"Mulan" เปิดตัวเมืองจีนปัง..พินาศ วอร์เนอร์ฯ ซ่อนตัวเลขรายได้หนัง "Tenet"
ข่าวสารวงการหนัง
เช้าวันจันทร์มาติดตามรายงานตัวเลขจากบ็อกซ์ออฟฟิศที่น่าสนใจอีกเช่นเคย แม้ว่าสถานการณ์โควิด-19 จะยังทรงตัว ไม่ได้หายไปจากชีวิตของทุกคนบนโลกในเร็ววัน แต่วงการหนังทั่วโลกก็ยังคงต้องเดินหน้าต่อ ด้วยการทยอยกลับมาเปิดให้บริการโรงหนังอีกครั้ง และนำหนังใหม่ลงโปรแกรมฉาย แต่ก็ดูเหมือนปัจจัยต่างๆ ก็ยังไม่สู้ดีนัก แม้เหลือเวลาอีกแค่ 3 เดือนเศษๆ ก่อนจะหมดปี 2020 ไป แต่ก็อาจจะเกิดความเปลี่ยนแปลงของโปรแกรมฉายหนังได้ทุกเมื่อ
"Mulan" หนังไลฟ์แอคชั่นจากแอนิเมชั่นเรื่องล่าสุดจากดิสนีย์ ดูเหมือนจะเจอกระแสดราม่าถาโถมใส่ไม่หยุด ไม่ใช่แค่เพียงตัวหนังที่อาจจะเป็นที่ชื่นชอบของนักวิจารณ์ แต่กลับยังไม่ถูกใจกลุ่มคนดูทั่วโลกสักเท่าใดนัก เพราะเสน่ห์ที่ขาดหายไปจากต้นฉบับอย่างเห็นได้ชัดเจน สำหรับหนัง Mulan ฉบับนี้เองก็มีการตั้งความหวังเอาไว้ค่อนข้างสูง เพื่อตีตลาดหนังในเมืองจีนแผ่นดินใหญ่ แต่ผลลัพธ์ที่ออกมาดูเหมือนจะไม่เข้าท่า
ตามรายงานระบุว่า Mulan เปิดตัวเข้าฉายทั่วจีนแผ่นดินใหญ่ในสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ปรากฏว่าทำเงินรายได้ได้ต่ำกว่าที่คาดการณ์เอาไว้พอสมควร เหมายัน บริการจำหน่ายตั๋วหนังล่วงหน้าของเมืองจีน ได้คาดคะเนรายได้เปิดตัวของมู่หลานเอาไว้ก่อนหน้านี้ว่าจะได้ราวๆ 40 ล้านเหรียญในสัปดาห์แรก แต่หนังทำรายได้ไม่เข้าเป้าตั้งแต่วันแรก ทำให้ 3 วันแรกของ Mulan ในเมืองจีนเก็บเงินไปได้ 23.2 ล้านเหรียญ
แต่ถึงอย่างนั้น Mulan ก็ยังทำรายได้เพียงพอที่จะเปิดตัวเป็นแชมป์หนังเรื่องใหม่ เพราะ "The Eight Hundred" เริ่มหมดแรงลงในเมืองจีน หล่นลงไปอยู่อันดับที่ 2 แต่รายได้ยังค่อนข้างดูดีเก็บเพิ่มไปอีก 21.7 ล้านเหรียญ สิ่งที่เกิดขึ้นกับ Mulan ทำให้บรรดาผู้บริหารดิสนีย์ต้องกุมขมับ เพราะเชื่อว่าความล้มเหลวของหนังในเมืองจีน ที่เป็นตลาดที่คาดหวังเอาไว้สูง มีสาเหตุมาจากประเด็นดราม่าการเมืองที่นำมาเชื่อมโยง โดยเฉพาะกรณีที่กองถ่ายได้เข้าไปถ่ายทำให้พื้นที่เขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ และกล่าวหารัฐบาลจีนว่ามีการกักกันปรับทัศนคติชาวอุยกูร์จำนวนมาก เป็นชนวนดราม่าที่เกิดขึ้น
