รีเซต

ผู้กำกับ Men in Black เมาท์ "วิล สมิธ" ผายลมรุนแรงมากในกองถ่าย จนต้องหยุดถ่ายทำ 3 ชั่วโมง

ผู้กำกับ Men in Black เมาท์ "วิล สมิธ" ผายลมรุนแรงมากในกองถ่าย จนต้องหยุดถ่ายทำ 3 ชั่วโมง
แบไต๋
7 ตุลาคม 2567 ( 13:00 )
30

เชื่อว่าหลายคนยังจำได้ถึงความสนุกสนานของหนังแอ็กชันไซไฟตลกอย่าง ‘Men in Black’ (1997) ที่หลายคนยังคงจดจำคู่หูคู่ฮาอย่างเจ้าหน้าที่เจย์ (Agent J) เจ้าหน้าที่มือใหม่สุดฮา นำแสดงโดย วิล สมิธ (Will Smith) และ เจ้าหน้าที่เคย์ (Agent K) มือเก๋าหน้าตาย รับบทโดย ทอมมี ลี โจนส์ (Tommy Lee Jones) ที่ประสบความสำเร็จด้วยการคว้ารางวัลออสการ์สาขาแต่งหน้าและออกแบบทรงผมยอดเยี่ยม ทำรายได้ 589 ล้านเหรียญ เป็นหนังที่ทำรายได้สูงสุดเป็นอันดับที่ 3 ของปีนั้น และเคยขึ้นแท่นหนังที่ทำรายได้สูงสุดของค่าย Sony ก่อนจะโดน ‘Spider-Man’ (2002) เบียดแซง

ในวาระที่ผู้กำกับไตรภาค MIB อย่าง แบร์รี ซอนเนนเฟลด์ (Barry Sonnenfeld) เปิดตัวหนังสือเล่มใหม่ของเขาที่ใช้ชื่อว่า ‘Best Possible Place, Worst Possible Time’ ซึ่งเป็นบันทึกที่บอกเล่าเบื้องหลังแฟรนไชส์หนังดังที่เขาปลุกปั้นมาตลอด 4 ทศวรรษในการทำงาน และเพิ่งจะวางแผงไปหมาด ๆ เมื่อวันที่ 1 ตุลาคมที่ผ่านมา โดยในหนังสือเล่มนี้ ซอนเนนเฟลด์ยังได้เล่าถึงเบื้องหลังฮา ๆ ในการทำงานกับ 2 นักแสดงที่วุ่นวายกันคนละสไตล์

เรื่องแรก ซอนเนนเฟลด์ได้มีโอกาสเมาท์ถึงสมิธ นักแสดงที่เคยปฏิเสธบทบาทนี้ แต่ตอบรับเพราะ Executive Producer อย่าง สตีเวน สปีลเบิร์ก (Steven Spielberg) ซึ่งเขาได้เมาท์เผาวีรกรรมของนักแสดงเจ้าของบท Agent J กับพอดแคสต์ Let’s Talk Off Camera with Kelly Ripa ว่าจริง ๆ แล้วสมิธนั้นเป็นคนที่ผายลมได้รุนแรงมาก ๆ มากจนถึงขั้นต้องพักกองชั่วคราวเลยทีเดียว

จังหวะไม่พึงประสงค์ของสมิธเกิดขึ้นในฉากที่ Agent K ขับรถพา Agent J ไล่ล่า The Bug แมลงเอเลียนที่ใช้ร่างกายของชาวนาปิดบังร่างกาย แต่รถของทั้งคู่กลับมาติดแหง็กอยู่ในอุโมงค์ที่เต็มไปด้วยจราจรติดขัด Agent K จึงเปิดโหมดรถดัดแปลง ตีลังกาวิ่งแซงรถทุกคันในอุโมงค์ด้วยความเร็วสูงไปอย่างง่ายดาย แต่คนที่ตกใจเกือบตายคือมือใหม่อย่าง Agent J

