Short CommentOnce Upon a Crime กาลครั้งหนึ่งกับคดีปริศนา (2023)สนุกสนานเพลิดเพลินเจริญใจกับเทพนิยายแนวสืบสวนที่ทั้งกวนทั้งปั่นประมาณดูละครเวทีที่เล่นกันสนุกๆยอมรับตามตรงว่าปัจจุบันสำหรับดูไปบ่นไปนอกจากคอนเทนต์เกาหลีแล้วถ้ามีงานจากญี่ปุ่นและไต้หวันมาใหม่ไม่ว่าจะทางแพล็ตฟอร์มไหนเป็นอันว่าไม่ค่อยพลาด จนกลายเป็นความสนใจหลักที่เฝ้ารอเฝ้าคอยว่าจะมีอะไรน่าสนใจมาให้ติดตามดูยิ่งเป็นทางญี่ปุ่นจะมีแรงดึงดูดมากกว่าเพราะมีดารานักแสดงที่ชื่นชอบมาประกอบความอยาก เช่นเดียวกับหนังใหม่ที่ผู้เขียนสารภาพตรงนี้ว่ารอคอยทั้งที่ความจริงไม่ใช่คอหนังแนวนี้คือแนวเทพนิยายแต่เรื่องเทพนิยายแบบนี้มันคือเรื่องสามัญประจำโลก นั่นคือต่อให้ไม่สนใจเรื่องราวของตัวละครในเทพนิยายก็จะผ่านหูผ่านตามาในช่องทางต่างๆทั้งมาแบบตรงๆหรืออ้อมๆ เช่นเดียวกับการหยิบเอาเทพนิยายคลาสสิคมาขึ้นจอที่คงไม่ต้องไปนับแล้วว่ามากี่ครั้งเพราะคงนับไม่ไหวไม่ว่าจะมาเป็นทีจริงหรือทีเล่น แล้วสำหรับหนังญี่ปุ่นเรื่องนี้ความสนใจของผู้เขียนอยู่ที่น่าจะออกมาเป็นการหยิบเอาความคลาสสิคมาขยำยำใหม่ตามชื่อเรื่องว่า Once Upon a Crime ด้วยการจับเอาตัวละครอย่างหนูน้อยหมวกแดงมาประชันกับซินเดอเรลล่าเป็นที่น่าสนุกอย่างยิ่งและเรื่องนี้มียูโกะ อารากิกาลครั้งหนึ่งนานมาแล้วมีสาวน้อยน่ารักคนหนึ่งซึ่งคุณยายของเธอรักเธอมากและวันหนึ่งคุณยายมอบชุดคลุมมีหมวกทำจากผ้ากำมะหยี่สีแดงให้เธอ ด้วยความที่เธอสวมแล้วดูดีมากเธอจึงอยากสวมมันไว้ตลอดเวลาต่อมาเวลาผ่านไปเธอจึงเป็นที่รู้จักในชื่อหนูน้อยหมวกแดง (คันนะ ฮาชิโมโตะ) หลายปีผ่านไปหนูน้อยหมวกแดงในวัยเยาว์ได้เติบโตมาเป็นหญิงสาวที่เฉลียวฉลาดและในใจของเธอมีความหวังอันยิ่งใหญ่ ดังนั้นเธอจึงออกเดินทางจนกระทั่งมาพบกับหญิงสาวนางหนึ่งซึ่งมาพร้อมนัยน์ตาเศร้าที่หนูน้อยหมวกแดงมองปราดเดียวก็รู้ว่าเธอถูกรังแกจากแม่เลี้ยงใจร้ายและพี่สาว ใช่แล้วหญิงสาวผู้อาภัพไม่มีแม้แต่รองเท้าคือดาวพระศุกร์ไม่ใช่สิคือซินเดอเรลล่า (ยูโกะ อารากิ) ที่หมายมั่นว่าจะได้ไปงานเลี้ยงเต้นรำในวังเพื่อพิชิตใจเจ้าชาย (ทาคาโนริ อิวาตะ) แต่จะเป็นไปได้เช่นไรเมื่อซินเดอเรลล่ามีเพียงชุดเก่ามอซอแถมไม่มีรองเท้าร้อนถึงแม่มดดำขาวต้องมาเป็นคอสตูมให้พร้อมราชรถฟักทองโดยมีเงื่อนไขที่ใครก็รู้กัน ทว่าระหว่างทางหนูน้อยหมวกแดงและซินเดอเรลล่าก็ต้องมาพบกับคดีฆาตกรรมซะงั้นเล่าเรื่องหลวมๆขยำรวมเทพนิยายคลาสสิคให้ออกมาปั่นและกวนได้อย่างสนุก อย่างที่รู้กันว่าเทพนิยายคลาสสิคแบบนี้ได้ถูกเล่ามาจนไม่รู้จะไล่เรียงออกมาว่ากี่ครั้งทั้งที่มาแบบเล่นๆหรือมาแบบเอาจริงกระทั่งมาแบบงานสยองขวัญก็เคยมีหรือจะมาแบบยำใหญ่ใส่สารพัดก็เคยเห็น ซึ่งเรื่องนี้ไอเดียเจ๋งดีที่หยิบเอาเรื่องของสาวน้อยผู้อาภัพฉายานังซินหรือซินเดอเรลล่ามาขยำรวมกับหนูน้อยหมวกแดง ซึ่งเป็นเจตนาที่ชัดว่าจะมาเป็นทีเล่นมากกว่าจะจริงจังเรื่องเทพนิยายเลยถูกเล่าแบบหลวมๆเพราะทุกคนต่างรู้ต้นสายปลายเหตุและจุดสุดท้าย ทว่าการขยำรวมครั้งนี้คือการามาในโทนเบาด้วยการวางตัวเป็นงานสืบสวนแบบเดียวกับเชอร์ล็อค โฮล์มส์หรือยอดนักสืบจิ๋วโคนันโดยชัดเลยว่าผลักดันตัวละครหนูน้อยหมวกแดง หนังมาพร้อมอารมณ์ที่จ้องจะมาปั่นเพราะตั้งใจมาเบาสมองเต็มที่แต่บทภาพยนตร์กลับดูดีไม่เบาเพราะเรื่องราวที่วางไว้ให้น่าสงสัยยังจัดการได้ เพราะเมื่อคนดูรู้อยู่แล้วว่าเรื่องซินเดอเรลล่ามีจะมีบทสรุปเช่นไรความสงสัยว่าใครคือฆาตกรจะทำงานพร้อมกับคาดหวังว่าเรื่องจะจบแบบสุขสันต์นิรันดรอาจเหมือนรั่วๆแต่เห็นชัดว่าจงใจให้ความรู้สึกสนุกเหมือนการดูละครเวทีที่เด็กๆเล่นกันด้วยความสนุก แน่นอนเมื่อเป็นเรื่องที่คนดูรู้อยู่แล้วจึงถูกเล่าหลวมๆเพื่อสอดแทรกสิ่งที่ต้องการให้หนังเป็นไปอย่างที่ต้องการจึงเห็นประมาณว่าดูรั่วๆ กระนั้นนั่นหาใช่ความรั่วเพราะมองยังไงก็ชัดเจนว่าหนังตั้งในมาเป็นแบบนั้นทั้งบทสนทนาที่สุดปั่นจังหวะการปล่อยมุขฮาที่มาให้เห็นในแบบละครเวทีมากกว่า หรือจะเอาให้ชัดไปเลยคือหนังอยากเล่นอะไรก็เล่นอยากใส่อะไรก็ใส่เพราะไม้ได้ตั้งใจมาจริงจังอยู่แล้วทำให้เหมือนกับการที่เด็กๆมาเล่นละครเวทีให้ดูที่มีนอกบทบ้างมีกวนอวัยวะเบื้องต่ำบ้างเพราะการเล่นละครเวทีแบบนั้นมันเน้นการแสดงออกและเพื่อเล่นให้สนุก แล้วคนดูที่ได้ดูก็รู้นะว่าจังหวะมันนรกแต่ก็สนุกสุดฮาเพราะรู้แล้วว่าจะเอาอะไรมากมายซึ่งอารมณ์แบบนี้มาเต็มประตูเพราะทั้งฉากและการแสดงบทสนทนาที่ไม่ว่ายังไงก็ต้องถวิลหาอารมณ์นี้ แต่ที่จัดจ้านคือสิ่งเหล่านี้ถูกร้อยเรียงมาแล้วอย่างเป็นระบบระเบียบดูเหมือนหลวมและรั่วแต่ถ้าคิดให้ดีกลับเป็นความลงตัวอย่างน่าประหลาดเพราะมาจากการเรียงร้อยมาอย่างดีถ้าจะมาเป็นทีเล่นจริงๆต้องให้ได้แบบนี้ที่เหมือนไม่จริงจังแต่เพลิดเพลินเจริญใจ เอาจริงคือตั้งแต่ตอนที่หนูน้อยหมวกแดงโดนหนามเกี่ยวและไปเจอกับแม่มดเรื่อยไปถึงสุดท้ายที่ถูกหนามเกี่ยวอีกทีหนังเต็มไปด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ เพราะความที่ชัดเจนมาเป็นทีเล่นความจริงจังก็ทิ้งไปก่อนแต่นั่นคือความดีงามของหนังเพราะยังไงการยำเรื่องเทพนิยายแถมใช้ลูกเล่นแบบละครเวทีมาเล่าแบบนี้สร้างความเพลิดเพลินเต็มที่ และเรื่องนี้ก็ไม่มีหลุดโทนไปจากนี้เพราะจังหวะปล่อยของมันใช่เอาง่ายๆคือคนดูจะฮาทุกครั้งที่หนูน้อยหมวกแดงทะลุกลางปล้องพูดมาแล้วคู่สนทนาตอบโต้ นั่นหมายความว่าต่อให้ไม่พยายามจริงจังก็ยังดูสนุกได้ต่อให้เข้าใกล้ความรั่วเรื้อนเพียงใดก็ยังดูเพลินได้ ที่สำคัญคือการผสานเรื่องชวนสงสัยในคดีฆาตกรรมที่ความจริงก็ไม่ได้แน่นหนาจนต้องระดมสมองคิดจนระทมกบาลแต่ความที่หน้าหนังเป็นเทพนิยายซินเดอเรลล่าบังคับไว้ทำให้ชุดความคิดของคนดูอยู่ในกรอบ และนั่นคือจุดอ่อนที่หนังจะเล่นงานเพราะความพลิกผันที่ใส่มาหลังจากสงสัยเต็มที่ก็คือสิ่งวัยรุ่นข้างบ้านเรียกว่าพีคในพีคการแสดงที่ต่างไปเพราะสื่อสารด้วยภาษากายมากกว่าด้วยความที่ว่าจะมาอารมณ์ละครเวที โดยปกติแล้วการแสดงในหนังมักจะต้องสื่อสารอารมณ์ผ่านทางสีหน้าแววตาเป็นหลักแต่เรื่องนี้คือความต่าง ด้วยความที่หนังตั้งใจมาเป็นละครเวทีที่แสนสนุกการแสดงจึงออกมาแบบนั้นโดยที่สีหน้าแววตามาหลังภาษากายหรืออาจเรียกง่ายๆว่าแสดงแบบลิเก เพราะการแสดงละครเวทีนั้นการสื่อสารทางสีหน้าจะดูยากเพราะระยะห่างของคนดูที่ไม่สามารถโฟกัสได้ภาษากายจึงสำคัญทั้งการหัวเราะร้องให้ที่ดูยังไงก็ละครเวทีชัดๆ แน่นอนอาจถูกค่อนขอดว่าการแสดงดูโอเวอร์แต่นั่นคือความตั้งใจมาเป็นแบบนี้และไม่น่าเชื่อว่าการแสดงแบบนี้นักแสดงกลับดูผ่อนคลายเหมือนมาเล่นกันเอาความสนุก ซึ่งก็แน่นอนเมื่อนักแสดงสนุกคนดูก็สนุกแต่สิ่งที่เหนือกว่านั้นคือเสน่ห์ของนักแสดงที่ต้องยอมรับว่าไม่รู้จะบรรยายยังไงกับเสน่ห์ที่น่ามองของทั้งคันนะ ฮาชิโมโตะหรือยูโกะ อารากิ ทว่าด้วยความที่บทตั้งใจมาขายหนูน้อยหมวกแดงก็ทำให้คันนะ ฮาชิโมโตะดูเด่นกว่าและสามารถต่อยอดจากบทนี้ต่อไปถ้ามีการสร้างต่อมาบันเทิงอย่างเหลือเชื่อได้ยิ้มได้หัวเราะตั้งแต่ต้นไปจนสุดท้าย ความจริงเมื่อเห็นชื่อเรื่องและพล็อตเรื่องผู้เขียนก็คิดไว้นะว่าหนังต้องออกมาบันเทิงเพราะคงไม่มาขมึงตึงแน่ แต่สิ่งที่เป็นกลับมากกว่านั้นคือความบันเทิงจัดเต็มอย่างเหลือเชื่อด้วยเหตุที่ความเป็นละครเวทีของหนังหรืออาจจะมองว่าคล้ายหนังยุคเก่าก็ไม่ผิดนัก เป็นละครเวทียังไงเอาง่ายๆคือเรื่องซินเดอเรลล่าที่ทุกคนรู้กันคือเทพนิยายของฝรั่งชื่อตัวละครทุกคนเป็นฝรั่งแต่ถูกแสดงโดยคนญี่ปุ่นใส่วิกไปนั่น ซึ่งจะต่างอะไรกับการเอาเด็กๆมาเล่นเป็นซินเดอเรลล่าเป็นเจ้าชายเป็นแม่มดที่แสดงแบบเวอร์ๆเพื่อเรียกเสียงฮาผ่านกริยาท่าทางที่แค่ดูเฉยๆก็ขำ กระนั้นก็ดูหมิ่นเหม่เหลือเกินกับความเบาบางเพราะไม่พยายามละเอียดยิบย่อยเล่าแบบรวบๆเดินหน้าไปเร็วแต่ไม่ลืมทิ้งปริศนา แล้วการทิ้งปริศนาไว้อย่างเนียนๆนี่เองที่ทำให้มองเห็นว่าในความเกือบเบาบางของบทหนังคือการวางจังหวะมาอย่างลงตัวด้วยเจตนาให้สนุกแบบละครเวทีอย่างที่บอก แล้วเป็นแม้กระทั่งจังหวะดนตรียังใช่ทำให้ดูได้อย่างสนุกสุดบันเทิงเช่นจังหวะโชว์อึ๋มของแอนนั่นไงดูไปบ่นไปขอบคุณภาพประกอบภาพปก / ภาพที่ 2,3,4,5,6,7 / ภาพที่ 8 จาก Instagram netflixjpภาพที่ 1 จาก Facebook Netflix จะฟังเพลงหรือดูหนัง ซีรีส์ใหม่สุดปัง โหลดเลยที่ App TrueID โหลดฟรี !