคิดแล้วคิดอีกว่าเรื่องนี้จะสื่อออกมาแนวไหนผู้เขียนก็ยังฟันธงไม่ได้เพราะจะหลอนก็ไม่ใช่จะลึกลับก็เดาได้หมดหรือจะตลกก็ได้แค่ยิ้มมุมปาก ยังไม่ต้องไปถามถึงความระทึกเร้าใจเมื่ออารมณ์ที่ว่ามามันไม่ได้ความเร้าใจจึงไม่เกิดทำให้เหลือแค่ความสงสัยและเสน่ห์ของนักแสดงที่ยังได้ใจคนดู กระนั้นเรื่องที่ไม่มีความเร้าใจแบบนี้ก็มีสิ่งที่ต้องแลกคือความเพลิดเพลินไม่ถึงจุดสูงสุดจนทำให้อาจมีหลายคนไม่บันเทิงดูไปบ่นไปขอบคุณภาพประกอบภาพปก 1,ภาพปก 2-3 / ภาพที่ 1 / ภาพที่ 2,3,4,5,6,7 / ภาพที่ 8,9 จาก Instagram netflixkr อ่านบทความงานซีรีส์เกาหลี NETFLIX Original โดย "ดูไปบ่นไป" ได้ที่นี่ความเห็นหลังชม All Of Us Are Dead : มัธยมซอมบี้ (2022) สุดเร้าใจบนเส้นทางเดิมโดยไม่ต้องขยี้ เพียงมีให้สัมผัสก็ดูดีพอแล้วรีวิวจัดเต็ม JUVENILE JUSTICE : หญิงเหล็กศาลเยาวชน (2022) อาจดูจงใจ แต่เข้มข้น ขึงขัง เร้าใจ ปักกลางใจ กับสิบตอนที่ยังดูน้อยไปรีวิวจัดเต็ม Squid Game สควิดเกม เล่นลุ้นตาย (2021) "อาจดูเหมือนของเดิมเล่าซ้ำเก่า แต่ลูกล่อลูกชนทำให้กลายเป็นความเก๋า"รีวิวจัดเต็ม D.P. หน่วยล่าทหารหนีทัพ (2021) ยอดเยี่ยมถึงใจกับการตีแผ่มุมมืดของระบบที่ลึกถึงรากรีวิวจัดเต็ม Move to Heaven (2021) "ทุกการจากไปมีเรื่องให้รำลึกเสมอ เรียบ สามัญ งดงาม"ความเห็นหลังชม Money Heist: Korea – Joint Economic Area (2022) มีทุกอย่างที่ซีรีส์โจรกรรมชั้นดีพึงมี ยกเว้นความเป็นเกาหลีความเห็นหลังชม A Model Family: ครอบครัวตัวอย่าง (2022) มีดีในการจัดการอารมณ์ในแบบดราม่าอาชญากรรมชั้นดีที่คู่ควรดู จะฟังเพลงหรือดูหนัง ซีรีส์ใหม่สุดปัง โหลดเลยที่ App TrueID โหลดฟรี !