Movie Review Vijay 69 (2024) วีเจย์ 69 "ความหมายของชีวิตในยามที่ชีวิตไร้ความหมาย" มาในความเป็นดราม่ากีฬาเก๋าๆปลุกเร้าแรงบันดาลใจให้อบอุ่นซาบซึ้งตื้นตัน รับชมหนังซีรีส์ระดับพรีเมียม กดสมัคร TrueID+ ดูได้ทุกที่ 24ชม. คลิก!! ความจริงผู้เขียนดูหนังได้ทุกประเภทจากทุกชาติทุกภาษาที่เมื่อย้อนรำลึกถึงเมื่อยุคทองของนิตยสารที่การดูหนังของผู้เขียนคือการทำงานที่บางครั้งก็ต้องเข้าไปดูหนังที่ไม่ได้อยากดูเพื่อมาวิเคราะห์ จนเมื่อกลับมาใช้ชีวิตที่บ้านเกิดคุณแม่บ้านการดูหนังจึงได้เลือกดูที่ชอบที่อยากดูมากขึ้นแต่ข้อจำกัดมันดันอยู่ที่พื้นที่ที่อยู่ไม่มีโรงหนังจึงต้องพึ่งพาร้านเช่าเป็นหลัก ที่ผู้เขียนจะสื่อคือปัจจุบันเราสามารถเลือกดูคอนเทนต์ที่เราอยากดูได้ง่ายเพียงลัดนิ้วมือดูได้ทุกที่ทุกเวลาถ้ามีเวลาดูต่างจากเมื่อก่อนและหนังที่ผู้เขียนชอบดูจากเมื่อก่อนเป็นหนังฝรั่งเป็นหลักที่ปัจจุบันก็ยังดู แต่ความหลากหลายเริ่มมากขึ้นทั้งเกาหลี ญี่ปุ่น ไต้หวัน จีน อินเดียหรือแม้กระทั่งประเทศเพื่อนบ้านแล้วแต่ละที่ก็อาจไม่ได้มีแนวทางการสร้างงานที่แหวกแนวมากนัก อาจมีความต่างที่เป็นเอกลักษณ์ของหนังแต่ละชาติเท่านั้นที่สามารถทำให้หนังแต่ละเรื่องแต่ละแนวมีความน่าสนใจในรายละเอียดเช่นเดียวกับงานดราม่ากีฬาท้าทายความฝันและแรงบันดาลใจเรื่องนี้ที่อาจเหมือนไม่แตกต่างจากแนวนี้ทั่วไปแต่ทำไมมันดูเก๋า Vijay Mathew (Anupam Kher) ชายชราหัวดื้อเอาแต่ใจปากร้ายหยาบคายแต่ยังจิตใจดีที่เปิดมาด้วยความตายที่คนรอบกายคิดว่าเขาฆ่าตัวตายแต่กลายเป็นโผล่มาในงานศพตัวเอง แล้วในคำไว้อาลัยของเพื่อนสนิทคือ Fali (Chunky Pandey) ที่ไม่มีอะไรให้รำลึกถึงความสำเร็จใดในชีวิตที่ผ่านมา 69 ปีทำให้ Vijay รู้สกเหมือนชีวิตว่างเปล่าไร้ความหมายแม้จะมีลูกสาวและครอบครัวที่สมบูรณ์ และแล้วในงานแถลงข่าวการจะเป็นผู้พิชิตไตรกีฬาอายุน้อยที่สุดในอินเดียของ Aditya Jaiswal (Mihir Ahuja) ในวัย 18 ปีก็ปลุกไฟในใจของนักว่ายน้ำเก่าอย่าง Vijay ขึ้นมาเพราะเขาได้ทิ้งความฝันและคำสัญญากับภรรยามาเพื่อการบางอย่างที่ต้องไปดูเองเล่าตรงนี้เดี๋ยวไม่ซึ้ง ว่าแล้ว Vijay ก็หอบสังขารที่โรยราเพราะชราภาพเข้าไปสมัครแข่งไตรกีฬาเพื่อเป็นผู้พิชิตไตรกีฬาที่แก่ที่สุดของอินเดียบ้างแต่ก็ถูกตอกหน้ากลับมาว่าขนาดคนห้าสิบกว่าไปตลาดยังขี่มอเตอร์ไซค์ (อันนี้ผู้เขียนว่าเอง) แต่คนอายุ 69 ไม่อาชีวิตไปทิ้งเรอะ แต่ไม่ว่ายังไง Vijay ก็ได้สิทธิ์เข้าแข่งแล้วหลังจากนั้นก็ตามนั้นเพราะการจะลงแข่งกีฬาที่โหดมหาหินมันต้องซ้อมต้องเตรียมร่างกายที่นอกจาก Vijay ต้องสู้กับสังขารตัวเองยังต้องสู้กับปัจจัยแวดล้อมอีกมากมาย รู้นะว่าเป็นเรื่องสมมติแต่สามารถเล่าให้จับต้องได้เพราะเรื่องแบบนี้มีอยู่ทั่วไปแค่ไม่มีใครคิดจะลุกขึ้นมาทำมัน เอาจริงถ้าว่ากันที่ภาพรวมบทหนังออกจะมีโดดไปมาคล้ายไม่รู้จะขายอะไรระหว่างดราม่ากีฬากับดราม่าครอบครัวเลยเหมือนครึ่งๆกลางๆในช่วงแรก แน่นอนเมื่อพยายามเล่าสองทางแต่ไม่เป็นเนื้อเดียวกันจึงเห็นบางอย่างที่อาจง่ายเกินไปหรือโกงไปบ้างแต่แก่นของเรื่องยังมั่นคงแข็งแรงด้วยเรื่องของชีวิตที่ว่างเปล่าจากการละทิ้งความฝัน ซึ่งมันอาจเป็นเรื่องสามัญของมนุษย์ที่แต่ละคนที่มีบ้างที่ความฝันและเป้าหมายถูกทิ้งไว้กลางทางระหว่างทางชีวิต แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะหยิบมาคิดและลุกขึ้นมาทำแต่ความเก๋ามันอยู่ที่การลุกขึ้นมาทำตามเป้าหมายนั้นมันอาจมาช้าไปในเวลาที่ไม่ถูกต้อง และนั่นคือการต้องต่อสู้กับหลายอย่างทั้งภายในและภายนอกคือตัวเองและคู่แข่งที่เอาจริงในส่วนคู่แข่งดูยัดเยียดไปหน่อยด้วยซ้ำแถมคนที่ทำอะไรไว้ไม่ได้รับผลของการกระทำ แต่สิ่งที่เล่ามามันกลับจับต้องสัมผัสได้เพราะแม้บทจะมีปัญหาบ้างแต่แก่นแท้ของหนังยังมีเป้าหมายที่ชัดเจนจนในความขบขันที่เห็นด้วยตาสามารถซึมลึกลงสู่หัวใจ มาหมดด้วยความถึงพร้อมทุกแง่มุมประทับใจให้อบอุ่นตื้นตันกับความฝันและแรงบันดาลใจที่ต้องคู่ไปกับครอบครัว หนังแนวนี้ส่วนที่ต้องมีความความจับใจในแง่มุมชีวิตเพราะมันคืองานแนวดราม่าแล้วเรื่องนี้ก็มาทั้งความเป็นดราม่ากีฬาที่ทุกการฝ่าฟันเพื่อความสำเร็จมันไม่ง่ายความฮึกเหิมขนแขนแสตนด์อัพต้องมา แถมยังมาพร้อมดราม่าครอบครัวเมื่อคนที่ลุกขึ้นมาสู้เพื่อฝันดันเป็นคนวัยใกล้ลงโลง (จริงๆเพราะในเรื่องเอาโลงศพมาตั้งไว้จริงๆ) การต่อสู้กับสิ่งรอบข้างคือความห่วงไยของครอบครัวก็ต้องมา ซึ่งเรื่องนี้ยกมาได้อย่างถึงพร้อมทั้งความเร้าใจในความเป็นดราม่ากีฬาความอบอุ่นตื้นตันในความเป็นดราม่าครอบครัวที่ทุกความไม่เข้าใจจะถูกคลี่คลายลงได้ให้ซาบซึ้ง แถมเรื่องนี้ในความซาบซึ้งยังมีเรื่องของมิตรภาพที่แนบแน่นของเพื่อนทั้งในวัยเดียวกันที่ก้าวข้ามความรั้นและปากสุนัขไม่รับประทานไปนานแล้วเพราะเวลาที่เป็นเพื่อนกันมันมากกว่า และเรื่องของมิตรภาพต่างวัยที่กระตุ้นเตือนบางอย่างได้ดีเพียงแต่เมื่อเล่าเรื่องมากประเด็นในเวลาที่มีก็ต้องแลกมากับอาการยัดเยียดไปบ้างหาทางไปง่ายๆไปบ้างก็เท่านั้น ความหมายของชีวิตในยามที่ชีวิตไร้ความหมาย สารภาพว่าเมื่อดูเรื่องนี้ไปจนเกือบจบความคิดของผู้เขียนในวัยขนาดนี้หวนมาคิดอย่างที่คุณปู่ Vijay คิดคือรำลึกถึงความสำเร็จในชีวิตที่จะมาเป็นคำไว้อาลัยในงานศพได้ สำหรับบางคนที่เป็นคนธรรมดาอย่างผู้เขียนอาจเป็นเรื่องง่ายๆคือการเป็นสามีและพ่อที่สมบูรณ์ก็เพียงพอแต่กับคนที่มีมากกว่านั้นอาจไม่ใช่ เพราะการทิ้งความฝันและแรงบันดาลใจเพื่อคนที่เรารักหมดใจอาจเป็นเรื่องยิ่งใหญ่แต่สุดท้ายเรื่องแบบนี้มันยังเป็นเรื่องส่วนบุคคลที่ตนเองเท่านั้นที่จะต้องแบกรับมันในวันใดวันนึ่ง เพราะอย่าง Vijay คือมีภรรยาและครอบครัวเป็นเป้าหมายเป็นความหมายในชีวิตแล้วเมื่อสิ้นภรรยาไปครอบครัวในส่วนของลูกสาวก็สมบูรณ์แล้วเท่ากับว่าเป้าหมายนั้นหมดสิ้นไปอาจเพราะบรรลุแล้วก็ไม่ผิด แน่นอนเมื่อเป้าหมายนั้นมลายหายไปชีวิตที่มีก็เหมือนไร้ความหมายหายใจใช้ชีวิตไปวันๆเพื่อรอวันจากไปแต่จะมีใครคิดถึงว่าเรามีอะไรให้จดจำ แล้วสิ่งที่ Vijay ทำคือการลุกขึ้นมาทำตามความฝันของตนเองซึ่งมันคือฝันที่มีร่วมกันกับภรรยาที่รักที่เธอคงเจ็บปวดไม่น้อยเมื่อสามีที่รักยอมทิ้งความฝันเพื่อเธอ และการพิชิตไตรกีฬาที่โหดมหาหินก็คือความหมายในชีวิตในยามที่ชีวิตไร้ความหมายของ Vijay 69 อาจเหมือนมีแผลเพราะบทเหมือนขายฝันและมีริ้วรอยแต่การแสดงยังออกมาได้แบบสุดเก๋า