ทางรัฐบาลจีนได้ตอบโต้หนังมู่หลาน ฉบับปี 2020 ด้วยการสั่งห้ามสื่อในประเทศทำการเผยแพร่และสนับสนุนโปรโมทใดๆ เพื่อใดไปตีตั๋วดูหนังเรื่องนี้ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ผลกระทบจากประเด็นดราม่านี้เห็นได้ชัดว่าส่งผลต่อหนังเช่นเดียวกัน หนังทำรายได้น้อยกว่าที่คาดเอาไว้เกือบครึ่ง และน่าจะไม่มีอนาคตที่ยืนยาวจากการฉายในเมืองจีนอย่างแน่นอน
แต่อย่างไรก็ตาม ก็ยังมีรายงานว่า แม้ Mulan จะเก็บเงินบนบ็อกซ์ออฟฟิศได้ไม่มากนัก แต่หนังได้รุกตลาดส่วนใหญ่จากการฉายผ่านสตรีมมิ่งของ Disney+ ทั่วโลก มีรายงานว่าทำเงินไปได้ประมาณ 50 ล้านเหรียญแล้วในเฉพาะส่วนของสตรีมมิ่ง เห็นได้จากอัตราการเติบโตและจำนวนผู้ที่กดเช่าซื้อหนังเรื่องนี้ดูตั้งแต่วันแรกๆ
ในขณะที่ดิสนีย์กำลังปวดหัวอยู่กับดราม่าของมู่หลาน ย้ายฝั่งมาดูสตูดิโอเพื่อนบ้าน วอร์เนอร์ บราเธอร์ส ก็กำลังเก๊กซึมอยู่กับรายได้ที่ยังไม่เข้าเป้าของ "Tenet" ที่เป็นหนังหน่วยกล้าตายที่ออกฉายในช่วงนี้ แม้จะเป็นหนังทุนสูงกว่า 200 ล้านเหรียญ ทำให้ล่าสุดบนบ็อกซ์ออฟฟิศอเมริกา วอร์เนอร์ฯ ได้ตัดสินใจไม่รายงานตัวเลขรายได้ของ Tenet ออกมา หลังจากที่เคยเปิดตัวไปเมื่อสัปดาห์ก่อนที่ราวๆ 20 ล้านเหรียญ
ปัจจุบันเพิ่ง Tenet ทำเงินทั่วโลกได้มากกว่า 200 ล้านเหรียญแล้ว แม้ว่าในอเมริกาจะยังทยอยๆ เพิ่มโรงฉายขึ้นอีก แต่วอร์เนอร์ฯ ก็เลือกจะใช้สิทธิ์ไปเปิดเผยตัวเลขรายได้ของหนังไปก่อน และนั่นก็สอดคล้องกรณีที่ค่ายหนังตัดสินใจเลื่อนฉาย "Wonder Woman 1984" ไปช่วงท้ายปีแทน เพราะเห็นได้ชัดว่าการจะเข้าฉายในระยะนี้ยังมีความเสี่ยงสูงที่จะไม่คุ้มทุน
เช่นเดียวกับ โซนี พิคเจอร์ส ที่มีหนังเล็กๆ อย่าง "Broken Hearts Gallery" เปิดตัวในสุดสัปดาห์นี้ด้วยเช่นกัน พวกเขาก็เลือกจะไม่เปิดเผยตัวเลขรายได้ออกมา แต่อย่างไรก็ตาม ล่าสุดก็ได้มีการเปิดตัวเลขสรุปออกมาแล้วว่า Tenet ทำเงินในอเมริกาเพิ่มไปอีก 6.7 ล้านเหรียญในสัปดาห์ที่ 2 ของการฉาย ลดลงไปกว่า -67% จากสัปดาห์เปิดตัว หนังทำยอดเงินรวมในบ้านไปได้แล้ว 29.5 ล้านเหรียญ ซึ่งถือว่ายังเป็นตัวเลขที่ค่อนข้างต่ำและลดลงอย่างน่าเป็นห่วง
Source: Deadline (1), (2)
--------------------------------------------------