รีวิวหนัง "September 5" อินไซด์หน้าข่าวประวัติศาสตร์ ที่ควรได้ชิงรางวัลมากกว่านี้

แม้ว่าฤดูกาลแจกรางวัลของวงการหนังในช่วงปีที่ผ่านมาจะได้ปิดฉากลงไปแล้ว แต่เราก็ยังมีควันหลงของกลุ่มหนังรางวัลอีกบางเรื่องที่ทะยอยฉายไล่ตามหลังมาเรื่อย ๆ หนึ่งในนั้นก็คือหนังดรามาสายข่าวกับการตีแผ่หน้าหนึ่งในประวัติศาสตร์ที่เคยเกิดขึ้นจริงใน "September 5" กับการตีแผ่สถานการณ์อันเข้มข้นเกี่ยวกับเหตุการณ์ก่อการร้าย ออกมาเป็นหนังการข่าวที่โดดเด่นสะดุดตา แต่น่าเสียดายเหลือเกินที่หนังเรื่องนี้ถูกกระแสหนังคู่แข่งเรื่องอื่น ๆ บดบังจนแทบไม่มีซีน
อีกหนึ่งมุมมองจากเหตุการณ์การก่อการร้ายครั้งที่สั่นสะเทือนไปทั้งโลก เมื่อเกิดเหตุกราดยิงและจับตัวประกันภายในหมู่บ้านนักกีฬา ระหว่างที่กำลังมีการจัดการแข่งขันมหกรรมกีฬาโอลิมปิก ณ กรุงเบอร์ลิน ในปี 1972 ทีมข่าวกีฬาประจำสถานีโทรทัศน์เอบีซีของอเมริกา ได้แปรเปลี่ยนจากการถ่ายทอดสดกีฬาเป็นการเกาะติดสถานการณ์ข่าวตึงเครียด ณ ห้วงเวลาทองของวงการโทรทัศน์ที่กำลังแข่งขันกันช่วงชิงเรตติ้ง นี่คือครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่มีการถ่ายทอดสดเหตุก่อการร้ายออกสู่สายตาชาวโลก
เอาจริง ๆ ที่ผ่านมาก็มีหนังเนื้อหาเกี่ยวกับเหตุการณ์ก่อการร้ายในมหกรรมกีฬาโอลิมปิกปี 1972 ก็เคยดูนำมาเสนอแล้วหลายครั้ง ไมว่าจะเป็น Munich ของผู้กำกับ สตีเวน โซเดอร์เบิร์ก หรือ One Day in September หนังสารคดีเจ้าของรางวัลออสการ์ในปี 1999 รวมทั้งเนื้อหาสกู๊ปสารคดีต่าง ๆ ที่ตีแผ่เรื่องราวนี้อยู่หลายครั้ง ทำให้แง่มุมในความสดใหม่ของหนังเรื่องนี้ก็แทบจะเจือจางไปไม่น้อย นั่นจึงเป็นโจทย์ที่ท้าทายผู้สร้างว่าจะนำเสนอในรูปแบบไหนให้ยังน่าสนใจ
ทำให้ September 5 ออกมาเป็นหนังที่มีการโฟกัสผ่านมุมมองสายข่าว ที่มีโทนความเข้มข้นแบบเดียวกับกลุ่มหนังรางวัลในอดีต อย่าง Spotlight หรือ The Post แต่ทว่าเรื่องนี้ได้เบนเข็มนำเสนอการข่าวในรูปแบบข่าวทางโทรทัศน์ เบื้องวงการการถ่ายทอดสดที่้มีเวลากับข้อเท็จจริงเป็นความท้าทายที่ดุเดือด และนี่ก็คือผลงานสร้างหนังฝั่งฮอลลีวูดแบบเต็มตัวเรื่องแรกของ "ทิม เฟลเบาม์" ผู้กำกับหนุ่มชาวสวิส ที่นับว่าฝีมือของเขาเริ่มเจิดจรัสขึ้นมาไม่น้อย
ทิม เฟลเบาม์ รับหน้าที่กำกับและช่วยเขียนบทหนังเรื่องนี้ ร่วมกับ "มอริตซ์ บินเดอร์" และ "อเล็กซ์ เดวิด" กลายออกมาเป็นบทหนังที่ค่อนข้างเข้มข้นชวนประทับใจอีกครั้ง กลายเป็นหนังสายข่าวที่ค่อนข้างปลุกใจเร้าอารมณ์คนดูได้อย่างจัดจ้าน อาจจะเพราะด้วยสถานการณ์ที่ช่วยกระตุ้นเส้นเรื่องได้เป็นอย่างดี ยิ่งทำให้จังหวะการเล่าเรื่องมีอรรถรสที่ชวนชมไปได้ตลอดทั้งเรื่อง และถึงจะเป็นหนังสายรางวัล แต่เรื่องนี้ใช้วิธีการเล่าเรื่องแบบไม่รีรอ กระชับฉับไว รวบรัดได้ดีภายในเวลาราว ๆ 90 นาทีที่กำลังเหมาะเจาะ
September 5 เป็นหนังที่เข้าชิงออสการ์ 2025 ในสาขาบทภาพยนตร์ดั้งเดิมยอดเยี่ยม ก็ถือว่าสมน้ำสมเนื้อดี เพราะบทหนังค่อนข้างกระชับและจับใจความได้อยู่หมัด สามารถร้อยเรียงและจับประเด็นได้อย่างทั่วถึง โดยที่ไม่มัวเสียเวลาไปกับการร่ายใส่องค์ประกอบอื่น ๆ ทำให้หนังเต็มไปด้วยสัดส่วนที่มีแต่ความจำเป็นทั้งสิ้น เป็นความกระชับที่แทรกซึมเข้าถึงเนื้อหาได้เป็นอย่างดี และยังเกลี่ยบทบาทตัวละครต่าง ๆ ได้อย่างเหมาะเจาะพอดีด้วย
งานถ่ายภาพของ "มาร์คุส ฟอร์เดอเรอร์" ที่เป็นช่างภาพคู่บุญของผู้กำกับรายนี้ สามารถรังสรรค์งานภาพออกมาค่อนข้างน่าประทับใจ ด้วยการใช้แสงและกลิ่นอายย้อนยุคไปสู่ยุค 70s เข้ามาใช้ได้อย่างลงตัว ประกอบเข้าความเข้มข้นและจังหวะการตัดต่อหนังที่ค่อนข้างเฉียบกำลังพอดีของ "ฮานส์ยอร์ก ไวส์บริค" มือตัดต่อหนังเบอร์ต้น ๆ ของเยอรมัน ที่ใช้ลูกเล่นสลับกับภาพฟุตเทจเหตุการณ์จริงนำมาประกอบได้อย่างกลมกลืนไม่น้อย
ทางด้านการแสดงก็ถือว่า September 5 เป็นหนังที่มีทีมดาราที่ชวนว้าวไม่น้อย "ปีเตอร์ สการ์สการ์ด" มอบการแสดงที่น้อยแต่มากอีกครั้ง ออกมาซีนไหนก็โชว์ให้เห็นว่าความเป็นมืออาชีพเขารับมืออย่างไร แต่ที่แบกหนังทั้งเรื่องเอาไว้ได้ดี ก็คือ "จอห์น มากาโร" มารับหน้าที่เป็นตัวหลักในการดำเนินเรื่องและส่วนเชื่อมตัวละครได้อย่างมั่นคง ยิ่งได้การแสดงของ "เบน แชปลิน" มาประกอบเสริมด้วยแล้ว ยิ่งทำให้ทีมนักแสดงชายเรื่องนี้ทรงพลังขึ้น
และที่ไม่พูดถึงไม่เลยก็คือ "ลีโอนี เบเนสช์" ดาราสาวชาวเยอรมัน ที่มาร่วมแสดงสมทบในหนังเรื่องนี้ เราอาจจะเคยเห็นการแสดงของเธอคนนี้มาบ้าง แต่สำหรับเรื่องนี้ถือว่าเธอเป็นคาแรกเตอร์สมทบที่สำคัญไม่น้อย และการแสดงของเธอก็เป็นส่วนเติมเต็มให้หนังดูมีมิติเพิ่มขึ้นอย่างอธิบายไม่ถูก นับว่าเป็นหนึ่งในความลงตัวของแคสติ้งนักแสดง แม้ว่าหลัก ๆ พวกเขาจะวนเวียนทำการแสดงอยู่แต่ในฉากไม่กี่ฉากก็ตามที
ดังนั้นในภาพรวมแล้ว September 5 เป็นหนังเจาะลึกเจาะประเด็นข่าวที่น่าประทับใจอีกเรื่องหนึ่ง แม้ว่าจะน่าเสียดายที่พลังของหนังไม่อาจจะสู้คู่แข่งหนังสายรางวัลในช่วงปีที่ผ่านมาไม่ได้สักเท่าไหร่ ทั้งที่หนังก็มีประสิทธิภาพเพียงพอที่จะได้เข้าชิงรางวัลสาขาอื่น ๆ ได้มากกว่านี้ แต่โอกาสของหนังอาจจะไม่ได้โดดเด่นเพียงพอ แม้ว่าจะเป็นหนังที่ค่อนข้างดีในเกือบทุกองค์ประกอบ แต่อาจจะไปไม่ไหวบนเวทีรางวัล แต่ก็ใช่ว่ารางวัลจะเป็นคำตอบทุกอย่าง เพราะสุดท้ายเนื้อหาและความสนุกของหนังต่างหาก ที่เป็นเครื่องตัดสินความยอดเยี่ยมของหนังที่แท้ทรู...แบบเรื่องนี้
คลิกที่นี่ ดูหนัง September 5 แบบเต็มเรื่องได้ที่ทรูไอดี
ข้อมูลเกี่ยวกับหนัง: September 5
- ประเภท: ดรามา / ระทึกขวัญ
- ผู้กำกับ: ทิม เฟลเบาม์
- นำแสดงโดย: ปีเตอร์ สการ์สการ์ด, จอห์น มากาโร, เบน แชปลิน, ลีโอนี เบเนสช์
- ความยาว: 95 นาที
- กำหนดฉายในไทย: 27 มีนาคม 2025 (ที่ TrueID)
Movie.TrueID METRIC: September 5
- ภาพรวม
⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐✰✰ (8.2/10) - การเล่าเรื่อง
⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐✰✰ (8.0/10) - การแสดง
⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐✰✰ (8.5/10) - เทคนิคงานสร้าง
⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐✰✰ (8.1/10) - บทภาพยนตร์
⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐✰✰✰ (7.7/10)
-------------------------------------
>> ดูหนังออนไลน์ได้ที่ Movie.TrueID <<
หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับทรูไอดีสามารถเข้าไปได้ที่ TrueID Help Center เป็นช่องทางใหม่ที่ให้ข้อมูลและการแก้ไขปัญหาเบื้องต้นเกี่ยวกับทรูไอดี คลิกเลย >> https://bit.ly/3xEgdAa