ซึ่งเบื้องหลังในฉากนี้ ทั้งคู่ต้องถ่ายทำอยู่บนแทงก์ที่ปิดผนึกอย่างแน่นหนา ซอนเนนเฟลด์เล่าเบื้องหลังเพิ่มเติมว่า “มันต้องมีตัวล็อกป้องกันแน่นหนา เพื่อไม่ให้ฝามันเปิดออกและมีอะไรหล่นลงมาครับ พอผมพูดว่า ‘กล้องพร้อมถ่ายนะ’ ผมได้ยินวิล สมิธพูดว่า ‘โอ้ พระเจ้า ขอโทษนะทอมมี ขอโทษจริง ๆ แบซ เอาบันไดมาหน่อย…’ แล้วทอมมีก็พูดว่า ‘ไม่เป็นไร วิล ไม่ต้องห่วง ไม่ต้องกังวลนะวิล…’”

ซอนเนนเฟลด์เล่าว่าตอนนั้นเขาไม่รู้เลยว่าทำไมสมิธต้องเอ่ยปากขอโทษ “เราเลยต้องรีบเอาบันไดไปให้เขาครับ พอบันไดยกมา ทอมมีก็ยื่นขาของเขาออกแล้วก็รีบปีนลงบันไดไป สิ่งที่เกิดขึ้นคือ วิล สมิธเขาผายลมครับ ก็แค่มีคนผายลมเองน่ะ”

แน่นอนว่าการติดอยู่ในแทงก์แคบ ๆ ที่ปิดผนึกอย่างแน่นหนาและตั้งอยู่ในจุดสูง ๆ พร้อมกับวิล สมิธที่ผายลมไปแล้วย่อมไม่ใช่ที่ที่น่าอยู่สักเท่าไหร่ “ผมว่าคุณคงไม่อยากนั่งข้างเขาในไร่ของ Disney ด้วยซ้ำน่ะ เราเลยต้องอพยพทีมงานออกไปจากกองถ่ายประมาณ 3 ชั่วโมง มันเหลือเชื่อมากเลย คือเขาเป็นคนที่น่ารักนะ เพียงแต่ว่าเขาชอบผายลมน่ะ บางคนก็เป็นแบบนั้นแหละ แต่บางคนก็ไม่เป็น”

นอกจากนี้ ซอนเนนเฟลด์ยังเล่าถึงเบื้องหลังความยากที่สุดในการถ่ายทำอย่างหนึ่งก็คือ การถ่ายทำร่วมกับโจนส์ ที่แม้ว่าจะไม่ได้โด่งดังจากบทตลก แต่ความยากที่เขาเปิดเผยก็คือ ด้วยความที่ Agent K ต้องมีบุคลิกแบบตลกหน้าตาย เป็นคาแรกเตอร์คนละขั้วกับตัวฮาอย่าง Agent J เขาจึงต้องควบคุมไม่ให้นักแสดงรุ่นใหญ่พยายามแสดงบทตลกเพี้ยน ๆ จนผิดคาแรกเตอร์

“วันนี้เป็นวันแรกของการถ่ายทำ ‘Men in Black’ เราใช้เวลาหลายปีกว่าจะมาถึงจุดนี้ แต่ตอนนี้เราอยู่ที่ Stage 27 ในโรงถ่าย ของ Sony ที่ Culver City แล้ว ฉากนี้เป็นฉากที่เอเลียนชื่อไมกี สิ่งมีชีวิตที่มีจมูกยาว ที่ลำตัวมีครีบหลาย ๆ อันนอกเหนือจากขาและแขนปกติ ในฉากนั้น ผมกำลังจะได้กำกับ ทอมมี ลี โจนส์ ผู้ซึ่งน่าเกรงขามอย่างมาก”

“เราซ้อมฉากและไฟเรียบร้อยแล้ว และพร้อมจะถ่ายทำฉากที่ Agent K กำลังซักไซ้ถามคำถาม และไมกีกำลังตอบเขาด้วยภาษาเอเลียน ก่อนที่โจนส์จะสั่งเขาด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าวว่า ‘พอแล้ว ไมกี ยกมือขึ้น’ แล้วจากนั้นคุณโจนส์ก็ร้องรำทำเพลงไปมา ก่อนจะโพล่งมุกออกมาว่า ‘…แล้วก็ยกครีบทุกอันของนายขึ้นมาด้วย !'”

“ผมถึงกับเหงื่อแตก ทุกอย่างเป็นไปได้ด้วยดี แต่ตอนนี้ทุกอย่างพังทลายเมื่อผมรู้ตัวว่า ผมต้องใช้เวลา 20 สัปดาห์ในการกำกับนักแสดงที่ เอ่อ…กำลังพยายามจะทำตลก ผมโกหกว่า ‘คัต…ดีแล้ว’ ตอนที่ผมเดินไปหาทอมมี ผมพยายามจ้องบทเพื่อหลีกเลี่ยงการสบตาเขาและพูดว่า ‘เฮ้ ทอมมี มันจะดูตลกกว่านี้นะถ้าคุณไม่พยายามพูดประโยค ‘ยกครีบของนายด้วย’ ให้มันดูตลกน่ะ’ ผมเงยหน้าขึ้นมาและพบว่า ทอมมีกำลังจ้องผมด้วยสายตาจ้องเขม็งอย่างรุนแรง”

“ผมบอกเขาว่า ‘ฟังนะ ทอมมี สำหรับคุณ นี่เป็นแค่การทำงานประจำวันทั่วไป เหมือนทหาร เหมือนเจ้าหน้าที่รัฐน่ะ Agent K ไม่ได้คิดว่าประโยคอะไรนั่นตลกหรอก คุณก็แค่พูดเหมือนกับขั้นตอนตามปกติของตำราจที่ต้องพูดว่า ‘ยกมือขึ้น’ นั่นแหละที่มันตลกสำหรับคนดู’ ผมหันกลับไปมองบทและพูดอย่างสดใสว่า ‘ลองอีกครั้งนะ มันจะสนุกแน่ !’ แล้วตลอด 20 สัปดาห์ ผมก็ไม่ยอมให้เขาเล่นมุกตลกเลย เป็นประสบการณ์ที่น่ากลัวมาก”

อีกคนที่ซอนเนนเฟลด์ต้องอธิบายเกี่ยวกับคาแรกเตอร์ตลกหน้าตายของโจนส์ก็คือ ไมเคิล แบล็ก (Michael Black) ตัวแทนของโจนส์ที่โทรมาถามถึงเรื่องนี้ เพราะมองว่าโจนส์เองก็เป็นนักแสดงรุ่นใหญ่มากฝีมือที่แสดงบทตลกได้ไม่แพ้กับสมิธ

“ผมอธิบายไปว่า ‘ไม่จริงเลยไมเคิล ลองนึกถึงคู่หูตลกทุกคู่ดูสิ ต้องมีคนที่ตลก 1 คน และคนที่หน้าตายอีก 1 คน แต่ทั้งคู่ก็เรียกเสียงหัวเราะได้เหมือนกัน ผมบอกเลยว่าในความเป็นจริง คนที่หน้าตายมักจะได้เสียงหัวเราะดังกว่าเสียอีก ความตลกมันอยู่ในปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นต่างหาก ผมสัญญาเลยไมเคิล ทอมมีตลกพอ ๆ กับวิลเลยแหละ เชื่อผมเถอะ'”

กว่าที่ซอนเนนเฟลด์จะได้โล่งใจก็ตอนหลังจากที่โจนส์ได้ดูหนังที่เสร็จแล้ว และได้ตอบคำถามในงานแถลงข่าวหนัง เขาถูกสื่อถามว่าทำไมในหนังเขาถึงได้ตลกขนาดนี้ คำตอบของโจนส์ก็คือ “ก็แค่ยืนข้าง วิล สมิธ แล้วก็ทำตามที่ แบร์รี ซอนเนนเฟลด์บอกก็พอน่ะ”