อย่างที่บอกคือบทหนังมีเรื่องให้เล่ามากทั้งเล็กทั้งใหญ่ในเวลาเท่าที่มีทำให้อาจดูโดดไปมาหาทางไปง่ายๆหาทางลงง่ายๆเช่นกรณีของลูกสาวที่ไม่มีจุดเปลี่ยนอะไรตรงไหนเลย แต่สิ่งที่ทำให้เรื่องดูสนุกได้ส่วนหนึ่งคือแก่นของเรื่องที่แข็งแรงแต่สิ่งที่มองข้ามไม่ได้คือการแสดงเป็น Albert Einstein เอ๊ยไม่ใช่ Vijay ของปู่ Anupam Kher ที่ยอดเยี่ยมและเชื่อได้เลยว่านี่คือ Vijay เพราะตัวละคร Vijay คือคนที่ว่างเปล่าใช้ชีวิตไปวันๆไม่มีจุดหมายที่หนังบอกไว้ตั้งแต่แรกเป็นชายแก่ที่ปากร้ายสุนัขไม่รับประทานหัวรั้นเอาแต่ใจแต่ข้างในจิตใจดี ซึ่งการแสดงของปู่ Anupam Kher เห็นเลยว่าตัวละครนี้ได้ถูกตีความมาอย่างดีโดยนักแสดงรุ่นเก๋าการแสดงเลยออกมาเก๋าเพราะถูกถ่ายทอดโดยคนเก๋าๆ ปู่จึงเป็นทุกอย่างของเรื่องนี้ชนิดที่นักแสดงสมทบรายล้อมที่มีบทเด่นบ้างไม่เด่นบ้างกลายเป็นแค่ตัวประกอบในหนังที่เหมือนมาขายความขนขันเพราะเพลงประกอบยังน่าขันเลยคิดดู เป็นความบันเทิงชั้นดีที่ในความเป็นดราม่ากีฬาดีๆจะมีให้แม้จะมีรอยแผลมากมายก็มองข้ามไปได้สบายอุรา เอาจริงหน้าหนังเป็นหนังตลกแหละและหนังก็เอาความตลกขำขันเรื่องของคนวัยไม้ใกล้ฝั่งลุกขึ้นมาทำร้าย เอ๊ย ท้าทายตัวเองในกีฬาที่โหดหินอย่างไตรกีฬาที่ต้องทำสามอย่างต่อเนื่องกัน และส่วนนั้นก็เอามาขายได้อย่างสนุกเป็นความบันเทิงชั้นดีเพราะมีความตลกบนความวุ่นวายขายปลาช่อนในการพยายามลงแข่งเพื่อเป็นผู้พิชิตไตรกีฬาที่แก่ที่สุดในประวัติศาสตร์ ซึ่งมันคือลูกเล่นง่ายๆของงานดราม่ากีฬาแต่สิ่งที่พ่วงมาคือมิติทางใจมากมายทั้งเรื่องครอบครัวที่ความเข้าใจเท่านั้นที่เป็นยาอายุวัฒนะให้บุพการีหรือเรื่องมิตรภาพและการเลี้ยงดูลูกที่มาพร้อมการฝ่าฟันในเชิงกีฬา สิ่งที่ตามมาคือหนังออกมาสนุกบันเทิงที่ครบรสเพราะนอกจากจะลุ้นว่าคุณปู่วัย 69 จะพิชิตไตรกีฬาได้หรือไม่ที่ถ้าเป็นเมื่อก่อนอาจได้แน่แต่แต่ปัจจุบันการเขียนบทหนังมันไว้ใจไม่ได้แล้ว แม้ว่าหนังจะมีริ้วรอยบาดแผลมากมายแต่ความบันเทิงที่มีให้ก็ทำให้มองข้ามไปเพื่อดูได้อย่างสบายอุรา ดูไปบ่นไป ขอบคุณภาพประกอบ ภาพปก / ภาพที่ 1 / ภาพที่ 2,3,4,5,6 / ภาพที่ 7,8 จาก Instagram netflix_in เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !