กลับมาอีกครั้งสำหรับ Russian Doll 2 (รัชเชียน ดอลล์) หลังจากที่ภาคแรกได้ฉายไปเมื่อปี 2562 และรับกระแสตอบรับที่ค่อนข้างดีเลยทีเดียว กับเนื้อหาที่สุดแสนจะอินดี้ และเสน่ห์ของ "นาเดีย" หรือ นาตาชา ลีโอนน์ (Natasha Lyonne) ที่ถ่ายถอดและดึงความเป็นนาเดียออกมาได้อย่างเต็มที่ จดกลายเป็น Iconic ของซีรีส์เรื่องนี้ไปเลย เชื่อว่าหลายๆคนที่ได้ดูภาคแรกไปแล้วก็คงลุ้นกันว่าจะมีโอกาสได้รับชมในซีซั่นสองต่อหรือไม่ เนื่องด้วยอุปสรรคอันมากมายระหว่างการถ่ายซีรีส์เรื่องนี้ สำหรับใครที่ยังไม่เคยได้รับชมซีรีส์เรื่องนี้มาก่อน อาจจะยังงงๆและสงสัย ว่าซีรีส์เรื่องนี้เกี่ยวกับอะไร ทำไมถึงมีถึงสองซีซั่นเลยล่ะ แน่นอนว่าซีรีส์เรื่องนี้อาจจะไม่ได้เป็นกระแสนักในบ้านเรา แต่ในต่างประเทศซีรีส์เรื่องนี้ได้รับการพูดถึงค่อนข้างมาก มีเพจหนังและ YouTuber นักรีวิวหนังหลายท่านออกมาทำคอนเทนต์เกี่ยวกับหนังเรื่องนี้เป็นจำนวนมาก เพราะด้วยเนื้อหาและวิธีการนำเสนอไอเดียที่ค่อนข้างจะแปลกแหวกแนวในเนื้อเรื่อง ทำให้ซีรีส์เรื่องนี้เป็นที่จับตามองมากๆซึ่งในซีซั่นที่สองนี้ Natasha Lyonne เองก็เข้ามามีส่วนร่วมในการเขียนบท กำกับ และแสดง โดยร่วมกับ Leslye Headland และ Amy Poehler ผู้สร้างสรรค์ผลงานในซีซั่นแรกด้วย ซึ่งเนื้อหาหลักๆในซีซั่นนี้จะค่อนข้างแตกต่างในซีซั่นแรก แต่ยังคง Concept ของกาลเวลาและลูปอยู่ เพื่อความต่อเนื่องของเนื้อหาควรดูซีซั่นแรกก่อนดูซีซั่นสอง และการกลับมาในครั้งนี้เห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่าทำงานกันอย่างหนักสำหรับเนื้อหา มีการศึกษาทฤษฎีต่างๆเพื่อให้เนื้อเรื่องออกมาอย่างสมบูรณ์ที่สุด Leslye เผยว่า "ในซีซั่นแรกใช้การอ้างอิงจากชุดความคิดของ Douglas Hofstadter นักวิทยาศาสตร์ผู้คิดค้น I Am a Strange Loop ส่วนในซีซั่นสองนี้ นำเอาเรื่องราวของการเดินทางข้ามเวลา จาก Carlo Rovelli นักควอนตัมฟิสิกส์ที่ศึกษาเรื่องเวลาอย่างลึกซึ้งผู้เขียนหนังสือ ‘ความลี้ลับของเวลา’ และเป็นนักวิทยาศาสตร์ที่เป็นผู้คิด The Order of Timeเธอบอกเลยเองนี่คือมันเป็นการเปิดโลกมากๆ ที่ได้ลองคิดดูว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าธรรมชาติของเวลาไม่ได้เป็นไปอย่างที่เราคุ้นเคย"เรื่องย่อว่าด้วยเรื่องราวของ "นาเดีย" หญิงสาวสุดเฮี้ยว หลังจากติดอยู่ในลูปวันคล้ายวันเกิดในวัย 36 ปีของเธอ จนสามารถหาทางเอาชนะลูปนั้นออกมาได้และย่างเข้าสู่เธอในวัย 40 กับปาร์ตี้วันเกิดที่กำลังมาเกิดขึ้นเร็วๆนี้ แต่ก็เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นเมื่อ นาเดีย ได้นั่งรถไฟใต้ดินเพื่อจะกลับบ้านแต่ปรากฎว่ารถไฟที่เธอนั่งนั้นไม่ใช่รถไฟธรรมดาแต่เป็นรถไฟที่พานาเดียสามารถข้ามกาลเวลา กลับไปยังอดีตได้ จนเกิดเรื่องราวที่สุดแสนจะวุ่นวายและโกลาหกมากมายตามมา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอดีตของครอบครัว เงินทอง ปัญหาชีวิตต่างๆ ต้องไปดูกันว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นบ้างและนาเดียจะสามารถฝ่าฝันอุปสรรคของเวลานี้ไปได้หรือไม่ การดำเนินเรื่องซีรีส์เรื่องนี้มีทั้งหมด 7 ตอน แบ่งออกตอนละ 30 กว่านาที ถือว่าไม่มากไปและไม่น้อยไป ส่วนตัวชอบระยะเวลาประมาณนี้มาก มันทำให้รู้สึกว่าดูต่อได้เรื่อยๆ เพลินๆเลย ในซีซั่นนี้รู้สึกว่าแอบดึงนานไปหน่อย อาจจะก็ไม่ได้ตอบโจทย์เราเองในแง่ของความสนุกขนาดนั้น แต่โดยรวมก็ถือว่าเป็นซีรีส์ที่ยังทำให้เรารู้สึกอยากดูได้ไว้ได้ตลอดทั้งเรื่อง มีปมและปริศนามากมายให้เราต้องคอยลุ้นอยู่ตลอด เนื่องด้วยในซีซั่นนี้หยิกยกประเด็นของการเดินทางท่องกาลเวลามาใช้ ผ่านตัวรถไฟใต้ดิน ที่จะพาข้ามอดีตไปยังยุคต่างๆ แม้จะไม่ได้แปลกใหม่มากนักแต่วิธีการเล่าก็ถือว่าสดใหม่ ชอบที่สามารถถ่ายทอด Manhattan ในยุค 1982 ออกมาได้อย่างงดงามมาก ทั้งบรรยากาศและความสมจริงที่ถูกนำใช้มาอย่างพอเหมาะพอดี ช่วงที่โดดเด่นของเรื่องเราเองมองว่าคือการย้อนเวลากลับไปแล้วทำให้ตัวละครมีสองคาแรคเตอร์ ซึ่งพอนำเสนอออกมามันดีมากเลย การแสดงของนักแสดงและไอเดียนี้เป็นอะไรที่เราค่อนข้างชอบมากๆ อันนี้ต้องชื่นชนตัวนักแสดงด้วยเพราะท่วงท่า สายตา และอารมณ์ข้างในของทั้ง นาเดีย และ วีร่า ดีมากจริงๆและความโดดเด่นของคาแรคเตอร์ "นาเดีย" เป็นตัวละครที่เชื่อว่าใครที่ได้ดูตั้งแต่ซีซั่นแรกก็ต้องรู้สึกชอบคนๆนี้แน่นอน เป็นสาวเฮี้ยวที่ไม่ว่าจะพูดอะไรก็ดูจะเข้าท่าไปเสียหมด ท่วงท่า และน้ำเสียงก็ช่างเข้ากันได้ดีมากๆ Lyonne ถ่ายถอดและดึงเสน่ห์ของความเป็นนาเดียออกมาได้อย่างเต็มที่จริงๆ นอกจากนี้เสื้อผ้าและทรงผม ทุกอย่างก็ส่งผลให้นาเดียกลายเป็น Iconic เป็นภาพจำเป็นตัวแทนของซีรีส์เรื่องนี้ได้อย่างดีจริงๆ ในช่วงท้ายๆทุกคนจะได้กลับไปเห็นในฉากเริ่มต้นปาร์ตี้วันเกิดก่อนเหตุการณ์วนลูปของนาเดียจะเกิดขึ้น ซึ่งเชื่อว่าทุกคนคงไม่ลืม "แม็กซีน" ที่รับบทโดย Greta Lee กับเจ้าของประโยคประจำตัวสุดฮิตอย่าง "Sweet Birthday Baby" ในซีซั่นนี้ก็กลับมามีบทบาทมากขึ้น เป็นอีกหนึ่งตัวละครที่เราเองก็มองว่าค่อนข้างน่าสนใจ พอได้มามีบทบาทในการดำเนินเรื่องเราก็มองเห็นมิติอื่นๆของแม็กซีนได้มากขึ้นด้วยเช่นกันในซีซั่นสองนี้ค่อนข้างมีหลากหลายมิติ ว่าด้วยด้วยเรื่องเอนโทรปี (Entropy) ที่เราเคยเห็นกันในเรื่อง Tenet การเดินทางของเวลา ประวัติศาสตร์ในอดีตของเบอร์ลิน หรือประวัติครอบครัวฮังการีของนาเดียบ้าง มิติของเวลา ชีวิตและความตาย รวมเข้ากับความเป็นปรัชญาของซีรีส์เรื่องนี้อีก ก็ยิ่งทำให้แอบมีเนื้อหาที่เข้าใจได้ไม่ง่ายนัก ดูไปก็ต้องคิดตามไปด้วย เพราะมันซับซ้อนและมีการตัดสลับไทม์ไลน์ตลอดเวลา และความเป็นรัชเชียน ดอลล์ ดำเนินเรื่องด้วยบทสนทนายาวๆอยู่แล้วก็อาจจะทำให้เบื่อได้ง่ายๆ สรุปRussian doll 2 (รัชเชียน ดอลล์) ก็ถือว่าเป็นกลับมาอุดช่องว่างรอยต่อของกาลเวลา มาทำให้เราหายคิดถึงได้ ใครที่ชอบเรื่องของเวลา ไซไฟหน่อยๆ จิกกัดชีวิตนิดๆ บวกกับตลกด้วย เรื่องนี้ตอบโจทย์แน่นอน เป็นความลงตัวที่อัดแน่นไปด้วยคุณภาพ ใครที่ได้ดูแล้วคิดเห็นอย่างไรก็มาแชร์ไอเดียกันได้ คิดว่าในรัชเชียน ดอลล์ 2 นี้ มีเรื่องให้ผู้ชมได้คุยและวิเคราะห์กันยาวๆแน่นอน กดเปิด Netflix แล้วดูโลดจ้า https://www.youtube.com/watch?v=QvEyUOoLehIขอบคุณวิดีโอ Russian Doll Season 2 | Official Trailer จาก Netflixขอบคุณภาพปก และภาพประกอบ 1/2/3/4/5 จาก @RussianDoll จะฟังเพลงหรือดูหนัง ซีรีส์ใหม่สุดปัง โหลดเลยที่ App TrueID โหลดฟรี !