Movie Review Abang Adik ล่าฝันเมืองเดือด (2023) ดราม่าชั้นเยี่ยมที่มาด้วยความสามัญประหนึ่งชีวิตจริงแสนหดหู่ดูแล้วสะกดหัวใจผ่านการความเยี่ยมเกินบรรยายของอู๋คังเหริน อู๋คังเหริน (Kang Ren Wu) ชื่อนี้อาจไม่คุ้นหูนักดูหนังเท่าไหร่ถ้าไม่ใช่คนที่ดูหนังไต้หวันบ่อยๆหรือชอบคอนเทนต์ไต้หวันทั้งหนังทั้งซีรีส์อย่างผู้เขียน สำหรับท่านที่ไม่ค่อยได้ดูงานจากไต้หวันแน่นอนว่าชื่อไม่คุ้นหูหน้าไม่คุ้นใจแน่นอนแต่ถ้าว่ากันที่วงการบันเทิงไต้หวันอู๋คังเหรินจัดเป็นพระเอกระดับดีหนึ่งประเภทหนึ่ง คือเป็นนักแสดงชั้นแนวหน้าที่การันตีฝีมือการแสดงได้แน่นอนว่ารับบทไหนก็เป็นได้ทั้งนั้น ซึ่งผู้เขียนเองที่ดูงานไต้หวันมาบ่อยเลยได้ผ่านตาการแสดงของเขามาพอตัวเช่นบทตำรวจที่มีปมในใจในซีรีส์ Copycat Killer (2022) หรือบทมาม่าซังสาวประเภทสองใน Light the Night (2021) แม้กระทั่งบทที่มาเพื่อขายเสน่ห์ชายชาตรีล้วนๆใน Mom, Don't Do That! (2021) หรือจะเป็นบทตัวร้ายจอมยียวนในหนัง Breaking and Re-entering (2024) และเขานี่เองที่เป็นเหตุผลให้ผู้เขียนตัดสินใจดูหนังจากประเทศเพื่อบ้านคือมาเลเซียอีกครั้ง เพราะอยากรู้ว่าหนังมีดีอะไรให้อู๋คังเหรินออกจากเกาะไต้หวันมาเล่นหนังถึงมาเลเซีย ในย่านชายขอบที่เหมือนเป็นไส้ติ่งของกรุงกัวลาลัมเปอร์มีสองหนุ่มสองพี่น้องคืออาบัง (อู๋คังเหริน) กับอาดิก (แจ๊ค ตัน) ใช้ชีวิตอยู่ด้วยความลำเค็ญเพราะทั้งสองไม่มีบัตรประชาชนแม้จะเป็นคนมาเลเซียตั้งแต่เกิด ทั้งสองจึงต้องทำงานรับจ้างที่เป็นงานค่อนข้างชั้นต่ำไม่ต่างจากแรงงานต่างด้าวที่อาบังยังใช้ชีวิตตามครรลองแต่อาดิกต้องการหาเงินทุกวิถีทางบางครั้งก็ผิดกฎหมาย ทั้งสองยังต้องการทำบัตรประชาชนแต่กระบวนการก็ยุ่งยากแต่ก็มีนักสังคมสงเคราะห์ที่ไม่เคยย่อท้อในการช่วยเหลือทั้งสองพี่น้องคือหลี่เจียอัน (เซเรน ลิม) แน่นอนการใช้ชีวิตในฐานะคนชั้นต่ำที่สุดในสังคมเมืองใหญ่อย่างกัวลาลัมเปอร์มันคือความยากเข็ญสุดกู่แต่อาบังและอาดิกก็ยังอยู่ได้มีชีวิตปกติสามัญแม้มันจะต้องปากกัดตีนถีบมากหน่อย ทว่าวันหนึ่งอาดิกดันไปพลั้งมือทำให้หลี่เจียอันตายไปสองพี่น้องจึงต้องแยกจากกันเพราะอาบังไปสารภาพว่าตนเป็นคนลงมือ แล้วความจริงก็ปรากฎว่าแท้จริงแล้วอาบังและอาดิกมาเป็นพี่น้องกันได้อย่างไร ร้อยเรียงเรื่องชีวิตของชนชั้นต่ำสุดในสังคมเพื่อเตะผ่าหมากสังคมได้ยอดเยี่ยมด้วยความเรียบง่ายสามัญ บางครั้งหนังหรือละครก็มีหน้าที่สะท้อนแง่มุมทางสังคมที่เหมือนเป็นซอกหลืบเร้นที่ถ้าไม่มีใครจุดประกายก็คงไม่เห็น บทหนังจึงทำหน้าที่นั้นด้วยการเปิดมุมซอกที่ถูกซ่อนเร้นอยู่ในฉากหน้าที่หรูหรางดงามของเหมืองใหญ่ ซึ่งมันคือความจริงที่คงไม่มีใครปฏิเสธเพียงแต่อาจเลือกไม่มองเพราะมันไม่ใช่ความรื่นรมย์สายตาบทหนังจึงออกมาเรียบง่ายสามัญเหมือนกับการดูชีวิตของอาบังกับอาดิกดำเนินไปเรื่อยๆตามภาวะดิ้นรนสุดกำลัง ซึ่งมันคือความธรรมดาที่ชีวิตเหมือนดั่งตลาดสดที่วุ่นวายกลิ่นเหม็นคลุ้งทั้งกลิ่นคาวหรือขยะบางมุมอาจสกปรกแต่ตลาดสดก็เหมือนชีวิตที่ต้องดำเนินไปเมื่อตลาดวายอีกวันก็เริ่มใหม่อีกครั้งเหมือนหนึ่งวันในการดิ้นรนของคน แต่นี่คือหนังที่จะสะท้อนเรื่องของคนที่เหมือนเป็นชนชั้นต่ำสุดในวงล้อทางสังคมที่อาจไม่มีผลอะไรกับชีวิตคนบางคนแต่พวกเขาก็ยังเป็นคนแต่แค่สังคมไม่เหลียวมามองเท่านั้น สะกดอารมณ์แต่ไม่บีบหัวใจใช้ความจริงในชีวิตเป็นแรงดึงดูดว่าตัวละครจะหลุดพ้นจากจุดที่เป็นอยู่ได้อย่างไร หนังไม่มีภาพที่สวยงามเหมือนทั่วไปกลับกันคือเปิดอีกมุมที่อาจไม่น่าดูของกัวลาลัมเปอร์ที่อาจเหมือนเมืองใหญ่ทั่วไป ดังนั้นชีวิตแรงงานที่ตำกว่าระดับรากฐานจะมีอะไรได้อีกนอกจากความน่าสงสารและเรื่องนี้ก็จัดการได้ตั้งแต่แรกด้วยการกระตุกสังคมให้รู้ว่าแม้แต่คนมาเลเซียเองยังไม่มีสิทธิ์พื้นฐานพลเมืองเพราะกระบวนการขอบัตรประชาชนยากยิ่งนัก ภาพที่เห็นคือความสัมพันธ์ที่จับต้องได้แม้จะเล่าไม่มากแต่เมื่อดูก็รู้ว่าความรักกระหว่างพี่น้องต่างสายเลือดมีมากขนาดไหน จนกระทั่งเรื่องมาเฉลยที่ว่าไม่มีใครต้องการอาดิกอีกแล้วนอกจากอาบังนั่นคือการสะกดอารมณ์ให้หดหู่เพราะในภาวะที่ข้นแค้นยังมีความดีงาม ยังไม่ต้องไปพูดถึงอาบังที่หูหนวกพูดไม่ได้ยิ่งทำให้หัวใจคนดูตกหลุมแห่งความสงสารและต้องการให้พวกเขาหลุดพ้น กระนั้นสิ่งที่คนดูต้องการก็อาจเป็นเรื่องไกลเกินฝันเพราะชีวิตมักจะเป็นเช่นนี้ ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ที่ถูกหลงลืมด้วยกระบวนการ กฎหมาย และความข้นแค้นที่กดให้คนไม่เท่ากับคน นี่คือเรื่องของศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ที่ความเท่าเทียมเป็นเพียงมโนภาพในแผ่นกระดาษ หนังตอกย้ำครั้งแล้วครั้งเล่าในความที่คนไม่เท่ากับคนเพราะชีวิตหนึ่งของอาบังดูเหมือนไม่มีคุณค่ากับใครเลยแต่เป็นคุณค่าเดียวในชีวิตอาดิก เพราะอาบังกับอาดิกก็คือตัวแทนของคนที่สังคมไม่เหลือบมองเป็นชนชั้นต่ำเพราะสถานะของพวกเขาไม่ถูกกฎหมายทั้งที่เป็นคนมาเลเซียแต่ไม่มีสิทธิ์พื้นฐานแม้การออกเสียงเลือกตั้ง ในชีวิตที่ต้องหนีเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองตลอดเวลาทำให้อาบังต้องตัดสินใจทำบางอย่างส่วนหนึ่งคือการปกป้องอาดิกเพราะอาดิกยังมีสูติบัตรยังมองเห็นอนาคต ซึ่งอาบังฉายภาพวลีที่ว่าไม่มีอนาคตอย่างชัดในฉากสนทนากับพระเพราะคนดูจินตนาการไม่ออกเลยว่าคนที่แม้แต่จะรักผู้หญิงสักคนยังไม่มีสิทธิ์จะเหลือสิ่งใดในวันข้างหน้า หนังได้กระชากหน้ากากของกระบวนการ กฎหมาย และสังคมออกมาแล่เนื้อเถือหนังได้อย่างยอดเยี่ยมจนคงไม่มีใครอดคิดไม่ได้ว่าเรื่องพวกนี้คือเรื่องจริงที่ยังมีคนอีกมากมายต้องเป็นแบบนั้น เป็นความเยี่ยมเหนือคำบรรยายเมื่อหนังเหมือนเป็นเรื่องจริงผ่านจอที่ถูกขับส่งด้วยการแสดงที่ล้ำเลิศ ด้วยบทหนังที่ยอดเยี่ยมในการสร้างตัวละครที่เหมือนมาจากชีวิตจริงแม้จะเป็นเรื่องแต่งแต่มีแง่มุมของชีวิตจริงเต็มประตู มิติตัวละครจึงต้องเป็นคนจริงๆความรู้สึกที่มีจะต้องถูกถ่ายทอดออกมาอย่างได้ผลและเรื่องนี้อู๋คังเหรินให้การแสดงในระดับมาสเตอร์พีซ เพราะตั้งแต่ดูงานแสดงของเขามาเรื่องนี้คือระดับล้ำเลิศมีความเงียบงันที่สื่อสารออกมาผ่านทางแววตาได้ยอดเยี่ยม เอาง่ายๆคือไม่มีทางที่คนดูจะไม่น้ำตาไหลในฉากสุดท้ายที่อาบังได้คุยกับอาดิกที่เป็นความเงียบที่ทรงพลังเพราะการแสดงที่ล้ำเลิศอย่างที่ว่า กระนั้นต้องยกเครดิตให้แจ็ค ตันที่แสดงได้ยอดเยี่ยมไม่แพ้กันเป็นส่วนเสริมชั้นเยี่ยมจนสามารถพาอารมณ์คนดูให้รู้ในสิ่งที่ควรรู้แม้จะเล่าเพียงน้อยนิดคือที่มาของพี่น้องต่างสายเลือด ง่ายๆคือแม้จะไม่มีสายเลือดเดียวกันแต่ชาติหน้าผมขอเกิดเป็นพี่แล้วคอยดูแลพี่นะคือคนดูจะรู้ด้วยการแสดงในความผูกพันธ์ระดับนี้ อาจดูแล้วหดหู่แต่ก็อยู่ในระดับงานที่ไม่ควรพลาด เป็นอีกครั้งที่หนังไม่ใช่ความบันเทิงแต่หดหู่เพราะหนังเล่าเรื่องชีวิตคนที่มองยังไงก็มองไม่เห็นว่าชีวิตจะดีไปกว่านี้ยังไง หนังเล่าเรื่องเรียบง่ายก็จริงแต่นี่คือการเล่าเรื่องของคนที่เป็นชนชั้นต่ำที่แม้แต่อาหารยังอาจไม่ได้กินครบทุกมื้อ ตลอดเวลาหนังจึงพาคนดูไปรับรู้ถึงการดิ้นรนเพื่อที่จะมีชีวิตผ่านไปวันๆที่ไม่รู้ว่าอนาคตมีภาพอย่างไรและการแสดงก็ทำให้เห็นภาพนั้นคือภาพอนาคตที่ว่างเปล่าของอาบังกับอาดิก ซึ่งผู้เขียนก็ขัดใจกับชื่อไทยอีกแล้วว่าล่าฝันเมืองเดือดเพราะนี่ไม่ใช่การล่าฝันแต่แม้กระทั่งความฝันอาบังกีบอาดิกยังไม่มีสิทธิ์จึงไม่ต่างจากการก่นด่าสังคมที่เป็นสภาพนี้ที่ทำให้คนบางคนเป็นคนก็แค่คนแต่เหมือนไม่ใช่คน ทั้งยังตีแสกหน้ากระบวนการที่ทำให้อาจมีหลายคนที่ต้องเป็นเหมือนอาบังกับอาดิกเพียงเพราะไม่มีสักน้อยนิดของกระบวนการที่เอื้อเฟื้อพวกเขาเลย เป็นอีกหนึ่งหนังดราม่าที่ถ้าชอบหนังดราม่าจัดๆอย่างผู้เขียนคงต้องประทับตราว่า "อย่าเพิ่งตายถ้ายังไม่ได้ดู" ดูไปบ่นไป ขอบคุณภาพประกอบ ภาพปก / ภาพที่ 1 / ภาพที่ 2 / ภาพที่ 3 / ภาพที่ 4 / ภาพที่ 5 / ภาพที่ 6 / ภาพที่ 7 / ภาพที่ 8 จาก Instagram abangadikthemovie ถ้าคุณชอบเรื่องนี้ คุณจะชอบเรื่องนี้ https://entertainment.trueid.net/detail/YRrY21eVYAE5 เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !